DC บทที่ 355: ดียิ่งกว่ากระทั่งโอสถเขตปฐพี

 

“เช่นนั้นใครที่ท่านจะไปพบ สำนักระดับสูงรึ หรือตระกูลระดับสูง หรือผู้ที่ร่ำรวยที่สุด หรือผู้ที่ทรงอำนาจที่สุด คนเหล่านี้จักนำคนจำนวนมากมายมหาศาลมาหาท่าน” หวังชูเหรินถามเขา

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยางก็พูดขึ้น “ข้าจักพบกับคนที่ปรารถนาจะพบข้า ต่อให้พวกเขามิมีปูมหลังน่าประทับใจ นั่นก็ยังคงเป็นประโยชน์อย่างมากที่มีคนจำนวนมากอยู่ฝั่งเดียวกับข้า”

 

“การพบปะในระดับนั้น… ท่านจะไปทำมันที่ไหน”

 

“ข้าจักปล่อยให้เจ้าเป็นคนคิดหาทาง”

 

“ตกลง แล้วนิกายล้านอสรพิษล่ะ ท่านยังคงต้องการที่จะพบกับพวกเขาด้วยรึ”

 

ซูหยางยิ้มและพยักหน้า “แน่นอน”

 

“ต่อให้พวกเขามิได้ขอเข้าพบข้า ข้าก็จักหาพวกเขาด้วยตนเอง…”

 

หวังชูเหรินพยักหน้าและเธอกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงนิกายล้านอสรพิษ พวกเขามีท่าทางแปลกๆระหว่างการประมูล ข้าเกรงว่าพวกเขาจะพยายามทำอะไรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและท่านในขณะที่พวกท่านยังอยู่ที่นี่”

 

“ข้าหวังว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้น ซึ่งนั่นจะเป็นการให้ข้าได้ใช้เป็นข้ออ้างในการจัดการพวกเขาทั้งหมดอีกครั้ง…”

 

“…”

 

หวังซูเหรินพูดไม่ออก ถ้าเธอไม่รู้ความสามารถของเขา เธอคงหัวเราะเยาะที่เขาโง่

 

“นิกายล้านอสรพิษช่างหยิ่งยะโสและละโมบเกินไปในคราวนี้ พวกเขาได้ล่วงเกินคนที่พวกเขามิควรล่วงเกินเพื่อวิญญาณพิทักษ์และสุดท้ายพวกเขาก็ยังมิได้รับมัน ถ้าข้ามิจับมือกับเขาในวันนั้นบางทีนิกายดอกบัวเพลิงของเราก็อาจจะอยู่ในฐานะเดียวกันในตอนนี้” หวังชูเหรินระลึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในเมืองขนนกพริ้ว

 

“พวกเราจบเรื่องนี้แล้วใช่ไหม” ซูหยางพลันถามเธอ

 

“ใช่… ท่านมีอะไรบอกกับข้าอีกไหม”

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและสำนักหงส์สวรรค์ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกันแล้ว”

 

“อะไรนะ” หวังชูเหรินอุทานออกมาด้วยเสียงสั่นสะท้าน “ร-เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่”

 

“เมื่อกี้นี้ ข้าได้พูดกับสำนักหงส์สวรรค์ก่อนหน้านี้”

 

“อืม… ข้าควรจะแสดงความยินดีกับท่านตอนนี้หรือไม่” หวังชูเหรินถาม รู้สึกค่อนข้างเป็นกังวลเพราะว่าสำนักหงส์สวรรค์พลันก้าวล้ำนำนิกายดอกบัวเพลิงในการเป็นพวกแรกที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

อย่างไรก็ตามเพราะว่านิกายดอกบัวเพลิงไม่ได้เป็นพวกที่มีความสัมพันธ์อันดีกับซูหยางแต่เป็นเธอหวังชูเหรินผู้เดียว นั่นจึงค่อนข้างยากสำหรับนิกายดอกบัวเพลิงที่จะยอมรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีความแค้นกับซูหยางกับความปั่นป่วนที่เขาได้สร้างขึ้นก่อนหน้านั้น

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่” ซูหยางพลันพูดขึ้น “นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำไมข้าจึงยื่นข้อเสนอเดียวกันให้กับเจ้า”

 

“จ-จริงรึ ท่านยินดีที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายดอกบัวเพลิงด้วยรึ” สีหน้าหวังชูเหรินสดใสขึ้นมาในทันใด

 

“ไม่ใช่ ข้ามิได้ทำเช่นนี้เพื่อนิกายดอกบัวเพลิง” ซูหยางส่ายหน้า “ข้าถามเจ้า หวังชูเหริน มาร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของข้า นิกายดอกบัวเพลิงเป็นเพียงแค่ของแถมในเมื่อเจ้าอยู่กับพวกเขา และฐานะของเจ้าภายในนิกายก็ควรเหนือกว่ากระทั่งผู้นำนิกายไปแล้วตอนนี้”

 

“เจ้ายอมรับการเป็นพันธมิตรนี้หรือไม่” ซูหยางถามเธออีกครั้ง

 

“…”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะหวังชูเหรินที่งงงันอยู่ก็พยักหน้า “ยอ…ยอมรับ ข้าต้องการร่วมเป็นพันธมิตร”

 

“ดี เช่นนั้นเจ้าสามารถรับสิ่งนี้ไป”

 

ซูหยางนำเอาม้วนกระดาษห้าม้วนออกมาจากแหวนมิติและวางพวกมันข้างๆถ้วยชา

 

“นี่คือ…” หวังชูเหรินมองดูม้วนกระดาษแต่รู้สึกประหม่าเกินไปที่จะดูเนื้อหาข้างใน

 

“อย่ากลัวไป มันมิกัดหรอก” ซูหยางยิ้ม

 

หวังชูเหรินพยักหน้าและหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมาเปิด

 

ไม่นานหลังจากนั้น ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปด้วยความตื่นตระหนก

 

“ว-ว-วิชาระดับเซียน” เธออุทานออกมา

 

“พูดให้ถูก มันเป็นวิชาระดับเซียนสามม้วนและวิชาระดับอัมพรอีกสองม้วน” ซูหยางกล่าวกับเธอขณะที่เขาจิบชาอย่างสบายใจ

 

“มากมายเพียงนี้เลยรึ” หวังชูเหรินสามารถรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอพยายามที่จะกระโดดออกมาจากปากเพระความตระหนก

 

“ชิ้นที่อยู่ในมือของเจ้าจักต้องใหักับศิษย์ของเจ้า จางซิวยิง เท่านั้น เจ้าสามารถบอกเธอว่ามาจากข้าได้ถ้าเจ้าต้องการ สำหรับอีกสี่ม้วนนั้น ถ้านิกายดอกบัวเพลิงต้องการที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถใช้มันในการฝึกฝนศิษย์ อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขากล้าทรยศพวกเรา ข้าจักไปเยี่ยมพวกเขาอีกครั้งและนั่นก็จะมิเป็นการเยี่ยมที่สงบเรียบร้อยเหมือนครั้งก่อน”

 

“ถ้าพวกเขาปฏิเสธล่ะ”

 

แม้ว่าแทบจะมั่นใจได้ว่านิกายดอกบัวเพลิงจะร่วมเป็นพันธมิตรยามเมื่อพวกเขาเห็นวิชาระดับเซียน อย่างไรก็ตามถ้ายังมีโอกาสที่พวกเขาจะปฏิเสธแม้เพียงเล็กน้อย เธอควรจะทำอย่างไรกับวิชาเหล่านี้

 

“ถ้าพวกเขาปฏิเสธ… ก็เพียงแค่เผาพวกมันทิ้ง” ซูหยางพูดอย่างเรียบง่าย

 

“ท่านต้องการให้ข้าเผาวิชาระดับเซียนและวิชาระดับอัมพรทิ้งรึ… นั่นเป็นการหยามผู้ฝึกยุทธนะ” หวังชูเหรินร่ำร้องในใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา

 

“ข้ายังมีงานอื่นให้เจ้าด้วย” ซูหยางดึงเอาม้วนกระดาษอื่นออกมาจากแหวนมิติและยื่นส่งให้กับหวังชูเหริน

 

“เจ้าพอจะช่วยข้าหาวัตถุดิบตามรายการนี้ได้ไหม”

 

หวังชูเหรินมองดูสิ่งที่อยู่ในรายการ

 

“แม้ว่านั่นอาจจะมีสมุนไพรหายากยิ่งยวดอยู่ในรายการนี้อยู่บ้าง แต่นั่นก็มิถึงกับเป็นไปไม่ได้ในการหาพวกมัน… ปัญหาอยู่ที่จำนวน นั่นค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่บ้างถึงแม้ว่าจะมีเงิน หรือว่าของพวกนี้มีโอกาสที่จะเป็นวัตถุดิบของโอสถเขตปฐพีหรือไม่”

 

“ไม่ใช่ มันเป็นอะไรบางอย่างที่ดียิ่งกว่าเม็ดยาเหล่านั้น”

 

“ถึงกับดีกว่าโอสถเขตปฐพีเลยรึ” หวังชูเหรินเลิกคิ้ว เป็นปกติที่เธอไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ว่ายาประเภทไหนกันที่ดีเกินกว่าโอสถเขตปฐพีที่ทำให้ยุทธภพถึงกับเกิดความปั่นป่วน

 

“ถ้าเจ้าสามารถรวบรวมวัตถุดิบ ข้าจักให้เม็ดยาเจ้าหนึ่งเม็ดหลังจากที่ข้าจัดการกับมันแล้ว” ซูหยางกล่าว “ส่วนสำหรับเรื่องเงิน… ก็เพียงแค่ใช้จากที่เจ้าได้รับจากการขายโอสถเขตปฐพีและเก็บส่วนที่เหลือไว้ให้ตัวเจ้าเอง”

 

“จริงรึ ท่านสัญญาว่าท่านจะให้ยาข้าเม็ดหนึ่ง” หวังชูเหรินตาเริ่มเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

 

“ทำไมข้าจักต้องโกหกเจ้าด้วย”

 

“ขอบคุณซูหยาง” หวังชูเหรินเกือบกระโดดกอดเขาจากความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “อย่างไรก็ตามในเมื่อข้ามาที่นี่แล้ว ทำไมเรามิมาสนุกด้วยกันสักหน่อยก่อนข้าไป นานแล้วนับตั้งแต่พวกเราทำมันครั้งสุดท้าย”

 

ซูหยางวางถ้วยชาลงด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ยังไงมันเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เอง แต่ในเมื่อเจ้าเรียกร้อง ข้าก็จักมิปฏิเสธข้อเสนอของเจ้า”