ตอนที่ 733 คลื่นใต้น้ำ / ตอนที่ 734 ซื่อจื่อกลับมาแล้ว

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 733 คลื่นใต้น้ำ 

 

 

แต่คนที่นอนไม่หลับในคืนนี้ไม่ได้มีแค่ซูหลีเท่านั้น 

 

 

“เจ้าออกไปเฝ้าด้านนอกเถอะ!” ป๋ายไต้ซือเอ่ยแล้วหญิงรับใช้คนสนิทของป๋ายถาน ก็ถอยออกไป 

 

 

ป๋ายไต้ซือเป็นบิดาของป๋ายถาน จึงมักจะเข้าวังมาพบป๋ายถานเป็นปกติ เพียงแต่คราวนี้มีคนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน ซึ่งนั่นก็คือป๋ายเฮ่อ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของป๋ายถาน 

 

 

นี่ไม่ถือว่าเป็นอะไร อย่างไรเสียก็เป็นสายเลือดเดียวกัน มาดูป๋ายถาน คนรอบข้างก็ไม่พูดอะไรมากมายนัก 

 

 

นางกำนัลนั้นเป็นสาวใช้ที่ป๋ายถานพาเข้าวังมาด้วยในตอนแรก ย่อมเชื่อฟังพวกเขาอยู่แล้ว จึงไปเฝ้าอยู่ด้านนอกตำหนักเงียบๆ ให้พื้นที่พวกเขาได้คุยกัน 

 

 

“ท่านพ่อทำไมถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้? ลูกเคยบอกท่านหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ระวังซูหลีให้มาก” หลังจากที่สาวใช้ผู้นั้นถอยออกจากห้องไปแล้ว ป๋ายถานก็เอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน 

 

 

ตอนได้ยินข่าวจากวังหน้า ป๋ายถานก็นั่งไม่ติดแล้ว 

 

 

แม้สุดท้ายจะผ่านไปได้ แต่พี่ชายนาง…. พอป๋ายถานนึกถึงตรงนี้ ก็เหลือบมองป๋ายเฮ่อที่อยู่ข้างๆ แล้วเห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์นักของป๋ายเฮ่อ สีหน้าเขาย่ำแย่จนน่ากลัวทีเดียว  

 

 

“พูดไปแล้วก็เป็นความผิดพ่อเอง ที่ไม่เชื่อคำเจ้า ประมาทเขา ปล่อยให้ซูหลีก่อเรื่องแบบนี้ได้” ป๋ายไต้ซือนั่งอยู่ด้านข้างสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง 

 

 

“แล้วจะจัดการเรื่องไร่ฝิ่นอย่างไร?” ป๋ายถานเลิกคิ้วขณะถาม 

 

 

“ซื่อจื่อทรงคิดได้รอบคอบอย่างยิ่ง เมื่อวานทรงสั่งให้คนไปที่ไร่ฝิ่นจัดการทำลายสิ่งของที่นั่นจนหมดสิ้น แล้ววางเพลิงเผาที่นั่นจบราบ ไม่เหลือร่องรอยใดๆ!” ป๋ายไต้ซือคิดถึงตรงนี้ก็หวาดกลัว 

 

 

หากเมื่อวานเขาไม่ฟังคำพูดฉินมู่ปิง เกรงว่าตอนนี้คงโดนจับได้ไปแล้ว 

 

 

“เพียงแต่เสียดายของเหล่านี้โดยทำลายลงไปในวันนี้ ก่อให้เกิดเสียหายอย่างมหาศาล!” ไร่ฝิ่นทั้งหมดรวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ฝิ่นก็โดนทำลายก่อให้เกิดความเสียหายกับบ้านสกุลป๋ายไม่น้อย 

 

 

เดิมทีนี่เป็นธุรกิจที่สร้างกำไรอย่ามหาศาล 

 

 

“ท่านพ่อ ลูกแต่งงานแล้ว ตามธรรมเนียมแล้วไม่ควรให้ลูกต้องพูดกับท่านพ่อ แต่ท่านจะต้องระวังเอาไว้ให้มาก ไม่รู้ว่าฉินเย่หานคนนี้มีเจตนาอะไร ตอนแรกบอกว่าฝิ่นเป็นของที่มีกำไรค่อนข้างสูง ท่านดูสิตอนนี้สร้างเรื่องเดือดร้อนให้เราแล้วปะไร?” 

 

 

ป๋ายถานไม่เห็นด้วยที่ป๋ายไต้ซือไปมาหาสู่กับฉินมู่ปิง แต่ต่อให้นางฉลาดเท่าไหร่ ผู้ชายพวกนี้ไปมาหาสู่กันก็ไม่ยอมบอกนาง นางถึงต้องอาศัยโอกาสนี้พูดสักหน่อย 

 

 

“พ่อรู้” ป๋ายไตซือได้ยินเช่นนั้น ร่องรอยอารมณ์ก็พาดผ่านในแววตา แต่ก็ไม่พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ผงกศีรษะ 

 

 

“คราวนี้เพราะซูหลีแท้ๆ ความแค้นครั้งนี้ข้าต้องเอาคืนให้ได้!” ป๋ายเฮ่อที่ฟังพวกเขาพูดกันอยู่ข้างๆ ก็แทรกขึ้นมา 

 

 

ใบหน้าเขาเย็นชาภายใต้แสงไฟ ทำให้คนที่มองเห็นหวาดกลัว 

 

 

ป๋ายถานรู้จักนิสัยพี่ชายตนเองดี คราวนี้เขาไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปแน่ 

 

 

นางเองก็ไม่ชอบซูหลี โดยเฉพาะหลังจากที่ซูหลีขวางทางเจริญของสกุลป๋ายแล้วด้วย ต้องกำจัดคนผู้นี้ทิ้ง 

 

 

“คิดจะจัดการเขาตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ง่าย” ป๋ายไต้ซือนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมา 

 

 

“พอคิดให้ละเอียดแล้วคนผู้นี้ ถึงจะทำเรื่องเหลวไหลมามากมาย แต่ไม่ใช่ความผิดที่รุนแรงมากมาย อีกทั้งในปีที่ผ่านมาถึงซูหลีจะจะทำนิสัยโอหังเหมือนที่ผ่านมา แต่ในทุกก้าวกลับเหมือนว่าคำนวณวางแผนมาหมดแล้ว” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 734 ซื่อจื่อกลับมาแล้ว 

 

 

“วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ น่ากลัวอย่างยิ่ง” ป๋ายไต้ซือวิจารณ์ออกมา 

 

 

นี่ก็เป็นผลสรุปที่เขาได้หลังจากที่เจอฤทธิ์ซูหลีในวันนี้ 

 

 

ป๋ายถานที่อยู่ด้านข้างผงกศีรษะ นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจู่ๆก็เอ่ย “นางกำนัลของเราที่ส่งไปปัดกวาดที่ห้องทรงอักษร บอกว่าเมื่อคืนมีสตรีไปห้องทรงอักษร” 

 

 

ป๋ายไต้ซือนิ่งฟังราวเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาแม้แต่น้อย หลังจากฟังก็นิ่งไปครู่หนึ่ง พลันมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในหัว 

 

 

เขารีบเอ่ย “พ่อส่งคนไปที่บ้านสกุลซู คอยเฝ้าคนที่คอยไปมาหาสู่คนบ้านสกุลซู บอกว่าคนสกุลซูไม่มีใครเข้าออก มีผู้หญิงออกมาเพียงคนเดียวในตอนกลางคืน!” 

 

 

หลังจากป๋ายถานได้ยินคำพูดดังกล่าวแล้ว ใบหน้าเย็นชา นางเอ่ยเสียงเย็น “ไม่แน่ว่า ถ้านฮวาที่ชื่อเสียงลือกระฉ่อนไปทั่วเมืองหลวงของเราอาจจะเป็นหญิงปลอมตัวเป็นชายกระมัง!” 

 

 

พอเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้วนั้น ป๋ายไต้ซือและป๋ายเฮ่อก็ใจหายวาบ 

 

 

“นี่…หมายความว่าอย่างไรกัน?” ใบหน้าป๋ายไต้ซือเต็มไปด้วยความตกใจขณะจ้องป๋ายถาน 

 

 

“ลูกก็แค่คาดเดาเท่านั้น ท่านลืมเรื่องแม่เลี้ยงของซูหลีเมื่อคราวก่อนแล้วหรือที่ฉาวโฉ่ไปทั่วเมืองหลวงเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?” ป๋ายถานเองก็ไม่แน่ใจ ถึงนางจะพูดแบบนี้ เป็นเพราะความรู้สึกของนางที่มีต่อเรื่องนี้เท่านั้น 

 

 

แต่ความรู้สึกของนางค่อนข้างแม่นยำ แทบไม่เคยพลาดมาก่อน 

 

 

“จากที่ลูกรู้มา หลี่ซื่อไม่ได้เป็นคนฉลาดหลักแหลม นางจะสร้างเรื่องเช่นนี้ในวันเกิดซูหลีโดยที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุได้อย่างไร ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ? ท่านพ่อ เอาอย่างนี้ ท่านส่งคนไปหาข่าวสักหน่อย จะให้ดีลองไปหาคนที่กล่าวหานางในวันนั้น” 

 

 

“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ผู้หญิงสอบเคอจวี้? แถมยังสอบเป็นถ้านฮวาด้วย?” ป๋ายเฮ่อเลิกคิ้วอยู่ด้านข้าง จากที่เขาฟังดูนี่เป็นเรื่องออกจะเหลือเชื่อเกินไป 

 

 

เขายังสอบไม่ติดลำดับใดๆ อย่าว่าแต่ผู้หญิงคนหนึ่ง! 

 

 

“นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น ไปลองสืบดูก็ไม่ได้เสียหายอะไร หากว่าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ซูหลีต้องจบเห่แน่!” 

 

 

ป๋ายไต้ซือเห็นท่าทางแบบนั้นของป๋ายถาน ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง 

 

 

ที่จริงเขาคิดเหมือนกับป๋ายเฮ่อ ผู้หญิงสอบเคอจวี่ แถมยังได้ลำดับที่ดีแบบนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว 

 

 

เขาเองก็อยากจะเถียงผู้เป็นน้องสาว แต่พอเขามาคิดๆดูแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ยอมฟังคำพูดของบุตรีถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ช่างเถอะ…ลองไปสืบๆ ดู ช่วยให้นางสบายใจก็ดีเหมือนกัน 

 

 

ป๋ายไต้ซือและป๋ายเฮ่ออยู่ในตำหนักของป๋ายถานครู่ใหญ่ ก่อนจะออกมา 

 

 

แต่หลังจากที่พวกเขากลับไปแล้วป๋ายถานเองก็นอนไม่หลับทั้งคืน 

 

 

นางนึกถึงดรุณีที่มาเข้าเฝ้าโอรสสวรรค์ที่ห้องทรงอักษรคืนนั้น 

 

 

ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่นางไม่เคยเจอหญิงนางนี้มาก่อน แต่ความรู้สึกกลับบอกนางว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือซูหลี! 

 

 

ทันทีที่คิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ ป๋ายถานก็นอนไม่หลับทันที 

 

 

นางรู้ว่าฉินเย่หานเป็นคนเย็นชาอย่างยิ่ง คนที่ทำให้คนเย็นชาแบบนั้นเกิดอารมณ์ขึ้นได้ในสถานที่อย่างห้องทรงอักษร หากนางสืบเจอต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น! 

 

 

ป๋ายถานสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ข่มความริษยาในก้นบึ้งหัวใจเอาไว้ 

 

 

…… 

 

 

เช้าตรู่อีกวัน เป็นวันพักผ่อน ไม่ต้องออกว่าราชการ ซูหลีลอบออกจากวังกลับไปที่บ้านสกุลซู 

 

 

ทันทีที่ถึงบ้าน นางก็อยากจะนอนหลับเท่านั้น ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ก็นางไม่ได้นอนทั้งคืน! 

 

 

ทว่ามีบางคนไม่ยอมปล่อยให้นางได้พักผ่อน 

 

 

‘นายน้อย! นายน้อย! รีบตื่นเร็วเข้า! ซื่อจื่อเสด็จมา!” 

 

 

ซูหลียังคงสะลึมสะลือ พอได้ยินสามคำสุดท้าย ก็รีบผุดลุกขึ้นทันที 

 

 

“ซื่อจื่อ?”