ตอนที่ 605 สังเกตการณ์

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 605 สังเกตการณ์

ในฐานะอ๋อง เขาจึงมิอาจละเลยทัวป๋าถิงฟางได้ เพราะการตั้งครรภ์ทำให้เขาจำเป็นต้องไปเยี่ยมนางเวลานี้

“ไปเถิด” มู่จวินฮานเดินอยู่ด้านหน้า

อันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงมู่จวินฮาน ปี้จูจึงเคาะประตูแล้วกล่าวขึ้นมาเบา ๆ “พระชายา ให้ปี้จูเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”

ปี้จูมิได้ทำผิดอันใด เมื่อเห็นว่านางเป็นห่วงแล้วอันหลิงเกอจึงให้เข้ามาในห้อง ส่วนปี้จูก็เห็นอันหลิงเกอกลายเป็นคนหดหู่

เมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอมิได้กล่าวอันใด ปี้จูจึงมิพูดเช่นกัน นางอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงเกอเช่นนี้ อย่างน้อยก็ทำให้สบายใจขึ้น

“เรียนนายหญิง ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้หน้าประตูเห็นท่านอ๋องอยู่ห่างออกไปมิไกลจึงรีบเข้ามารายงานให้ทัวป๋าถิงฟางรับรู้ นางจึงรู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ก็กลัวส่งผลกระทบต่อบุตร นางจึงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง

“ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็มาหาเชี่ยเซินแล้ว” ทัวป๋าถิงฟางเข้าไปต้อนรับพร้อมโค้งคารวะอย่างสุภาพ

มู่จวินฮานแสดงท่าทีเยือกเย็นดั่งภูผาน้ำแข็งและกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้ามีแล้วหรือ ? ”

การตั้งครรภ์ของทัวป๋าถิงฟางเป็นเรื่องผิดจากคาดเดา มู่จวินฮานก็มิอยากเชื่อ ดังนั้นเขาจึงอยากฟังจากปากนาง

“อืม มีแล้วเจ้าค่ะ เป็นบุตรน็น็นดก้ของท่านอ๋องเอง” ทัวป๋าถิงฟางยิ้มหน้าบาน ร่างกายก็ขยับเข้าหามู่จวินฮาน แม้เขาอยากปฏิเสธ แต่ท้ายที่สุดก็รับตัวนางไว้พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนโยน “ข้ายังมีงานต้องทำ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน ประเดี๋ยวตอนเย็นข้าจักมาหาเจ้าใหม่”

หลังทัวป๋าถิงฟางได้ยินว่ามู่จวินฮานจะมาหาใหม่ก็รีบขานรับทันที “น้อมส่งท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

ขอเพียงเขามาหาได้ก็พอแล้ว ในใจทัวป๋าถิงฟางมีแสงแห่งความสุขปรากฎขึ้นทันที เป็นอย่างที่คิดว่าในใจของท่านอ๋องมีนางอยู่จริง อย่างไรก็เป็นผู้ชาย มี*เมียสามอนุสี่ ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

หลังออกจากเรือนนางแล้ว ใบหน้าของมู่จวินฮานก็เย็นชาทันที ชิงเฟิงและพ่อบ้านต่างตื่นตระหนกอยู่ด้านข้าง พวกเขารู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจด้วย

“พวกเจ้าบอกมา นี่มันเกิดอันใดขึ้น ? ” มู่จวินฮานจ้องชิงเฟิงและพ่อบ้าน

ในเวลาเดียวกัน ทัวป๋าถิงฟางก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปอย่างแน่นอน ต่อมานางก็เดินทางไปโอ้อวดกับอันหลิงเกอ แต่ก็น่าเสียดายเพราะอันหลิงเกอมิหน้ามืดไปกับคำพูดของนาง

“หากถิงฟางเช่อเฟยแค่ออกมาเดินเล่น ข้าก็ขอแนะนำให้เจ้าไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังเพราะเรือนของข้ารับรองร่างกายอันล้ำค่าของเจ้ามิไหว” อันหลิงเกอพูดประชด

“เรือนของพระชายาถือเป็นเรือนดีที่สุดรองจากเรือนของท่านอ๋อง แล้วจักกล่าวว่ารับรองเชี่ยเซินมิไหวได้เยี่ยงไร หากพระชายามิชอบเชี่ยเซินก็ไล่ออกไปได้นี่เจ้าคะ” ทัวป๋าถิงฟางเอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างขุ่นเคือง

แต่หลังจากที่นางกล่าวเช่นนั้น อันหลิงเกอก็ดูเป็นฝ่ายผิดขึ้นมาทันที แค่อันหลิงเกอมิโทษที่นางชอบมาก่อกวนทุกวันก็ถือว่าดีเท่าไรแล้ว หลังได้ยินทัวป๋าถิงฟางกล่าวเช่นนั้นจึงตอบอย่างเรียบง่าย “ข้าก็แค่เหนื่อยแล้ว ถิงฟางเช่อเฟยอย่าได้ถือสาเลย แล้วก็อย่าโมโหด้วย ระวังส่งผลกระทบถึงร่างกายเข้า”

ทัวป๋าถิงฟางแค่อยากมาโอ้อวดเท่านั้น นางจึงมิคิดอยู่ที่เรือนของอันหลิงเกอนานนัก นางสะบัดแขนเสื้อและพาสาวใช้ออกมาโดยมิได้คารวะแต่อย่างใด

“ปี้จู ไปส่งถิงฟางเช่อเฟยหน่อย มิเช่นนั้นหากนางมาล้มในเรือนข้าแล้วจักโทษข้าได้” เสียงของอันหลิงเกอมิดังและมิเบานัก แต่มันทำให้ทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง

หลังทัวป๋าถิงฟางได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเช่นนั้น นางก็เร่งฝีเท้ายิ่งกว่าเดิมจนปี้จูก็มิจำเป็นต้องเดินไปส่งอีกต่อไป

“ปิดประตูเรือนให้ข้าด้วย มิว่าผู้ใดมาเยือนก็มิให้เข้าทั้งนั้น”

ทัวป๋าถิงฟางเข้ามาโอ้อวดมิกี่ประโยคทุกวัน หลังได้ดั่งใจแล้วก็จากไป ทำให้ช่วงหลายวันมานี้อันหลิงเกอรู้สึกอารมณ์เสียพอสมควร แต่ทำให้ทัวป๋าถิงฟางมีความสุข นางจึงปิดประตูเรือน มิออกไปไหนและมิพบใครสักคน

มู่จวินฮานก็รู้เรื่องที่อันหลิงเกอปิดประตูอยู่แต่ในเรือน แต่ก็มิได้ว่าอันใดทัวป๋าถิงฟาง ในแต่ละวัน ยังไปเยี่ยมทัวป๋าถิงฟางเหมือนเดิมและไปหาอันหลิงเกอเพื่อดูว่านางจะอนุญาตให้เขาเข้าไปหรือไม่

ขณะเดียวกันเขาก็ให้ชิงเฟิงแอบสังเกตสถานการณ์ฝั่งทัวป๋าถิงฟางด้วย เนื่องจากสตรีผู้นั้นมักทำให้เขารู้สึกถึงความมิชอบมาพากล

เมื่อทัวป๋าถิงฟางรู้เข้าก็ทำตัวสงบเสงี่ยม มิไปรบกวนความสงบของอันหลิงเกออีก ตัวนางก็ดูแลบำรุงร่างกายและคอยระวังแผนร้ายของผู้อื่น

เสร็จจากการประชุมราชสำนักในยามเช้า มู่จวินฮานก็ตรงไปที่เรือนของมู่เหล่าหวางเฟย

“ฮานเอ๋อมาแล้วหรือ รีบมานั่งสิ” มู่เหล่าหวางเฟยเห็นมู่จวินฮานมาหาก็ดีใจมาก ราวกับรอยยิ้มของนางดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกหลายปี

“หมู่เฟย ลูกมาเพราะมีเรื่องจะบอกท่านขอรับ”

ทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์แล้วมู่เหล่าหวางเฟยจักมิรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร คราวนี้มู่จวินฮานมาเพราะเรื่องนี้เอง หากมู่เหล่าหวางเฟยรู้แล้วก็คงวางใจเรื่องทายาทของเขา หรือบางทีอาจคืนบุตรของเกอเอ๋อมาก็ได้

“มีเรื่องอันใดก็พูดมาเถิด” มู่เหล่าหวางเฟยก็พอเข้าใจว่าที่มู่จวินฮานยอมมาบอกนางด้วยตนเอง ถ้ามิใช่เรื่องมงคลก็ต้องเป็นเรื่องใหญ่สักอย่าง

“ทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์แล้วขอรับ” มู่จวินฮานกล่าวเพียงประโยคเดียวและมิได้แฝงความรู้สึกใดไว้

ในฐานะมารดาย่อมหวังให้บุตรมีลูกหลานมากอยู่แล้ว ส่วนนางก็ต้องมีความสุขตามไปด้วย มู่เหล่าหวางเฟยจึงกล่าวว่า “แค่พริบตาเดียวเจ้าก็จะได้เป็นพ่อคนอีกแล้ว แม่เองก็วางใจไปด้วย”

มู่เหล่าหวางเฟยมิได้ดีใจถึงเพียงนั้น นางแค่เผยความดีใจออกมาเล็กน้อยซึ่งดูห่างไกลจากตอนที่รู้ว่าอันหลิงเกอตั้งครรภ์มากนัก แต่นางก็ยังกำชับมู่จวินฮานว่า “แม่รู้ว่าเจ้ามิชอบทัวป๋าถิงฟาง แต่ตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้ว อย่างไรก็ควรตามใจนางหน่อย แต่ก็ละเลยพระชายามิได้ เนื่องจาก…”

บัดนี้นางแสร้งทำเป็นคนหน้าซื่อใจคด เนื่องจากทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์แล้วอันหลิงเกอจึงมีข้อจำกัดเพิ่มมากกว่าเดิม ดังนั้นนางจะพูดให้ดีสักหน่อยก็มิถือว่าเป็นอันใด

“หมู่เฟย” มู่จวินฮานพูดแทรก

“มีอันใดหรือ ? ” ในความเป็นจริงมู่เหล่าหวางเฟยรู้อยู่แล้วว่าบุตรชายต้องการพูดสิ่งใด

“ลูกแค่อยากบอกว่าให้ท่านส่งบุตรของเกอเอ๋อกลับไปเถิดขอรับ” หลังได้ยินคำนี้แล้ว สีหน้ามู่เหล่าหวางเฟยก็แย่ทันที

“จวินฮาน เจ้ามิวางใจในตัวแม่หรือ” ขณะที่กล่าวนางก็เริ่มทำเสียงสะอื้น

มู่จวินฮานขมวดคิ้วและจบเรื่องไว้เพียงเท่านั้น

ช่วงหลายวันมานี้ไม่มีอันหลิงเกอคอยเล่นสนุกในจวนอ๋อง บรรยากาศจึงดูอ้างว้างขึ้นมิน้อย หลังอันหลิงเกอปิดประตูมิออกจากเรือน สนมคนอื่นก็อยู่ในเรือนของตนอย่างเงียบ ๆ บางครั้งก็มีการรรวมตัวพูดคุยหรือถากถางกันไปในตัวและบางคราวก็จะไปหาทัวป๋าถิงฟาง

ตอนอยู่ในเรือนฝูหลิง อันหลิงเกอก็คิดได้มิน้อยและช่วงหลายวันนี้จึงมีความสุขมากพอสมควร

เรื่องทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์เป็นแค่เหตุมิคาดคิดเท่านั้น นางคิดมากเกินไปและทำร้ายจิตใจของมู่จวินฮานด้วย แม้อยากเจอเขา แต่นางก็ไม่มีความกล้า และแผลใจอันนั้นก็ยังมิถูกรักษา

อันหลิงเกอในชุดขาวจับจ้องไปที่ประตูราวกับวิญญาณถูกดูดออกไปจนมองมิเห็นคนรอบข้างแม้แต่น้อย

ปี้จูจึงเอ่ยหยอกเย้า “พระชายาคิดถึงท่านอ๋องแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ? ”

“ปี้จู เจ้ากล้าล้อข้าหรือ ระวังข้าจะผลักเจ้าให้ชิงเฟิงเสียเล่า” อารมณ์ของอันหลิงเกอกลับมาเป็นปกติมิน้อย ตอนนี้เป็นเหมือนระลอกคลื่นในฤดูใบไม้ผลิซึ่งระลอกคลื่นนั้นได้สาดซัดไปและกลับมาสงบได้อีกครั้ง

“พระชายา ท่านเอ่ยถึงชิงเฟิงด้วยเหตุใด อย่าเอาแต่รังแกปี้จูสิเจ้าคะ” ขณะเดียวกันใบหน้าของปี้จูก็เป็นสีแดงเรื่อ

ใบหน้าอันหลิงเกอเคร่งขรึม มือลูบคางท่าทางครุ่นคิด “ปี้จู เจ้าคิดว่าข้ามิควรตำหนิเขาและมิให้เขาอยู่ข้างนอกเช่นนั้นหรือ ? ”

เขาที่ว่าก็คือมู่จวินฮานที่กำลังเดินทางกลับจวนในเวลานี้

“ท่านอ๋องดีต่อพระชายามาก ท่านมิควรโหดร้ายกับท่านอ๋องถึงเพียงนี้เจ้าค่ะ” ปี้จูเห็นโอกาสจึงช่วยพูดแทนท่านอ๋อง

*เมียสามอนุสี่ หมายถึง มากชู้หลายเมีย