บทที่ 420 ใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัย

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 420 ใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัย
ในราตรีกาลของฤดูหนาวเมื่อเกล็ดหิมะหมุนเคว้งอยู่กลางอากาศ หลอดไฟคริสตัลที่เติมสีสันต่างๆ ลงไปช่วยให้คฤหาสน์ทั้งหลังของดยุกมีชีวิตชีวา จนดูเหมือนกับอัญมณีเปล่งแสงท่ามกลางพื้นหลังสีดำของราตรีกาล แสงที่เปล่งออกมาจากคฤหาสน์หลังนี้ช่างชวนมองราวกับว่าดวงดาวทั้งท้องฟ้าร่วงหล่นลงมาและรวมตัวกันที่นี่

แม้แต่ในกลุ่มนักเวทอาวุโส ก็ไม่เคยมีใครใช้หลอดไฟคริสตัล จำนวนมากในหอคอยเวทมนตร์ของตนมาก่อน ส่วนใหญ่แล้ว เหล่านักเวทมักคุ้นชินกับการใช้เทียน เนื่องจากประสิทธิภาพจากเทียนก็ไม่เลวนัก

สำหรับขุนนางส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานในคืนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครตำหนักถึงความหมายของคำว่า ‘ความสว่างไสว’ จนกระทั่งวันนี้ พวกเขาไม่เคยจินตนาการว่าทัศนียภาพที่มนุษย์สร้างขึ้นจะสามารถประทับใจได้เทียบเท่ากับธรรมชาติ พลังงานที่มาจากมนุษย์ และทัศนียภาพนี้สามารถแผ่ขยายและพบเห็นได้ทั่วโลก!

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีขอเชิญเข้ามาข้างใน” ลิลเลียน ลูกศิษย์ของบาเร็ก เป็นพิธีกรในคืนนี้ ด้วยรอยยิ้มแสนน่ารัก นางเชื้อเชิญให้แขกได้เดินชมคฤหาสน์หรูหราที่สว่างไสวราวกับปราสาทของ ‘ราชันย์แห่งสุริยา’

สุภาพสตรีสูงศักดิ์ยกกระโปรงขึ้นอย่างสง่างามและเดินถลาเข้าคฤหาสน์ ตามด้วยสุภาพบุรุษ ทุกคนต่างอยากเห็นและไม่อาจรอที่จะได้เห็นหลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์อย่างใกล้ชิด

“น่าประทับใจมาก การโฆษณาเวทีแรกของเราประสบความสำเร็จ” อาร์เธอร์เป็นนักธุรกิจ ความน่าประทับใจของฉากที่เห็นไม่ได้มีอิทธิพลเกินกว่าความสำคัญของการทำเงินสำหรับเขา

เขาเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของขุนนางต่อหลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์อย่างใกล้ชิด

“ข้าอยากได้ไปไว้ที่หอคอยเวทมนตร์ของข้า!” อัลเฟอร์ริสน้ำลายไหลเมื่อเห็นความสว่างไสวของหลอดไฟ มันเป็นที่รู้จักดีในเรื่องการหลงใหลในสิ่งที่สว่างไสว “ข้าจะจ่ายด้วยคะแนนอาร์คานา!”

ทอง อัญมณี คริสตัล… อะไรก็ตามที่หายเข้าไปในกระเป๋าของอัลเฟอร์ริสแล้วจะไม่มีวันได้ออกมา ลูเซียนยังเคยสงสัยว่าอัลเฟอร์ริสยักยอกวัสดุก่อสร้างหอคอยเวทมนตร์หรือไม่ เนื่องจากหอคอยของมันดูผิดรูปและดูเหมือนยอดเขาที่บิดเบี้ยว หอคอยของมันตั้งอยู่ในนครอัลลิน โอกาสที่หอคอยจะถูกโจมตีมีน้อยถึงน้อยมาก จึงไม่มีอะไรต้องกังวลมากมาย

“แต่หลอดไฟพวกนี้ เนื่องจากราคาสูง เป็นประโยชน์เฉพาะกับขุนนางเท่านั้น ถ้าเราไม่สามารถลดต้นทุนลงมาได้ พลเมืองทั่วไปจะไม่สามารถได้ใช้ไฟ มนุษย์ทุกคนควรได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าของอารยธรรม” ลูเซียนเกิดแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพที่เห็น สำหรับลูเซียนแล้ว มาตรฐานที่ใช้ตัดสินว่าอารยธรรมก้าวหน้าหรือไม่ ควรดูจากความนิยมของเทคโนโลยีนั้นๆ ยุคเริ่มต้นของไฟฟ้าก็ควรเป็นเช่นนั้น!

แน่นอนว่าอาร์เธอร์ไม่ได้เห็นเหมือนกับลูเซียน “แต่… คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะลดต้นทุนลงอีก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในช่วงสั้นๆ นี้”

“เอาล่ะ… เราคงต้องการแรงงานทักษะจำนวนมาก กระบวนการที่ไม่ต้องใช้เวทมนตร์ควรแยกออก และวางแนวทางการประกอบเพื่อสร้างชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐาน แล้วราคาจะสามารถลดลงได้” ลูเซียนพยักหน้าเบาๆ เหมือนกับนักลงทุนผู้ทรงภูมิ แรงงานที่เขาคิดอยู่ในหัวก็คือกลุ่มคนแคระจากมิติภูเขารัตติกาล แต่เนื่องจากเขาก่อปัญหาใหญ่ไว้กับแวมไพร์ ลูเซียนต้องรอไปอย่างน้อยอีกสองสามปีก่อนจะทำตามแผนได้ เมื่อความสนใจทั้งหมดเบี่ยงเบนไปยังการสำรวจมิติใหม่

“การฝึกคนงานใช้เวลานาน…” อาร์เธอร์ไม่เข้าใจคำที่ลูเซียนพูด และเขาก็ไม่สนใจที่จะถาม เนื่องจากไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขเบื้องต้น

ตอนนั้นเอง ลิลเลียนปิดหลอดไฟคริสตัลหลักในห้องโถง และเหลือไว้เพียงดวงเล็กๆ แสงสลัวและอ่อนโยนลงในทันที กลายเป็นบรรยายกาศแสนโรแมนติกและงดงาม

นางยิ้มอย่างอารมณ์ขัน “ไม่ต้องกังวล ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ท่านจะไม่สูญเสียความโรแมนติกของมื้อค่ำใต้แสงเทียนเนื่องจากหลอดไฟเวทมนตร์ ความโรแมนติกอยู่ในวิญญาณและหัวใจของเรา”

“นอกจากนี้” นางกล่าวต่อ “เมื่อทุกท่านเดินไปรอบๆ ปราสาท ก็ไม่ต้องกลัวความมืดอีกต่อไป เราได้นำแสงไฟมาสู่ท่านตลอดกาลด้วยหลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์นี่เอง”

ลูเซียนสงสัยว่าอาร์เธอร์น่าจะจ่ายให้กับลิลเลียนไว้ล่วงหน้าแล้วสำหรับการพยายามโฆษณาสินค้า แต่ลูเซียนก็ชอบ สำหรับกำไรที่กำลังจะเข้ามา!

หลังจากการเดินชมคฤหาสน์ของดยุกเจมส์ ก็ถึงเวลาสำหรับการเต้นรำกลางโถง ในราชอาณาจักรโฮล์ม ซึ่งขึ้นชื่อลือชาเรื่องการอนุรักษ์นิยมอย่างยิ่ง การเต้นรำเป็นวงกลมจากปราสาทเทรียยังไม่รับความนิยมมากนัก ขุนนางหัวโบราณหลายคนดูถูกการเต้นรำแบบดังกล่าวว่าต้องการให้นักเต้นได้ใกล้ชิดกันมากที่สุด มีเพียงขุนนางรุ่นใหม่บางคนเท่านั้นจะมีการเต้นรำแบบวงกลมเมื่อมีการรวมตัวกันเป็นงานส่วนบุคคล

“ท่านอีวานส์ การออกแบบของท่านน่าประทับใจยิ่งนัก ข้าสั่งชุดหนึ่งจากท่านอาร์เธอร์ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลอดไฟคริสตัลจะเป็นของที่เข้าถึงได้” หญิงสาวผู้สง่างามคนหนึ่งเดินเข้ามาลูเซียนพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม

‘ชุด’ ที่นางหมายถึงก็คือชุดหลอดไฟสำหรับคฤหาสน์ทั้งหลัง ราคาเท่ากับหลอดไฟคริสตัลเวทมนตร์เพียงหลอดเดียวในอดีต

ลูเซียนวนแก้วเหล้า ‘สกายบลู’ ในมือแล้วยิ้มออกมา “นี่เป็นเพราะปัจจุบันไฟฟ้าสามารถจัดส่งได้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง”

“พูดตามตรง ตอนที่สุภาพสตรีคนนั้นเปิดไฟ ข้าเหลือเชื่อมากเห็นไฟสว่างไสวขนาดนี้ ข้าไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี… ราวกับความฝัน และข้าก็รู้สึกภูมิใจมาก ท่านเป็นนักเวทที่สร้างปาฏิหาริย์…” หน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อ “ข้าไม่ใช่ทั้งนักเวทและอัศวิน… แต่ตอนนี้ข้ามีความสุขกับแสงไฟได้”

ลูเซียนยิ้มกว้าง “การทำให้สินค้าแร่แปรธาตุได้รับความนิยมเพื่อให้คนทั่วไปส่วนใหญ่ได้ใช้ประโยชน์เป็นความฝันของข้าเสมอมา”

“ท่านช่างเป็นคนที่ยิ่งใหญ่”

คำชมอย่างจริงใจของสตรีผู้นี้ทำให้ลูเซียนซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นคน ‘ไร้ความรู้สึก’ หน้าแดงขึ้นมาบ้าง

“…เพื่อให้คนทั่วไปส่วนใหญ่ได้ใช้ประโยชน์… วิสัยทัศน์เยี่ยมมาก อีวานส์” ดยุกเจมส์และบาเร็ก นักเวทระดับเจ็ด เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูเซียนเพิ่งพูดออกไป บาเร็กก็ถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่าเขามองทะลุปรุโปร่งความตั้งใจที่ซ่อนไว้ของลูเซียน

เมื่อเห็นดยุก ใบหน้าของสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ก็แดงระเรื่อเข้าไปใหญ่ นางรีบกล่าวมา “ท่านอีวานส์ เชิญสนทนาอยู่กับท่านตามลำพังนะเจ้าคะ”

“ฮ่า อีวานส์ ทำไมเจ้ายังมัวยืนนิ่งเหมือนคนชราอย่างเราๆ เหล่า? เจ้าไม่รู้หรือว่าจูเลียกำลังรอให้เจ้าชวนนางเต้นรำ? อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่ชอบจูเลีย นางเป็นหลานสาวของเคานต์แฮกสัน” เจมส์พูดหยอกล้อ “ได้เห็นได้ชัดว่า จูเลียไม่ใช่สตรีคนแรกที่เจ้าปฏิเสธ”

ลูเซียนจิบสกายบลูและกล่าวด้วยสำนวนกึ่งน้ำเน่า “บางที… กระหม่อมคงมีหัวใจคนแก่…”

ด้วยความเป็นหนุ่มและหน้าตาดี อนาคตสดใสและพรสวรรค์สูง เงินทองมั่งคั่งและสถานะทางสังคมสูง ลูเซียนค่อนข้างโด่งดังในกลุ่มสตรีชั้นสูง ในงานเต้นรำครั้งนี้ สุภาพสตรีที่เข้าร่วมงานล้วนมาจากตระกูลเสรีนิยมซึ่งเปิดรับต่อเวทมนตร์ พวกนางไม่รังเกียจที่จะสมรสกับนักเวท พวกนางบางคนถึงขนาดเพ้อฝันถึงนักเวทเลยทีเดียว

ดยุกเจมส์หัวเราะและกล่าวออกมา “เมื่อมีวงเวทกระแสน้ำสำหรับการผลิตไฟฟ้าและมีสายไฟมากขึ้น คนทั่วไปก็สามารถได้รับประโยชน์จากเวทมนตร์ ความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของพวกเขาจะขึ้นได้ด้วยเวทมนตร์ ไม่ใช่ด้วยพลังจากพระเจ้า ในตอนนั้น วิสัยทัศน์ของท่านจะประสบความสำเร็จ”

ลูเซียนตระหนักว่าเขาน่าจะพิจารณาตัวตนของดยุกคนนี้เสียใหม่ แม้ว่าจะยุบหัวโล้นพรุ่งนี้จะดูหยาบคายและชั่วร้ายจากภายนอก แต่อันที่จริงแล้ว เขามีความคิดที่เฉียบคมและเปิดกว้าง เนื่องจากเขาพิจารณาข้อมูลมากมายด้วยเพียงความเห็นเดียวของลูเซียน โชคดีที่เจมส์เป็นพันธมิตรกับพวกเขา

“เมื่อสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น เราต้องพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง ไฟฟ้าอาจเป็นอันตรายได้ อันตรายยิ่งกว่าเทียนไขมากนัก การจับไฟด้วยมือเปล่าจะทำให้ผิวท่านไหม้ แต่จับสายไฟที่เสียหายอาจฆ่าท่านได้ ศาสนจักรจะสร้างภาพให้ไฟฟ้าเป็นสิ่งชั่วร้ายเพื่อไม่ให้ได้รับความนิยม” ลูเซียนนำเสนอความกังวลของเขา ในตอนนั้นเอง ไฟฟ้าจะเป็นทั้งพลังงานที่ถูกและส่งต่อง่ายที่สุด พลังวิญญาณ พลังแสงอาทิตย์ หรือแม้แต่พลังคลื่นทะเลก็ไม่อาจเทียบได้

เจมส์มองไปด้านข้างที่บาเร็กและรอการยืนยันจากเขา “ทุกๆ ปี จะมีนักเวทลืมร่ายเวทป้องกันให้เพียงพอต้องมาตายจากเหตุไฟดูดในห้องทดลองแม่เหล็กไฟฟ้า”

ในนครอัลลิน มีการจัดอันดับข่าวการเสียชีวิตที่โง่เง่าที่สุด และสาเหตุไฟฟ้าดูดก็อยู่อันดับห้าสิบ

‘โอซาน นักเวทผู้น่าสงสาร ค้นพบเวทมนตร์สายฟ้าที่ทรงพลังโดยบังเอิญในการทดลองของเขา เมื่อเขาสัมผัสลูกไฟสายฟ้า เขาต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าพลังจากลูกไฟสายฟ้าซึ่งวิ่งวนอยู่รอบห้อง มีพลังสูงกว่าเกราะป้องกันของเขา ขอสดุดีเขาที่สร้างผลงานเวทมนตร์สายฟ้า และบอกเล่าเรื่องราวให้เรารับรู้ผ่านร่างที่ดำเป็นตอตะโก ให้เราได้รู้ว่าเราต้องอยู่ให้ห่างจากกระแสไฟฟ้าที่ไร้การควบคุม’

“แล้วเราควรทำอย่างไร? ท่านตั้งคำถามขึ้นมา ท่านต้องมีทางออกสำหรับเรื่องนี้อยู่แล้ว” เจมส์ยิ้มและมองลูเซียนอย่างมั่นใจ

ลูเซียนตอบคำถามอย่างยาวเหยียด “ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์เสมอ เราไม่อาจขอให้ผู้ใช้ของเราทุกคนเป็นนักเวทหรือร่ายเวทป้องกันบนชิ้นส่วนสายไฟทั้งหมด ข้าหวังว่า ท่านบาเร็ก นักเวทของท่านจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้าจะสามารถผลิต ‘คู่มือการใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย’ ออกมาเพื่อให้ความรู้กับผู้คนถึงวิธีหลีกเลี่ยงอันตราย”

เจมส์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

“เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยังไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่เป็นทั้งประโยชน์และโทษ เราไม่ควรหลับหูหลับตาปฏิเสธเหมือนคนโง่ แต่กลับกัน เราควรทดลองใช้ประโยชน์จากข้อดีให้มากที่สุดและลดอันตรายให้เหลือน้อยที่สุด และนี่คือคุณค่าของอาร์คานาที่เราควรโฆษณา ก็ไม่ต่างจากวิธีที่เราใช้เพลิงเผาไหม้”

“นอกจากนี้ หากศาสนจักรและพวกอนุรักษ์นิยมจะกระตุ้นให้ผู้คนปฏิเสธการใช้ไฟฟ้าโดยกล่าวถึงอันตรายของไฟฟ้าไว้เกินจริง เราควรจะทำให้ทุกคนได้ตระหนักด้วยการสอนพวกเขาให้รู้จักว่าไฟฟ้าคืออะไร ให้พวกเขาเข้าใจทั้งข้อดีข้อเสีย นี่ไม่ใช่งานง่ายๆ แต่มีความหมายอย่างยิ่ง” ลูเซียนยังคงอธิบายต่อ และน้ำเสียงของเขาก็ไม่ต่างจากสมาชิกผู้ทรงเกียรติของคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา

เจมส์พยักหน้าและหันไปทางบาเร็ก “คำพูดของอีวานส์มีเหตุผล ท่านจะหาคนที่เหมาะสมมาทำคู่มือได้หรือไม่?”

“ไม่มีปัญหาขอรับ” บาเร็กตอบรับ

ในสายตาของพวกเขา แม้อาจารย์ของลูเซียนคือเจ้าแห่งวายุ ลูเซียนก็ไม่ได้เปิดเผยความสามารถในสำนักแม่เหล็กไฟฟ้ามากนัก และไม่ได้นำเสนอผลงานอันโดดเด่นใดๆ ทั้งนี้ สำหรับนักเวทสาขาแม่เหล็กไฟฟ้าหลายต่อหลายคน การค้นพบอิเล็กตรอนเป็นเพียงผลพลอยได้จากการสำรวจธาตุของลูเซียน

“อีวานส์ เมื่อไรท่านจะย่อคำอธิบายวงเวทบันทึกให้เข้าใจง่ายๆ? พวกขุนนางคงจะชอบกันมาก!” เจมส์กล่าวเสริม

นี่คือวัตถุประสงค์ที่เจมส์เดินเข้ามาหาลูเซียน

ตอนนี้ การศึกษาเรื่องการส่งสารผ่านแม่เหล็กไฟฟ้าก้าวเข้าสู่สภาวะวิกฤต และพวกเขาไม่เชื่อว่าลูเซียนจะเป็นคนที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ดังนั้น ทั้งคู่จึงเอ่ยถึงต่อหน้าลูเซียน

ลูเซียนส่ายศีรษะ “ข้ายังคงมองหาวัตถุดิบดีจากการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า ในการเลือกวัสดุนั้น ค่อนข้างใช้เวลานานขอรับ”

ในความเป็นจริง ด้วยความรู้ของเขาจากโลกเดิม ลูเซียนมีเบาะแสเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เขายังไม่ต้องการจะเผยแพร่ในตอนนี้ ลูเซียนจะรอจนกว่าการโฆษณาหลอดไฟคริสตัลประสบความสำเร็จ เนื่องจากช่วงต้นของการปฏิวัติไฟฟ้าต้องใช้พละกำลังทั้งหมดทุ่มเทให้กับเรื่องๆ เดียว

“เข้าใจล่ะ…” ดยุกเจมส์ถอนหายใจ

ณ ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท อีริคพูดกับชายวัยกลางคนผู้น่าสงสารคนหนึ่งซึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี “เลฟสกี ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เจ้ามาส่งข้อความขึ้นใหม่หรือ?”

“ไม่ได้เจอกันนานเลย อีริค ข้า… เพิ่งพัฒนาบทความชิ้นก่อน…” เลฟสกีตอบด้วยเสียงแผ่วเบา ผมสีเหลืองของเขายุ่งเหยิงราวกับรังนก และดวงตาสีฟ้าก็ดูขุ่นมัวและอิดโรย ชายวัยกลางคนผู้นี้ร่างผอมราวกับเสากระโดง

อีริคขมวดคิ้ว “แต่… บทความชิ้นก่อน… ถูกสมาชิกคณะกรรมการปฏิเสธไม่ใช่หรือ?”

“ข้ากลับไปพัฒนามา” เลฟสกีพูดอย่างมั่นใจ “และข้ารู้มาว่าบทความที่นำเสนอการหักล้างทฤษฎีเดิมสามารถส่งให้ท่านอีวานส์ได้เลย”

“ข้าหมายถึง… สมาชิกคณะกรรมการบอกว่าเรขาคณิตที่เจ้าพูดถึงเป็นเพียงจินตนาการของเจ้าคนเดียว ทฤษฎีของเจ้าแปลกประหลาด…” อีริคพูดอย่างกะอักกะอ่วน เขาพยายามแนะนำให้เลฟสกีล้มเลิกความตั้งใจ

เลฟสกีกำหมัดแน่นและทอดสายตามองต่ำ เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย แต่ก็ยังมั่นคง “ข้าไม่คิดว่าข้าคิดผิด ข้าต้องการแสดงสิ่งนี้ให้จอมเวททุกคนเห็น อีริค ได้โปรดเถิด”

อีริคพยักหน้าและบทความมา บทความมีชื่อว่า

หลักเรขาคณิตใหม่กับทฤษฎีคู่ขนานสมบูรณ์แบบ