ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 363 อยากจะบีบคอใครสักคน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองเฉินฉีด้วยรอยยิ้ม ฝ่ายเฉินฉีจึงสงบสติ “ไม่ทราบว่าเป็นวรยุทธ์แบบใด คุณชายเยี่ยนจึงได้ประเมินค่าไว้สูงส่งเช่นนี้”

“ฝึกปราณจิตราสำเร็จ ร้อนเร่าดั่งไฟ เผาดินดีให้กลายเป็นดินไหม้ จุดสำคัญคือพลังไฟบ้าคลั่งยิ่ง จอมยุทธ์ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกถึงจะสร้างการทำลายยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้” เยี่ยนจ้าวเกอพูดเรียบๆ “ตามที่ข้าทราบ ในปัจจุบันนี้ นอกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกแล้ว ยังไม่เคยวรยุทธ์ปราณจิตราธาตุไฟที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน”

“แต่ในประวัติศาสตร์ ข้ากลับเคยได้ยินมาสองสามวิชา เพียงแต่ตามเหตุผลสมควรหายสาบสูญไปแล้ว อย่างเช่นคัมภีร์มารเผาตะวัน กระบวนท่าเทพมารอัคคีแห่งหัตถ์เทพมารปัญจธาตุ ปราณต่อสู้เผาปฐพี ดาบมารทะลายสุริยัน”

ชายหนุ่มมองเฉินฉี “ข้าทราบว่านอกทะเลมีคนประหลาด มีเรื่องราวน่าอัศจรรย์มากมาย มียอดฝีมือบางคนอาจจะไม่อยากเผยตัวให้รู้จักไปทั้งชีวิต เพียงแต่เมื่อลองคิดดูแล้วน่าจะปิดบังสายตาจากเกาะภาพวาดไม่ได้”

เฉินฉีครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อาจารย์น่าจะรู้เรื่องบ้าง ข้าเดินทางอยู่ภายนอกน้อยครั้ง ไม่อาจให้คำตอบที่ถูกต้องแก่คุณชายเยี่ยนได้ในเวลานี้”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ไม่นับว่าแปลกอะไร ขอให้ท่านช่วยตรวจสอบด้วย”

“คุณชายเยี่ยนเกรงใจไปแล้ว” เฉินฉีตอบ

“ศิษย์น้องของข้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทะเลชั้นนอก ถ้าหากสำนักปราชญ์ภาพวาดพบเข้า ได้โปรดช่วยดูแลด้วย ข้าขอขอบคุณล่วงหน้า” ชายหนุ่มย่ำอากาศพร้อมสองมือไพล่หลัง พูดอย่างสบายใจ

ชายวัยกลางคนระบายลมหายใจยาว “คุณชายเยี่ยนใจกว้าง สำนักกว่างเฉิงกับเกาะภาพวาดของข้าแม้จะไปมาหาสู่กันค่อนข้างน้อย แต่ในอดีตผู้ยิ่งใหญ่แห่งกว่างเฉิง ท่านสะเทือนสวรรค์และบุรุษเทียมสวรรค์ ได้สละชีวิตสู้กับปีศาจอัคคีเพื่อโลกแปดพิภพ ปกป้องมวลมนุษยชาติ พวกข้าล้วนรู้สึกนับถือยิ่งนัก”

“ศิษย์จากสำนักของเจ้าเดินทางอยู่ในทะเลชั้นนอก เมื่อเจอปัญหา หากข้ากับเหล่าศิษย์ย่อมต้องช่วยเหลือ”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดียิ่ง ข้าขอขอบคุณแทนศิษย์น้องของข้าด้วย”

เขายืนอยู่กลางอากาศ ฝีเท้าไม่ขยับ พลางมองเฉินฉี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ขออภัยด้วยที่เสียมารยาท”

เฉินฉีมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างล้ำลึก “เช่นนั้นข้าขอตัว คุณชายเยี่ยน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้ง”

ประกายกระบี่รุ้งเลือนสว่างขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เฉินฉีกลายเป็นรุ้งพาดผ่านฟ้า หายไปในพริบตา

ตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎแสงสายฟ้าสีม่วงและเขียวงสว่างขึ้นแวบหนึ่ง เขาแน่ใจแล้วว่าเฉินฉีจำใจต้องถอยกลับ และไม่ได้พยายามตามหลังเขาอีกต่อไป ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะกลับหลังออกจากน่านน้ำแถบนี้ ไล่ตามพวกอาหู่ไป

อาหู่ ซือคงจิง และโอวหยางฉีนั่งบนหลังพ่านพ่าน เจ้าหมีสยงเมายักษ์เดินบนทะเลอย่างไม่รีบร้อน ท่าทางเกียจคร้าน เหมือนไม่ได้นอนอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พ่านพ่านค่อยกระตือรือร้น ตั้งใจทำงานอย่างจริงจังในทันที

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นความขี้เกียจของมันแล้ว ก็ถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

ชายหนุ่มลูบหัวของมันเล็กน้อย ทำให้พ่านพ่านอ้าปากยิ้มซื่อเหมือนคนก็ไม่ปาน

เขาหันไปมองอาหู่ กล่าวอย่างไม่พอใจ “คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ[1]”

อาหู่ยิ้มซื่อให้เช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอกระโดดไปบนหลังของพ่านพ่าน นั่งขัดสมาธิ ก่อนจะมองโอวหยางฉี แล้วถามว่า “อาจารย์ของเจ้าชื่อเฉินฉีหรือ”

โอวหยางฉีตอบ “ถูกต้อง นั่นคืออาจารย์ข้า”

“อะไรกัน เจ้าเข้าสำนักไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อหรอกหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง พลางกล่าวถาม

โอวหยางฉีหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ที่ทะเลชั้นนอกไม่ได้สนใจเรื่องนั้นนัก”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ ไม่ได้ถามอะไรต่อ กลับกล่าวเรียบๆ “ต่อจากนี้เป็นต้นไป ข้าขอเชิญเจ้าเป็นแขกที่สำนักสักระยะหนึ่ง ส่วนจะนานเท่าไรนั้น คงต้องดูความต้องการของผู้อาวุโสในสำนัก ข้าขอไม่ก้าวก่าย”

อีกฝ่ายก้มหน้าลง ก่อนจะถอนใจ

“คุณชาย พวกเราจะกลับเมืองศิลาหรือไม่” อาหู่เอ่ยถาม

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ศิษย์พี่สวีน่าจะพาพวกจวินเอ๋อร์กลับสำนักแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องไปเมืองศิลาอีก”

“ข้าวางแผนว่าจะอยู่ในทะเลนอกอีกสักพัก เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับปีศาจอัคคีอีกสักเล็กน้อย”

“หลังจากการต่อสู้นองเลือดอย่างต่อเนื่องในหลายปีมานี้ ปีศาจอัคคีก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ว่าสองสามปีมานี้การเคลื่อนไหวของปีศาจอัคคียิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับว่าพวกมันกำลังฟื้นพลัง และอยากจะปลดปล่อยพลังนั้นใจจะขาด”

“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ก่อนเคลื่อนพล ต้องเข้าใจศัตรู เตรียมตัวยิ่งเร็วยิ่งดี”

ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับซือคงจิง “อาการบาดเจ็บของศิษย์น้องซือคงต้องรักษาที่ต้นเหตุ หากพักผ่อนเพียงอย่างเดียวต้องใช้เวลาไม่น้อย ดังนั้นข้าจะจัดยาให้ ทว่ายาที่นำติดตัวไม่เพียงพอ พวกเราไปเกาะมังกรบูรพากันก่อนเถิด”

หัวเมืองทั้งเก้าแห่งวารีพิภพ เมืองทะเลมรกตแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ล้วนตั้งอยู่บนเกาะมังกรบูรพา เกาะขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของทะเลตะวันออก โดยควบคุมทุกพื้นที่ภายในและภายนอกจากศูนย์กลางของเกาะมังกรบูรพาเอง

ซือคงจิงกล่าว “หากศิษย์พี่เยี่ยนจะไปศึกษาปีศาจอัคคีก็ไปเถิด ไปต้องเป็นห่วงข้า หลังจากได้รับการช่วยเหลือของศิษย์พี่ อาการบาดเจ็บของข้าไม่ได้สาหัสแล้ว ค่อยๆ พักฟื้นเดี๋ยวก็หายเอง”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ไม่ต้องห่วง มีเรื่องบางเรื่องที่ข้าต้องคิดให้ละเอียดอยู่”

สายตาของเขากวาดผ่านซือคงจิงกับโอวหยางฉี หญิงสาวเห็นดังนั้นก็พยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก

ทุกคนเดินทางข้ามทะเลอย่างราบรื่น หลังจากถึงรอบนอกทะเลตะวันออกแล้ว ถึงจะมุ่งหน้าไปยังเกาะมังกรบูรพา

เกาะมังกรบูรพาเป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของทะเลตะวันออก ถึงขั้นเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนผืนน้ำอันกว้างใหญ่ผืนนี้ เรียกโดยรวมว่าเกาะ แต่บอกว่าเป็นแผ่นดินน่าจะถูกต้องกว่า

พวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้เกาะมังกรบูรพา ย่อมดึงดูดความสนใจของเมืองทะเลมรกต อันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของวารีพิภพ

ที่นี่เท่ากับเป็นสถานที่ตั้งของเมืองทะเลมรกต

เยี่ยนจ้าวเกอมีสถานะไม่ธรรมดา คุณชายเจ็ดทะเลซ่งเฉา บุตรของเจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยง ผู้นำจอมยุทธ์รุ่นเยาว์แห่งวารีพิภพจึงออกมาต้อนรับด้วยตนเอง

ตอนนี้นับว่าคนทั้งสองเป็นคนรู้จักกัน หลังจากเจอกันย่อมทักทายปราศรัย

ซือคงจิงสนิทกับหลี่จิ้งหว่าน ก่อนจะเดินทางมายังวารีพิภพ นางได้ร่วมทางกับซ่งเฉา ตอนนี้เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง ย่อมมีเรื่องให้พูดคุย

ส่วนโอวหยางฉีกลับถูกอาหู่คุมตัวไว้ ไม่ให้เผยใบหน้า

“ศิษย์น้องเยี่ยนโชคดียิ่งนัก ไปที่ราบหิมะแดนเหนือมาแล้ว” ซ่งเฉาเดินไปพลาง พูดไปพลาง “แต่ว่าหากเจ้าไม่คิดกลับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ และคิดจะเคลื่อนไหวในทะเลต่อไป ก็ต้องระวังไว้ให้มาก ครั้งนี้ตำหนักอัสนีสวรรค์เสียท่าที่แดนเหนืออย่างหนัก เกรงว่าจะหมายหัวเจ้ามากกว่าเดิม สภาพแวดล้อมในทะเลค่อนข้างซับซ้อน ขนาดลูกศิษย์ของสำนักข้าเดินทางอยู่ด้านนอกก็ยังพบกับอันตรายอยู่บ่อยครั้ง”

ชายหนุ่มยิ้มตอบ “เพราะเหตุนี้ ลูกศิษย์ของท่านส่วนใหญ่จึงเป็นอัจฉริยะเกินคน ทั้งยังมีจิตใจมั่นคงไม่ใช่หรือ”

ซ่งเฉายิ้มพลางส่ายหน้า “ศิษย์น้องเยี่ยนชมกันเกินไป เขากว่างเฉิงมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์มากมาย ทำให้พวกข้ารู้สึกอับอายยิ่ง”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะกล่าวอีก “เอาเป็นว่าทางด้านตำหนักอัสนีสวรรค์นั้น ศิษย์น้องเยี่ยนต้องระมัดระวังให้มากไว้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางพยักหน้า แต่กลับคิดในใจว่า ถ้าหากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงของวังสุสานทะเลเพลิงเกี่ยวข้องกับเขา เกรงว่าคงอยากบีบคอเขาให้ตายแน่

………………..

[1] คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ สำนวนจีน อยู่ใกล้คนแบบไหนก็เป็นคนเช่นนั้น