ตอนที่ 601 หาวิธี
เขาหยิบจดหมายบนโต๊ะขึ้นมาอ่านเนื้อหาด้านใน ต่อจากนั้นมู่จวินฮานก็ขมวดคิ้วทันที “นี่มันเกิดอันใดขึ้น ? ”
หลังจากที่มู่จวินฮานถามออกมา อันหลิงเกอก็รู้ทันทีว่าปิดเรื่องนี้มิได้อีกต่อไปและจักกลายเป็นภัยในภายหลัง ดังนั้นนางจึงเอื้อมมือไปหยิบจดหมายมาถือไว้อีกครั้ง “ยังมีเรื่องใดได้อีกเจ้าคะ ? ก็พวกทัวป๋าถิงฟางลงมือกับท่านพ่อของข้า แต่ข้างกายของท่านพ่อมีสตรีช่างยุแยงอยู่ด้วย และสุดท้ายข้าก็เป็นคนผิดเจ้าค่ะ”
เมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดโดยละเอียดออกมาแล้ว มู่จวินฮานก็ขมวดคิ้วขณะมองท่าทางอารมณ์เสียของอันหลิงเกอ ปกติแล้วเขามิอยากให้นางเป็นเยี่ยงนี้ “เจ้ามิต้องกังวลแล้ว”
“อย่ามาล้อเล่นเลยเจ้าค่ะ ท่านจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้เยี่ยงไร ? ” อันหลิงเกอโบกมือ นางคิดว่ามู่จวินฮานจักเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ได้หรือ บางทีเขาคงอยากปลอบใจนางเฉย ๆ
แต่สุดท้ายอันหลิงเกอก็คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจักยื่นมือเข้ามาช่วยครอบครัวของนางจริงและจุดประสงค์ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อมิให้อันหลิงเกอเศร้าหมองและมิอยากให้นางต้องโดนเข้าใจผิดอีกครั้ง
เวลาต่อมาสาวใช้ก็เข้ามาอยู่ตรงหน้าทัวป๋าถิงฟางพร้อมจดหมายที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าอกเสื้อ หลังมอบจดหมายให้แล้วก็ไปยืนด้านข้างและมิกล้าส่งเสียงหรือถอยออกไปแต่อย่างใด
ทัวป๋าถิงฟางรับจดหมายมา เมื่อรู้ว่าเป็นจดหมายของมารดาจึงรอมิไหวที่จะเปิดโดยหลงเข้าใจผิดว่าเป็นข่าวดี มุมปากจึงยกยิ้มอย่างได้ใจ
ทว่าหลังจากได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย ทัวป๋าถิงฟางกลับโมโหจนแทบอยากฉีกมันเป็นชิ้น ๆ รอยยิ้มตรงมุมปากก็เปลี่ยนเป็นการกัดฟันกรอดและถ้วยชาบนโต๊ะก็ถูกปาออกไปทันที เสียงแสบแก้วหูทำให้สาวใช้ในห้องต้องก้มหน้าลง
“อันหลิงเกอ เจ้ามีสิทธิ์อันใดทำให้ท่านอ๋องปฏิบัติต่อเจ้าเยี่ยงนี้ ถ้ามิใช่เพราะเจ้าแล้วเขาก็ไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้หรอก ความรักควรเป็นของข้าคนเดียว ข้ากับเจ้าไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้” ทัวป๋าถิงฟางกำหมัดแน่น ส่วนสาวใช้ก็รีบก้มเก็บเศษถ้วยชาที่แตกอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว
สาวใช้เข้าใจดีว่านายหญิงกำลังริษยาที่ท่านอ๋องรักพระชายา แต่นางก็มิกล้ากล่าวอันใดออกมาเพราะกลัวว่าทัวป๋าถิงฟางจักมาระบายใส่นางแทน
“พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด ข้ามิอยากเห็นหน้าพวกเจ้า” ทัวป๋าถิงฟางเผยสีหน้าเย็นชา
เมื่อสาวใช้ในห้องได้ยินก็รีบเก็บเศษถ้วยบนพื้นและถอยออกไปทันที “นายหญิงอย่าโมโหเลยเจ้าค่ะ บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
หลังกลุ่มสาวใช้เดินออกจากห้อง พวกนางก็เผยท่าทีเหมือนโล่งอกและกระซิบกันเบา ๆ ว่า “ช่วงหลายวันนี้พวกเราต้องระวังให้มากหน่อย พี่น้องทั้งหลายต้องทำงานของตนให้ดีขึ้นนะ”
“เรื่องนี้พวกเรารู้อยู่แล้ว” ทุกคนต่างพยักหน้า สาวใช้คนนั้นยังกล่าวต่อ “แล้วอย่าลืมไปบอกคนอื่นด้วย ทุกคนจักได้ระวังตัวมากขึ้น”
ในสายตาเจ้านายเห็นสาวใช้เป็นเพียงสุนัข อยากทำร้ายก็ทำ อยากด่าก็ด่า ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของพวกเขาในเวลานั้น
…
“คารวะเหล่าหวางเฟย ขอให้เหล่าหวางเฟยอายุยืนหมื่นปีเจ้าค่ะ” ฟางจูคารวะ หลังเห็นสีหน้าเหล่าหวางเฟยมิค่อยดีเท่าไรนางก็ถามขึ้นว่า “เหล่าหวางเฟยโมโหเพราะท่านอ๋องโปรดปรานอันหลิงเกอหรือเจ้าคะ ? ”
“ฟางจู เมื่อไรจะถึงเวลากำจัดอันหลิงเกอเสียที ? ”
มู่เหล่าหวางเฟยถามออกมา นางรู้เรื่องจวนโหวอันในครานี้แล้ว ดูท่ามู่จวินฮานจักทำเพื่อปกป้องอันหลิงเกอจริง ๆ
ฟางจูขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดและท้ายที่สุดนางก็กล่าวขึ้นมาว่า “เรียนเหล่าหวางเฟย ตอนนี้ยังมิใช่เวลาที่จักลงมือเพราะอาจโดนเปิดโปงได้ง่ายเจ้าค่ะ” นางวิเคราะห์สถานการณ์ในเวลานี้อยู่ครู่หนึ่ง
“เช่นนั้นพวกเราต้องทำอย่างไร ? ” มู่เหล่าหวางเฟยก็ไม่มีความคิดดี ๆ แต่นางเชื่อในความสามารถของฟางจู เนื่องจากเป็นเด็กที่นางเลี้ยงมาและยังเป็นผู้ช่วยดีที่สุดในเวลานี้
“ปล่อยนางไปก่อนเจ้าค่ะ” ฟางจูได้ข้อสรุป
ทว่ามู่เหล่าหวางเฟยกลับเอ่ยอย่างเย็นชา “จักปล่อยนางไปหรือ ? เจ้าคงมิได้กำลังล้อข้าเล่นใช่หรือไม่”
“หากเหล่าหวางเฟยกำจัดบุตรของนางโดยมิสนผลลัพธ์ที่ตามมา ท่านก็จะแพ้ทันทีเจ้าค่ะ” มู่เหล่าหวางเฟยลืมหายใจไปชั่วชณะเพราะทนฟังมิได้
บุตรอย่างนั้นหรือ ?
เด็กสองคนนั้นถูกเลี้ยงอยู่ในเรือนของมู่เหล่าหวางเฟย หากเกิดอันใดขึ้นมาแล้ว ท่านอ๋องต้องมิยอมปล่อยเรื่องนี้ไปแน่
ฟางจูลุกขึ้นปลอบมู่เหล่าหวางเฟย “เหล่าหวางเฟย ดอกไม้ที่บานในช่วงนี้กำลังงดงามมิใช่หรือเจ้าคะ ? ”
“อืม สวยมาก ดอกไม้ในจวนเราสวยที่สุดแล้ว” น้ำเสียงของมู่เหล่าหวางเฟยฟังแล้วแปลกอย่างที่มิอาจอธิบายได้
ฟางจูยังเอ่ยต่อ “อันหลิงเกอก็เหมือนดอกไม้ที่งดงาม มิช้าก็เร็วต้องเหี่ยวเฉา หากเหล่าหวางเฟยกำจัดบุตรของนางโดยมิคำนึงถึงผลที่ตามมาหรือรวมถึงตัวนางด้วย ท่านอ๋องคงให้อภัยเหล่าหวางเฟยมิได้เจ้าค่ะ” ฟางจูทิ้งประโยคนี้ไว้ มู่เหล่าหวางเฟยก็เข้าใจความหมายที่ฟางจูต้องการสื่อ
“ยิ่งนางได้รับความโปรดปรานมากเท่าไร คนที่คิดทำร้ายนางก็มีมากเท่านั้น เหล่าหวางเฟยมิต้องใจร้อนไปหรอกเจ้าค่ะ โอกาสในวันหน้ายังมีอีกมาก” ฟางจูวิเคราะห์อย่างใจเย็น มู่เหล่าหวางเฟยก็ค่อย ๆ กลับมามีสติ
“เหล่าหวางเฟยมิต้องโมโหเช่นนี้ หากท่านโมโหจนล้มป่วย บ่าวจักเสียใจมากเจ้าค่ะ”
ฟางจูเห็นเหล่าหวางเฟยกลับมาใจเย็นได้อีกครั้งจึงพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม “เหล่าหวางเฟย ท่านยังมีฟางจูอยู่เจ้าค่ะ ! ”
“ใช่ ข้ายังมีเจ้าอยู่” มู่เหล่าหวางเฟยมองฟางจูด้วยแววตาปลาบปลื้ม
เวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วยาม ฟางจูมีธุระต้องทำจึงขอตัวออกไป ส่วนมู่เหล่าหวางเฟยก็ออกจากเรือนไปเช่นกัน
“จวินฮาน” มู่เหล่าหวางเฟยพยักหน้าให้บุตรชาย
ในความเป็นจริงแล้ว นางทนมิได้ที่จะเห็นบุตรชายละเลยตนเพราะสตรีอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
“คารวะมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางหันไปคารวะมู่เหล่าหวางเฟย เมื่อครู่นางเพิ่งเห็นท่านอ๋องในสวนดอกไม้จึงเร่งฝีเท้าเดินตามทันที
ดวงตาของมู่จวินฮานหยุดอยู่ที่ตัวมู่เหล่าหวางเฟย “หมู่เฟยจักไปที่ใดหรือขอรับ ? ”
มู่เหล่าหวางเฟยปฏิบัติต่อท่านอ๋องด้วยความอ่อนโยนที่มิอาจอธิบายได้ “ช่วงนี้แม่เบื่อจึงออกมาเดินเล่นเสียหน่อย” น้ำเสียงอบอุ่นเยี่ยงนี้ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้รับ
“หมู่เฟยเบื่อหรือเจ้าคะ เช่นนั้นให้ท่านอ๋องไปอยู่เป็นเพื่อนดีหรือไม่ ประเดี๋ยวลูกจะกลับเรือนแล้วเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางยิ้มให้มู่เหล่าหวางเฟย จากนั้นก็หันมากล่าวกับมู่จวินฮานอย่างรู้ความ
“มิต้องหรอก” มู่เหล่าหวางเฟยตอบสั้น ๆ จากนั้นก็จะเดินออกมา แต่ทัวป๋าถิงฟางยังถามต่อ “จริงหรือเจ้าคะ ? ลูกกลัวท่านจะโกรธเจ้าค่ะ”
เดิมทีมู่เหล่าหวางเฟยคิดเดินจากไปเงียบ ๆ แต่นางกลับโดนทัวป๋าถิงฟางพูดกระทบเสียก่อน สีหน้าของนางจึงดูเย็นชาและน้ำเสียงก็เคร่งขรึมทันที “หากข้าโกรธจริง เจ้าจะคุกเข่าอยู่ที่นี่สักสองสามชั่วยามแล้วขอร้องให้ข้าอภัยหรือไม่ ? ”
ตอนนี้อาจเพราะมีโอกาสตั้งครรภ์แล้ว นางจึงกล้าทำตัวอวดดีใส่ !
ทัวป๋าถิงฟางยกยิ้มมุมปากให้มู่เหล่าหวางเฟย จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที “ลูกขอให้มู่เหล่าหวางเฟยอภัยด้วย ลูกจะคุกเข่าจนมู่เหล่าหวางเฟยพอใจเจ้าค่ะ” พร้อมกันนั้นแววตากลับเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร
“เช่นนั้นเจ้าก็คุกเข่าต่อไป” มู่เหล่าหวางเฟยยังนิ่งเฉยและมิสังเกตเห็นสีหน้ามืดมนของมู่จวินฮาน
มู่จวินฮานเหมือนกำลังเห็นมารดาทำกับอันหลิงเกออย่างไรอย่างนั้น
ทัวป๋าถิงฟางประคองศีรษะตนไว้ นางรู้สึกมิสบายมาก จากนั้นก็มองท่านอ๋องด้วยแววตาน่าสงสารแล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านอ๋อง เชี่ยเซินรู้สึกมิค่อยสบายเลยเจ้าค่ะ”
“หมู่เฟยพอแค่นี้เถิด การดูแลสุขภาพจนกว่านางตั้งครรภ์ก็มิได้เป็นสิ่งที่ท่านหวังมาโดยตลอดหรือขอรับ ? ” เขาประคองทัวป๋าถิงฟางให้ลุกขึ้นแล้วเข้าไปยืนขวางตรงหน้าเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวกับมู่เหล่าหวางเฟยด้วยน้ำเสียงเย็นชา