ตอนที่ 252 เอาตัวเข้าไปเสี่ยง / ตอนที่ 253 เกือบจะโดนรถชน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 252 เอาตัวเข้าไปเสี่ยง

 

 

           “อืม ฉันต้องยืมกำลังจากฝั่งตำรวจ”

 

 

           ไมเคิลได้ยินก็ว่า “นายบ้าไปแล้ว ตอนนั้นจู่ๆ นายก็พูดว่าไม่ทำก็ไม่ทำ ท่านเชนพวกเขาโกรธนายแทบคลั่งเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้นายกลับไปหาพวกเขา พวกเขาจะเชื่อนายง่ายๆ เหรอ”

 

 

           “วางใจเถอะ อย่างมากก็แค่อัดฉันระบายความแค้นเอง” ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “เพียงแต่อาจารย์ของฉันไม่แน่นอนว่าจะฟาดฉันได้ลงคอ”

 

 

           ไมเคิลรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างเป็นห่วงแทนซือเหยี่ยนไม่เบา เขาเป็นห่วงมากมายขนาดนั้น ซือเหยี่ยนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

 

 

           “โอเค งั้นพรุ่งนี้นายก็กลับมาพร้อมซูเตอร์เลยสินะ ถึงอเมริกาเมื่อไหร่ไว้เจอกันอีก”

 

 

           “หลังจากฉันถึงอเมริกาแล้ว จะเจอหน้านายไม่ได้ ฉันกลับไปกะทันหันแบบนี้ คนตระกูลซูต้องจับจ้องฉันไม่ให้คลาดสายตาอยู่แล้ว แต่ว่านายวางใจได้ มีโอกาสฉันจะเป็นฝ่ายติดต่อนายไปเอง”

 

 

           ไมเคิลพยักหน้า “โอเค งั้นนายก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่าเกิดเรื่องเด็ดขาด”

 

 

           หลังจากจบการสนทนาทางวิดีโอไป ซือเหยี่ยนเอามือกุมขมับ เขาเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ตอนนี้จะบอกเจียงมู่เฉินยังไงดี

 

 

           ถ้าเจียงมู่เฉินรู้ว่าเขาเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เขาไม่มีทางจะบอกให้เขาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

 

           ซือเหยี่ยนหลับตาลง ต้องคิดหาแผนที่รอบคอบรัดกุม ถึงจะทำให้เจียงมู่เฉินไม่สงสัยเขาได้

 

 

           ……

 

 

           เจียงมู่เฉินออกจากห้องทำงานของซือเหยี่ยนแล้ว ก็ขับรถมุ่งหน้าไปเจียงกรุ๊ป ช่วงเวลานี้เขาไม่ได้กลับบ้านเลย พ่อทนดูเฉยๆ ไม่ได้จึงให้เขาเข้ามารายงานตัวสักหน่อย

 

 

           เขาจอดรถบริเวณทางเข้าเจียงกรุ๊ป เมื่อลงรถไปก็เห็นรถคันข้างๆ ดูคุ้นตา ลักษณะเหมือนจะเป็นรถของซังจิ่ง

 

 

           หรือว่าเจ้าหมอนั่นก็อยู่ด้วย?

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินอย่างเอื่อยเฉื่อยเข้าไป ตลอดทางไม่มีกีดขวางเส้นทางจนไปถึงหน้าประตูห้องทำงานของคุณพ่อเจียง เขาเคาะประตูอย่างมีมารยาทเป็นพิเศษ

 

 

           ถ้าหากว่าพ่อเขาทำเรื่องอะไรรุนแรงขึ้นมา ตัวเองก็ไม่สามารถไปปะทะกับท่านได้

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจเงียบๆ รู้สึกว่าตัวเองรู้ความที่สุดแล้ว ลูกชายทำได้ถึงขั้นนี้ก็ไม่มีใครแล้วล่ะ         

 

 

           “เข้ามา”

 

 

           ได้ยินเสียงของพ่อเขา เจียงมู่เฉินถึงได้ผลักประตูเข้าไป เป็นอย่างที่คิดไว้ข้างในมีซังจิ่งนั่งอยู่ เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “บังเอิญจัง เจอประธานซังที่นี่ได้ด้วย?”

 

 

           คุณพ่อเจียงเห็นท่าทางลอยหน้าลอยตาของเจียงมู่เฉินก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย “ทำไมถึงเพิ่งจะเข้ามาตอนนี้ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำอะไรในใจไม่ได้ ลูกชายของพ่อถ้าไม่ต่อสู้ดิ้นรนออกมาจากใต้ร่างของซือเหยี่ยน เกรงว่าวันนี้จะมาปรากฏตัวไม่ได้แล้ว

 

 

           “พ่อ วันนี้เรียกผมมามีเรื่องอะไรอีกครับ”

 

 

           ‘ถึงยังไงไม่มีเรื่อง พ่อเขาก็ไม่มีทางให้เขาเข้าบริษัทมาง่ายๆ หรอก’

 

 

           “โครงการหลินไห่ฉันดูแล้ว โชคดีที่มีประธานซังช่วย ทำออกมาได้ดีมาก วันนี้เรียกแกเข้ามาก็อยากให้ต่อไปแกเรียนรู้งานกับประธานซังเยอะๆ จะได้รีบมาช่วยฉันประคับประคองบริษัทไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว ดูท่าว่าคำพูดของพ่อเขามีความหมายอื่นแฝงอยู่นะ

 

 

           “คุณชายเจียงฉลาดขนาดนี้ ท่านเอ่ยแค่นิดเดียวก็พอแล้วครับ ผมอยู่ต่อหน้าท่านก็เป็นแค่เพียงเส้นขนเท่านั้นเองครับ”

 

 

           “ที่ไหนกัน ประธานซังยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ ก็ประสบความสำเร็จแล้ว อนาคตจะยิ่งโดดเด่นกว่านี้อีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินจนใจ เหตุที่เรียกเขามาคือให้มาดูพวกเขาคุยโวโอ้อวดกันและกันเหรอ

 

 

           “ประธานเจียง คุณชายเจียง ผมยังมีธุระต่อ ขอตัวออกไปก่อนแล้ว วันหลังมีเวลาจะมาเยี่ยมเยียนอีกนะครับ”

 

 

           คุณพ่อเจียงเผลอยิ้มออกมา “ตามสบาย เมื่อไหร่ก็มาได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นพ่อของเขาออกไปส่งคนแล้วกลับมาอีกครั้ง เขาฟุบไปกับโซฟามองดูคุณพ่อเจียง “พ่อครับ พ่อเรียกผมมา คงจะไม่ใช่แค่ให้ผมมาดูพ่อกับเขาทักทายกันตามธรรมเนียมหรอกใช่ไหม”

 

 

           คุณพ่อเจียงเห็นท่าทางทำเป็นเล่นๆ ของเจียงมู่เฉิน ก็ส่ายหัว พลางถอนหายใจ “แกดูแกสิ โตพอๆ กับซังจิ่งแล้วก็ซือเหยี่ยน แต่ทำไมถึงต่างกันได้มากขนาดนี้นะ”

 

 

 

 

ตอนที่ 253 เกือบจะโดนรถชน

 

 

           เจียงมู่เฉินหางตากระตุก ยกเขามาเปรียบกับซือเหยี่ยนก็ช่างเถอะ ตอนนี้ทำไมยังยกเขามาเปรียบกับซังจิ่งอีก

 

 

           “ผมใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อจริงๆ แน่ใช่ไหม” เขาค่อนข้างจะสงสัยในปัญหานี้อย่างแปลกประหลาด

 

 

           ใบหน้าของคุณพ่อเจียงขึ้นสีแล้ว “ถ้าแกไม่ใช่ลูกชายฉัน แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกมีชีวิตจนถึงวันนี้”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นทีว่าพ่อเขาจะเหวี่ยงวีนแล้วจึงรีบว่าง่ายขึ้นมาทันที เขามองคุณพ่อเจียงด้วยท่าท่างดูอ่อนแอ “ผมจะกลับบ้านไปพูดกับแม่ผม ว่าที่บริษัทพ่อไม่เพียงแต่ใช้คำหยาบด่าผม ยังข่มขู่ผมอีกด้วย”

 

 

           คุณพ่อเจียงขัดใจ แทบอยากจะใช้ฝ่ามือพิฆาตเจ้าเด็กโง่นี่

 

 

           ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว เขาให้กำเนิดลูกชายคนนี้มาก็เพื่อลงโทษตัวเขาเอง

 

 

           “พอเถอะ ฉันเรียกแกมาก็เพื่อจะพูดเรื่องสำคัญ สัปดาห์หน้าแกต้องไปเข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนงานหนึ่งแทนฉันที่อเมริกา เป็นเวลาสิบวัน”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “สิบวัน? อเมริกา? พ่อไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม ให้ผมไปเข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยน? ไม่กลัวผมทุบป้ายตระกูลเจียงของพ่อเหรอ”

 

 

           “ในเมื่อกลัวว่าจะทุบป้ายตระกูลเจียงของฉัน ช่วงนี้แกก็ซ่อมแซมให้ฉันดีๆ ถึงยังไงงานประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ฉันจะมาถามเอาความกับแก”

 

 

           เจียงมู่เฉินสั่นเทาด้วยความอิดโรย รู้สึกว่าพ่อเขาตอนแสดงอารมณ์โกรธออกมา ไม่น่ารักเลยสักนิด

 

 

           เขาลุกยืนขึ้นจากโซฟามุ่งหน้าเดินออกไปข้างนอก คุณพ่อเจียงถลึงตาใส่เขา “แกจะไปทำไม”

 

 

           “ไปเรียนกับซือเหยี่ยนไงครับ ถึงยังไงจะให้ผมทำขายหน้าตระกูลเจียงไม่ได้นี่ครับ”

 

 

           เขาเดินอย่างทะนงตัวออกไป คุณพ่อเจียงมองตามแผ่นหลังของเจียงมู่เฉินไป ในใจเป็นปลื้มอยู่เล็กๆ ดูท่าว่าลูกชายคนนี้ของเขายังไม่ถือว่าเหลวแหลกเกินไป

 

 

           ‘มีทางรอดๆ’

 

 

           ระหว่างทางกลับไป เจียงมู่เฉินต่อสายโทรหาซือเหยี่ยน “กลับมาแล้วหรือยัง”

 

 

           ซือเหยี่ยนกำลังเตรียมตัวออกจากห้องทำงาน “กำลังเตรียมตัวออกไป”

 

 

           “โอเค งั้นฉันกลับไปรอนายก่อน”

 

 

           ซือเหยี่ยนรู้สึกตลกนิดหน่อย รู้สึกว่าท่าทีในตอนนี้ของเจียงมู่เฉินไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ เขาเลิกคิ้วถาม “จู่ๆ คุณว่าง่ายขนาดนี้ เกิดอะไรกันขึ้น”

 

 

           เจียงมู่เฉินจะชิดข้างเตรียมเลี้ยว “เอาใจนายไง นายจะได้ไม่หนีไปกับซูเตอร์”

 

 

           ซือเหยี่ยนเข้าไปนั่งในรถพร้อมสตาร์ทเครื่อง “วางใจเถอะ ผมทำใจทิ้งคุณไม่ลงหรอก”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินความเคลื่อนไหวจากทางซือเหยี่ยนแล้วก็เอ่ยต่อ “โอเค กลับบ้านรอนายนะ”

 

 

           เขากดตัดสายเตรียมตัวจะเลี้ยวขวา จู่ๆ ก็มีรถเก๋งคันสีดำพุ่งออกมาตัดหน้า เจียงมู่เฉินตกใจกลัวจนรีบหักหลบไปด้านข้าง

 

 

           รีบร้อนเบี่ยงหลบรถ เจียงมู่เฉินชนเข้ากับราวเหล็กด้านข้าง รถสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ศีรษะกระแทกอย่างหนักอยู่บนที่นั่ง

 

 

           สมองได้รับการกระทบกระเทือนเพียงพริบตาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว เขาหลับตาลงเล็กน้อยรู้สึกว่าในหัวค่อนข้างจะสับสนปนเป ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างต้องฝ่าเข้ามาในสมองอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เขายกมือขึ้นกุมหัวด้วยความเจ็บปวด มีอะไรบางอย่างวาบผ่านสายตาเข้ามาปรากฏอยู่ตรงหน้า เร็วจนเขามองได้ไม่ชัดเจน

 

 

           เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นสองที เจียงมู่เฉินลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก เขากดลดกระจกลง “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

 

 

           หูของเจียงมู่เฉินไม่ได้ยินอะไรสักอย่าง เขาเห็นตำรวจคนที่อยู่ข้างกระจก ในหัวมีภาพหนึ่งวาบขึ้นมา สายตาของเขาจดจ่อพุ่งเป้ามาที่ตำรวจคนนี้ เขาจ้องชุดเครื่องแบบตำรวจอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

 

           “คุณครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” ตำรวจรออยู่ช้าๆ แต่ยังไม่ได้คำตอบ จึงเอ่ยถามอีกครั้ง

 

 

           ภาพในหัวเจียงมู่เฉินตีกันยุ่งเหยิงไปหมด มองเข้าไปอีกครั้งกลับนึกอะไรไม่ออกสักอย่าง เขายกมือขึ้นกดเข้าที่หัว เอ่ยเสียงแหบแห้ง “ผมไม่เป็นไร”

 

 

           “ไม่ต้องไปโรงพยาบาลจริงๆ เหรอครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ ฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างช้าๆ แล้ว นอกจากศีรษะยังมีบาดเจ็บภายนอกนิดหน่อย ไม่มีอาการอะไรอย่างอื่น ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยซ้ำไปอีกรอบหนึ่ง “ผมไม่เป็นไร ขอบคุณครับ”

 

 

           ตำรวจเห็นสภาพของเขายังพอใช้ได้ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เจียงมู่เฉินสตาร์ทรถขับออกไปจากตรงถนนนั้น เขามองดูหน้ารถของตัวเองโดนชนจนบุบเข้าไปเป็นรอยใหญ่ ถ้าให้ซือเหยี่ยนเห็นก็ต้องเป็นห่วงอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

 

           ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอารถไปอู่ซ่อมบำรุงที่ไปอยู่เป็นปกติ ให้พวกเขาซ่อมแซม แล้วตัวเองก็เปลี่ยนรถอีกคันที่ครั้งก่อนจอดทิ้งเอาไว้อยู่อู่ซ่อมรถนั้นพอดี ขับกลับไป

 

 

           เสียเวลาขนาดนี้ เมื่อเขารีบกลับไปถึงที่คอนโดมิเนียมก็เจอเข้ากับซือเหยี่ยนพอดี

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาเปลี่ยนรถมา ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “แล้วรถสปอร์ตคันนั้นล่ะ ทำไมถึงเปลี่ยนมา”

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวใจบีบคั้น ไม่เพียงเท่านั้นยังกำนิ้วมือไว้ด้วย