ตอนที่ 735 เชิญนางดื่มชา / ตอนที่ 736 แกล้งโง่อวดฉลาด

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 735 เชิญนางดื่มชา

 

 

ไยฉินมู่ปิงถึงมาหานางในเวลานี้?

 

 

นี่คงมิได้อยากจะฉลองวันเกิดกับนางสองวันหรอกนะ!

 

 

ซูหลีผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ ปีนลุกขึ้นจากเตียงนอน และปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวให้กับนาง หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า

 

 

“ซื่อจื่อ” ทันทีที่ซูหลีเดินเข้าไป ก็พบฉินมู่ปิงยืนอยู่ภายในห้องโถงแล้ว

 

 

เพียงมองไกลๆ ก็รับรู้แล้วว่าฉินมู่ปิงมีรูปโฉมอันหล่อเหลา แม้จะไม่ได้รูปงามมากขนาดนั้น ทว่าก็ถือเป็นคุณชายรูปงามใบหน้าดุจหยก

 

 

วันนี้ซูไท่ไม่อยู่ในจวน เป็นเพราะหลี่ซื่อก็ใกล้จะคลอดแล้ว ซูไท่จึงไปที่เรือนหลี่อยู่บ่อยๆ เขาถึงขั้นพูดอะไรบางอย่างบ้างเล็กน้อย ทว่าซูหลีกลับไม่สนใจ ซูหลีรู้แค่เพียงหากหลี่ซื่อคลอดบุตรออกมาแล้ว นางก็ควรออกไปจากที่นี่

 

 

“ใต้เท้าซู ไยกลางวันแสกๆ ยังหลับนอนอุดอู้ในห้องอยู่อีกกัน” ทันทีที่นางออกมา ฉินมู่ปิงก็ปรายตามองนางอย่างประหม่า

 

 

ยามที่ฉินมู่ปิงมาถึง เขาได้ยินว่าหลับอยู่ เขาก็รู้สึกตะลึงงันเล็กน้อย

 

 

“บรรยากาศในวสันตฤดูนั้นดีมาก ในเมื่อไม่ต้องไปว่าราชกิจ ดังนั้นจึงนอนต่ออีกสักหน่อย” จากที่ซูหลีคิดๆ ดูแล้ว ทุกวันก็เหมาะที่จะหลับนอน ทว่าคำพูดเช่นนี้นางไม่อาจพูดออกไปได้

 

 

“เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าใต้เท้าซูมีความสนใจไปดื่มชาสักแก้วกับข้าที่หอชาวสันต์ที่เปิดใหม่หรือไม่” ฉินมู่ปิงได้ยินดังนั้นกลับมิได้สนใจ จากนั้นเขาจึงจ้องนางด้วยสายตาที่ล้ำลึก

 

 

ซูหลีผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงหรี่ตาลง

 

 

นางไม่เข้าใจจริงๆว่าฉินมู่ปิงมาหานางถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรกัน ทว่าเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เรื่องที่เขาจะพูดนี้ไม่เหมาะที่จะพูดในจวนสกุลซู ดังนั้นเขาถึงได้ชวนซูหลีออกไปข้างนอก

 

 

“…ในเมื่อซื่อจื่อพูดเช่นนี้ ซูหลีก็มิอาจปฏิเสธได้เป็นธรรมดา” ในเมื่อคนผู้นี้มาหานางถึงที่แล้ว ซูหลีก็ไม่สามารถขับไล่เขาออกไปได้

 

 

ซูหลีผงะไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังตอบตกลง

 

 

ทั้งสองคนเดิมตามกันออกไปจากจวนสกุลซู

 

 

และเดินทางไปยังหอชาที่เพิ่งเปิดใหม่

 

 

หากพูดถึงหอบุปผา หอสุราในเมืองหลวง หอชาแห่งนี้นั้นเหมือนกับสถานที่เหล่านั้นเป็นอย่างมาก หอชาวสันต์แห่งนี้เพิ่งจะเปิดในช่วงก่อนปีใหม่และยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของร้านที่อยู่หลังม่าน

 

 

หอชาแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวง การตกแต่งก็หรูหราเกินจะเปรียบเปรย คุณภาพชาก็ทำได้ไม่เลวนัก

 

 

ในเวลานี้ หอชาแห่งนี้กลับสามารถเข้ามาแทนที่โรงเตี๊ยม และกลายเป็นสถานที่ที่ได้รับการชื่นชอบของผู้ที่ชื่นชอบรสชาติที่มีระดับในเมืองหวง

 

 

บุคคลที่มีระดับงั้นหรือ?

 

 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางกลับรู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่เหมาะกับฉินมู่ปิงเลยสักนิด

 

 

ที่จริงแล้วหลังจากถึงหอชาวสันต์ ใบหน้าของซูหลีเต็มไปด้วยความประหลาดใจกว่าเดิม

 

 

หอชาแห่งนี้ถูกตกแต่งได้อย่างงดงามอย่างยิ่งมาก ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นแค่เพียงดอกกล้วยไม้ที่ประดับอยู่ในกระถาง ภายในนั้นก็เป็นของที่มีราคาสูงมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาพคนมีชื่อเสียงที่แขวนประดับอยู่ในหอชา

 

 

ทันทีที่ก้าวเข้าไปก็พบว่ามีความแตกต่างจากโรงเตี๊ยมธรรมดาเป็นอย่างมาก

 

 

ชารสชาติของที่นี่มีรสชาติไม่เลว

 

 

ในเวลานี้เป็นช่วงขณะนี้เป็นเวลาตอนบ่าย แขกที่มาจึงมีไม่มากนักก็มีเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น

 

 

หลังจากฉินมู่ปิงนำนางเดินเข้ามา ก็เดินตรงขึ้นไปในห้องรับรองชั้นสอง

 

 

ภายในห้องรับรองนั้น ถูกตกแต่งได้อย่างโดดเด่น ซูหลีกวาดตามองโดยรอบปราดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงนั่งลงด้วยสีหน้าท่าทางประหลาดใจ สายตาของนางมองฉินมู่ปิงอย่างพิเคราะห์

 

 

ฉินมู่ปิงสั่งชาปี้หลัวชุนมากาหนึ่ง ซูหลีนั้นมิได้มีความพิถีพิถันในการดื่มชาเท่าไรนัก เขาจะสั่งอะไรก็สั่งตามนั้น นางนั้นค่อนข้างให้ความสนใจกับของว่างในการดื่มชาเสียมากกว่า

 

 

หลังจากชาและของว่างทุกอย่างถูกนำมาวางบนโต๊ะ ผู้ติดตามทุกคนก็ออกจากห้องไป รวมถึงไป๋ฉินที่ซูหลีพามาด้วยและเด็กรับใช้ของฉินมู่ปิง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 736 แกล้งโง่อวดฉลาด

 

 

เมื่อพวกเขาทุกคนออกไปจากห้องรับรอง ก็เหลือเพียงซูหลีกับฉินมู่ปิงสองคนเท่านั้น

 

 

“ใต้เท้าซูลองชิมดูสิ ของว่างของที่นี่ขึ้นชื่อว่าไม่เลว โดยเฉพาะขนมเฝ่ยชุ่ยไส้พุทรา” ฉินมู่ปิงดันจานของว่างที่ทำขึ้นอย่างประณีตมาตรงหน้าซูหลี

 

 

ขนมเฝ่ยชุ่ยไส้พุทรานั้นขายดีเป็นอย่างมาก ผิวของขนมด้านนอกนั้นเป็นสีเขียวมรกตใสแวววาว รับกับไส้พุทราจีนแดง ขนมทุกๆ ชิ้นมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือของซูหลี มีความละมุลเหนียวสดและออกหวาน รสชาติหอมลื่นคอ ซูหลีกินเข้าไปหลายชิ้นในคราเดียว

 

 

นางกินไปพลาง และเอ่ยไปพลาง “ไม่เลวจริงๆ นี่นา”

 

 

ฉินมู่ปิงจ้องนางตาไม่กะพริบ ริมฝีปากยังประดับด้วยรอยยิ้ม นางนั้นดูคล้อยตามได้ง่าย นางทำเหมือนว่าวันนี้ที่เขาไปหาถึงที่จวน และพานางมาสถานที่เช่นนี้เพียงกินของอร่อยเท่านั้น

 

 

ทว่าก็เพราะนางเป็นเช่นนี้ ถึงทำให้คนผู้นี้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

 

 

นางเห็นอย่างชัดเจนว่าฉินมู่ปิงสนิทคนที่นี่เป็นอย่างมาก ทว่าจากการแสดงออกของฉินมู่ปิงตั้งแต่แรก กลับดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยพาใครมาที่นี่

 

 

ทว่านางก็ไม่ถามให้มากความ

 

 

ถึงกับขั้นไม่ใส่ใจ

 

 

ฉินมู่ปิงมองนางด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขานั้นเผยสีหน้าที่ไม่เคยให้ใครรับรู้ หากนางยังอยู่ในท่าทีเช่นนี้คงจะไม่ยุติธรรมเท่าไหร่กระมัง

 

 

“ใต้เท้าอารมณ์เหมือนจะดีไม่น้อย” เมื่อเห็นซูหลีใกล้จะกินของว่างหมดจาน ฉินมู่ปิงจึงค่อยๆ พูดขึ้น

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นจึงยกจอกชาด้านข้างขึ้นจิบอึกหนึ่ง

 

 

“ยังมีเรื่องบางเรื่องที่ซื่อจื่อไม่ทราบ ข้าหลับจนถึงเมื่อครู่ ยังไม่ได้กินอะไรเลย ในเวลานี้จึงรู้สึกหิวมาก” นางหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่านางกินของว่างหมดไปมากกว่าครึ่งก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ที่จริงแล้วนางหาได้รู้สึกเขินอายไม่ ตั้งแต่เล็กจนโตฉินมู่ปิงพบสตรีมาจำนวนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะหลายปีก่อนหน้าที่เข้ามาในเมืองหลวง เพียงแค่สาวงามที่คนใต้อาณัตินำมามอบให้ก็มีหลายร้อยคนแล้ว

 

 

ทว่าเขายังไม่เคยเจอสตรีเช่นเดียวกับซูหลี

 

 

เรื่องที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษก็ช่างเถอะ ปฏิบัติงานก็ไม่คร่ำครึ ไม่เหมือนสตรีเลยแม้แต่น้อย

 

 

นั่นคงเป็นเพราะนางไม่ได้ถูกเลี้ยงดูในห้องของสตรีตั้งแต่เด็ก

 

 

ฉินมู่ปิงดึงสติกลับมา จากนั้นพลันยื่นมือไปเคาะบนโต๊ะและเอ่ยว่า “ข้าไม่รู้ว่าอาหารถูกใต้เท้าซูกินอย่างเบิกบานใจแล้ว จะตอบคำถามของข้าได้หรือไม่”

 

 

ยามที่เขาพูดซูหลีกำลังดื่มชาอยู่ แม้ว่าซูหลีจะไม่ได้เข้าใจในเรื่องศาสตร์ของรสชาติของชานั้น ทว่าชาภายในหอชาวสันต์แห่งนี้ ยามดื่มเข้าไปแล้วยังลงเหลือกลิ่นหอม ดื่มแล้วตรึงตาตรึงใจเป็นอย่างมาก

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของฉินมู่ปิง นางพลันชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาที่กวาดมองไปยังเขา ยังแฝงไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

 

 

ที่แท้ก็รีบเร่งจะพูดเรื่องนี้เอง

 

 

คราก่อนเพื่อให้ได้ประโยชน์อันที่นางพึงจะได้ นางจึงตอบรับฉินมู่ปิงไป ทว่านางไม่คิดจะกระทำสิ่งใดทั้งสิ้น

 

 

ฉินมู่ปิงก็ไม่ได้เรียกร้องให้นางกระทำสิ่งใด นางจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อะไรที่ควรทำก็ยังทำตามเคย

 

 

คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ คนผู้นี้จะมาหาถึงจวน!

 

 

“กระทำสิ่งใดกัน คำพูดของซื่อจื่อซูหลีนั้นไม่ค่อยจะเข้าใจ” ซูหลีแสร้งตีหน้าซื่อ

 

 

แววตาของฉินมู่ปิงมีความเย็นชาเล็กน้อย การเคลื่อนไหวทุกอย่างในมือพลันหยุดลง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “ใต้เท้าซูต้องการแตกคอกับข้าหรือ”

 

 

“หึ!” ซูหลีวางจอกชาในมือลง นางมองเขาด้วยรอยยิ้มและเอ่ยว่า “ซื่อจื่อเอาคำพูดนี้มาจากไหนกัน คราก่อนแม้ข้าจะตอบรับเจ้าแล้ว ทว่าเจ้ากลับไม่พูดว่าให้ข้ากระทำสิ่งใด”

 

 

“ในเมื่อไม่มีคำสั่งจะมีการเคลื่อนไหวได้อย่างไร ใช่หรือไม่ซื่อจื่อ”

 

 

ฉินมู่ปิงมองรอยยิ้มเบาบางบนในหน้าเล็กแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกจุกแน่นที่คอของตนได้