ตอนที่ 604 แผลใจ
ทัวป๋าถิงฟางก็มิรู้ว่าช่วงนี้เป็นอันใดไป เวลาทานก็มักอยากอาเจียนตลอด พอเห็นของพวกนี้ก็มิอยากอาหาร แต่ท้องก็ยังหิวอยู่เช่นนั้น นางเป็นมาได้สองสามวันแล้วทว่าท่านอ๋องก็ยังมิมาอยู่เป็นเพื่อนและชอบไปหาพระชายาตลอด
“ข้าก็มิได้อยากทานเท่าไร ยกออกไปเถิด” ทัวป๋าถิงฟางสั่งสาวใช้
สาวใช้ค่อนข้างลังเลแต่ท้ายที่สุดก็กล่าวออกมาว่า “นายหญิง ท่านมิค่อยได้ทานอันใดมาสองสามวันแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปร่างกายจักรับมิไหวนะเจ้าคะ”
เดิมทีสาวใช้เตือนด้วยความหวังดีเพราะเป็นห่วงเจ้านาย แต่ทัวป๋าถิงฟางมิใช่คนอารมณ์ดีถึงเพียงนั้น นางมิได้ขอบคุณความห่วงใยจากสาวใช้ ตรงกันข้ามยังค่อนข้างรำคาญด้วย
“ข้ารู้ดีว่าร่างกายทนมิไหว แต่ข้าไม่อยากจริง ๆ ข้าอยากอาเจียนแล้วก็ได้แต่รู้สึกคลื่นไส้ เจ้ารีบคิดหาวิธีเข้าสิ”
สาวใช้จนปัญญาแต่ก็มิอาจปล่อยให้ทัวป๋าถิงฟางหิวได้ นางจึงไปที่ห้องครัวแล้วสั่งให้คนทำอาหารรสเปรี้ยวสองสามอย่างจึงทำให้ทัวป๋าถิงฟางเริ่มอยากอาหารขึ้นมาอีกครั้ง
“นายหญิง ของพวกนี้ถูกปากท่านหรือไม่เจ้าคะ ? ” สาวใช้ถามด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวว่าทัวป๋าถิงฟางจักมิพอใจแล้วกลายเป็นโชคร้ายของตน
“อืม ยังพอฉลาดอยู่บ้าง” ทัวป๋าถิงฟางเริ่มหายโมโหบ้างแล้ว นางชอบของพวกนี้มากและยังทานเข้าไปมิน้อย ท้องก็อิ่มพอสมควร
แต่สิ่งที่นางรู้สึกแปลกใจและหงุดหงิดก็คืออยู่ดี ๆ ช่วงนี้นางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด ส่วนท่านอ๋องก็มิได้มาหาตอนกลางคืนนานแล้ว นางได้ยินจากสาวใช้ว่าท่านอ๋องมักไปค้างคืนกับพระชายาจึงทำให้อารมณ์เสียกว่าเดิม ทว่าด้วยสภาพร่างกายที่มิค่อยดีจึงทำให้นางมิอาจไปเรือนของอันหลิงเกอได้
“ข้าถามหน่อย พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นอันใด ? มีสิ่งใดผิดแปลกไปหรือไม่ ? ”
สาวใช้ลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังกล่าวออกมาว่า “นายหญิง บ่าวคิดว่าท่านมีอาการของคนตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” นางก้มหน้าเพราะกลัวทัวป๋าถิงฟางจะลงโทษที่เอ่ยอันใดผิดไป
ทัวป๋าถิงฟางครุ่นคิด ช่วงนี้นางอยากนอนมากกว่าปกติ เวลาทานอันใดก็อยากอาเจียนและยังเบื่ออาหาร อยากทานแต่ของเปรี้ยว นี่มิใช่สัญญาณของการตั้งครรภ์หรือไร ?
“คนตั้งครรภ์ที่พวกเจ้าเคยเห็นคือชอบนอน มิอยากอาหารและอยากทานของเปรี้ยวหรือไม่ ? ” ทัวป๋าถิงฟางยังมิค่อยอยากเชื่อ นางจึงถามสาวใช้อีกครั้ง
พอบรรดาสาวใช้ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่นจึงทำให้คนขี้สงสัยเยี่ยงทัวป๋าถิงฟางเริ่มคิดว่ามีความเป็นไปได้ทันที ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีไปเลย มุมปากนางโค้งมน นี่คือสิ่งที่นางหวังมาโดยตลอด สุดท้ายมันก็อาจเป็นจริงแล้ว
ความเป็นไปได้นี้ทำให้นางเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้น ความไม่สบายของร่างกายก็หายเป็นปลิดทิ้ง นางจึงอยากรู้ว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่
หลังจากพวกสาวใช้เห็นทัวป๋าถิงฟางดีใจก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ไปเชิญท่านหมอมา เรื่องเช่นนี้จักรอช้ามิได้ หากมัวชักช้า ข้าจักมิปล่อยพวกเจ้าทุกคน” ทัวป๋าถิงฟางทั้งตื่นเต้นและประหม่า
เป็นธรรมดาที่สาวใช้จะมิรอช้า นางรีบออกไปเชิญหมอในจวนมาทันทีเพราะหากทำให้ทัวป๋าถิงฟางมิพอใจ นางอาจโดนโบยจนตายก็ได้
ผ่านไปมิทันไรทัวป๋าถิงฟางก็หมดความอดทนแล้วเริ่มบ่น “เหตุใดยังมิกลับมาอีก ! ” ทุกคนต่างมองออกว่านางเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว
“นายหญิง นายหญิง บ่าวเชิญท่านหมอมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เหนื่อยจนหอบหายใจ ในที่สุดนางก็ทำงานนี้สำเร็จ ส่วนท่านหมอก็รีบเข้ามาคุกเข่าคารวะ
ทัวป๋าถิงฟางยื่นมือออกไป “ตรวจชีพจรให้ข้าหน่อย ดูสิว่าข้าตั้งครรภ์หรือไม่”
ท่านหมอมิกล้ารอช้าจึงรีบเข้าไปตรวจอาการ ต่อมาเขาก็ขมวดคิ้ว ท่าทางมิค่อยแน่ใจ “เรียนเช่อเฟย ข้าน้อยเห็นชีพจรของการตั้งครรภ์ แต่มันมิค่อยชัดเจน อาจเพราะอายุครรภ์ยังสั้นอยู่ขอรับ”
ทัวป๋าถิงฟางไม่เห็นแววแห่งเห็นความไม่มั่นใจของท่านหมออยู่ในสายตา นางจึงเชื่อว่าตนตั้งครรภ์จริง ๆ เนื่องจากนี่เป็นข่าวดี นางจึงรีบออกคำสั่งกับสาวใช้ “พาเขาออกไป แล้วอย่าลืมให้รางวัลด้วย”
“ขอบพระคุณเช่อเฟยขอรับ” หลังขอบคุณเสร็จ ท่านหมอก็โดนสาวใช้เชิญตัวออกไปทันที
สำหรับทัวป๋าถิงฟางแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีมาก นางเลยให้คนไปเรียกท่านอ๋องมาที่นี่ เพราะเชื่อว่าเขาต้องดีใจมากเช่นกัน
“พวกเจ้ามัวแต่ยืนทำอันใดกันอยู่ รีบไปเชิญท่านอ๋องมาสิ ! ” ทัวป๋าถิงฟางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ตัวคนดูอ่อนโยนขึ้นมาก ความมิสบายของร่างกายโดนบดบังด้วยความสุข
ในขณะที่สาวใช้เตรียมตัววิ่งไปข้างนอก ทัวป๋าถิงฟางก็ออกคำสั่งเพิ่ม “จำไว้ให้ดี มิว่าท่านอ๋องทำอันใดอยู่ก็ต้องหาวิธีทำให้ท่านอ๋องมาหาข้า ได้ยินหรือไม่ ? ”
สาวใช้พยักหน้ารับหนักแน่น นางจำคำพูดของทัวป๋าถิงฟางขึ้นสมองและมิกล้ารั้งรอการไปเชิญมู่จวินฮานมาอีก
มู่จวินฮานเพิ่งทานอาหารกลางวันกับอันหลิงเกอเสร็จและกำลังนั่งสนทนากันอยู่ “ท่านอ๋อง หากข้าทำน้ำแกงให้ ท่านจะกลัวข้าวางยาพิษหรือไม่เจ้าคะ ? ”
“หากมีพิษอยู่จริง อย่างมากพอดื่มเข้าไปก็แค่ตายเท่านั้น พระชายาคิดว่าใช่หรือไม่ ? ” มู่จวินฮานตอบอย่างมิสะทกสะท้าน
อันหลิงเกอหัวเราะเบา ๆ นางคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานตอบได้ตรงไปตรงมาเช่นนี้และทำให้นางมิค่อยอยากเชื่อด้วย “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้ายังทำใจวางยามิลงหรอกเจ้าค่ะ”
ทั้งสองมักหยอกล้อกันเป็นครั้งคราว ขณะที่เวลาผันเปลี่ยน ใจของทั้งสองคนก็ค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น
“เรียนท่านอ๋องและพระชายา สาวใช้ของถิงฟางเช่อเฟยขอพบเจ้าค่ะ” ปี้จูมิพอใจสาวใช้คนนี้มากเพราะมารบกวนเวลาของท่านอ๋องและพระชายา มาก็ผิดเวลา ดังนั้นนางจึงมิอยากมารายงานเอาเสียเลย
อันหลิงเกอเผยสีหน้าว่าไม่เป็นไรและให้ปี้จูพาสาวใช้คนนั้นเข้ามา
“คารวะท่านอ๋อง เช่อเฟยให้บ่าวมาเชิญท่านอ๋องเจ้าค่ะ เช่อเฟยตั้งครรภ์แล้วหวังว่าท่านอ๋องจักรีบไปหาเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานตกใจ อันหลิงเกอเองก็ตกตะลึง ข่าวนี้อยู่เหนือความคาดหมายเกินไป แม้แต่ปี้จูก็อ้าปากค้าง ต่อจากนั้นอันหลิงเกอก็ทิ้งมู่จวินฮานแล้วเดินไปด้านหลังฉากกันลมโดยมิหยุดฝีเท้าแม้แต่น้อย
“เจ้าพูดเรื่องจริงหรือ ? ” มู่จวินฮานขมวดคิ้วมุ่น
สาวใช้คุกเข่าอีกครั้งพร้อมเอ่ยเสียงดังกว่าเดิม “เรียนท่านอ๋อง เรื่องนี้จะเป็นเท็จได้หรือเจ้าคะ ? ท่านหมอเป็นคนกล่าวเอง บ่าวก็มิกล้าหลอกลวงท่านหรอกเจ้าค่ะ ท่านอ๋องได้โปรดไปดูเช่อเฟยและจะได้ตรวจสอบให้กระจ่างด้วยเจ้าค่ะ”
สาวใช้เอ่ยถึงเพียงนี้แล้วมู่จวินฮานจะมีเหตุผลอันใดมิเชื่อได้อีก แต่อันหลิงเกอเล่า เขาวางใจมิลงจริง ๆ
“เกอเอ๋อ เจ้าออกมาหาข้าหน่อยเถิด ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า” น้ำเสียงเว้าวอนของเขาแทรกเข้าสู่สมองของอันหลิงเกอ แต่สุดท้ายคำว่า ‘เช่อเฟยตั้งครรภ์แล้ว’ ก็ยังชนะอยู่ดี นางสามารถทนได้ที่สนมของเขาจะตั้งครรภ์ แต่มิอาจทนเห็นคนที่คิดสังหารนางตั้งครรภ์บุตรของเขาได้
ปี้จูที่รอรับใช้อยู่หน้าประตูก็มิกล้าพูดอันใด
“ท่านออกไปเถิด ไปดูแลถิงฟางของท่าน มายุ่งกับข้าอีกทำไม ! ” อันหลิงเกอตะโกนด้วยความโมโห หัวใจเต้นแรงและลมหายใจก็มิมั่นคง
ท้ายที่สุด ‘บุตร’ ก็คือแผลใจของนาง ดังนั้นนางจึงไม่มีทางลืมมันโดยง่าย
อันหลิงเกอเองก็มิรู้ว่าอารมณ์นี้มาจากที่ใด
มู่จวินฮานตรงไปที่ประตู แต่สาวใช้ของทัวป๋าถิงฟางเข้ามาหาอีกครั้งและพูดโน้มน้าวเขา “ท่านอ๋อง เช่อเฟยยังรอท่านอยู่เจ้าค่ะ ท่านละเลยนางและบุตรในครรภ์มิได้นะเจ้าคะ”
เมื่อหมดทางเลือกแล้ว มู่จวินฮานจึงได้แต่สั่งปี้จูดูแลอันหลิงเกอให้ดี ส่วนตนก็ตามสาวใช้คนนั้นไปดูสถานการณ์ที่เรือนของทัวป๋าถิงฟาง