“เอ๋อ นั่นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซู ซูเย่าหมิงไม่ใช่เหรอ?”
“ผู้ชายที่ยืนข้างคุณชายซูเป็นใครกัน ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลยล่ะ?”
“คนที่ยืนนำอยู่อีกฝ่ายเหมือนจะเป็นฟางหย่ง รองหัวหน้ายามของสโมสรจุนเตี่ยนใช่มั้ย?”
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ล้อมคนทั้งสองฝ่ายไว้ในวงกลม และชี้ไปที่คนทั้งสองฝ่ายพร้อมวิจารณ์เสียงเบา
เย่เทียนฟังอย่างตั้งมั่น เขาได้ข้อมูลมากมายที่อยากได้จากปากของบรรดาคนที่ชอบเห็นเรื่องใหญ่ของคนอื่นเป็นเรื่องสนุกเลยนะเนี่ย”
“เมื่อกี้ไอ้ชั่วอย่างแกใช่มั้ยที่ทำร้ายพี่น้องของฉัน?!”
ฟางหย่งพากลุ่มยามของสโมสรจุนเตี่ยนที่ไม่อยู่ในเครื่องแบบพุ่งเข้ามา จ้องเย่เทียนเขม็งด้วยสีหน้าอึมครึมน่ากลัว
“ใครเหรอ? ใครทำร้ายพี่น้องของนาย ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ”
เย่เทียนแกล้งเฉไฉ มองไปรอบๆด้วยท่าทางประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ
“แกอย่ามาทำเป็นงงดีกว่า เมื่อกี้ฉันเห็นจะๆว่าไอ้ระยำอย่างแกถีบห้าวจื่อกระเด็น”
“แกยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ยวะ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ?”
“พี่หย่ง เปลืองน้ำลายกับไอ้นี่ไปทำไมกัน รุมกระทืบมันก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า”
ยามในชุดลำลองสามสี่คนเข้ามายืนอยู่ข้างกายฟางหย่ง และพร้อมใจกันท้าทายเย่เทียน
“อ๋อ ที่แท้นายคือพี่ใหญ่ของไอ้คนไม่มีตาที่ชนคุณชายซูเหรอ?”
“ใช่ เมื่อกี้ฉันทำร้ายคนที่ชื่อห้าวจื่ออะไรนั่นจริง แต่….”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก คุณชายซูเป็นคนสั่งให้ฉันทำ”
เย่เทียนแกล้งทำเป็นตีหน้าผากอย่างเพิ่งนึกออก ก่อนจะชี้ไปที่ซูเย่าหมิงและดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปที่เขา
ซูเย่าหมิงเป็นลูกค้าประจำของสโมสรจุนเตี่ยนนะ จะไม่รู้จักฟางหย่งได้ยังไง ทีแรกเขายังคิดจะกลั่นแกล้งเย่เทียนด้วยความไม่รู้ของเขา และกำลังรอชมละครชั้นดี
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆเย่เทียนจะเรียกให้คนอื่นพุ่งเป้ามาที่เขา จึงตั้งตัวไม่ทันไปชั่วขณะ ยืนผงะทำตัวไม่ถูกอยู่ที่เดิม
แม้ว่าซูเย่าหมิงไม่อยากออกตัวเลยสักนิด แต่คนอยู่กันเป็นจำนวนมาก แล้วยังโดนเรียกชื่อเต็มยศ เขาจะไม่ออกตัวได้ยังไง
ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลซู ถ้ามัวหลบซ่อนเป็นเต่าหัวหด หลังจากนี้เขาจะมีหน้าออกมาสังคมกับคนอื่นได้ยังไง?
คิดมาถึงตรงนี้ ซูเย่าหมิงออกตัวด้วยความขมขื่น และเอ่ยเสียงเย็น “แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร ถ้ายังฉลาดอยู่บ้างก็ไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันรับประกันว่าแกจะต้องเสียใจ!”
ในขณะที่พูดอยู่ ซูเย่าหมิงแอบส่งสายตาให้ฟางหย่งโดยไม่ทิ้งร่องรอย หวังว่าเขาจะเข้าใจและหลีกให้
ฟางหย่งได้ฟังก็ขมวดคิ้วเป็นปม สีหน้าฉายแววลังเลเล็กน้อย
แต่หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที ท้ายที่สุดฟางหย่งก็ไม่เข้าใจความหมายของซูเย่าหมิง และก้าวไปข้างหน้าเล็กๆหนึ่งก้าว
“คุณชายซู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ได้โปรดอย่าทำให้ผมต้องลำบากใจเลยครับ หวังว่าคุณจะหลีกทางให้ด้วย!”
“ในเมื่อไอ้หนุ่มที่มากับคุณทำร้ายพี่น้องของผมจนได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องทวงความเป็นธรรมให้พี่น้องของผม!”
ฟางหย่งได้รับคำสั่งลับจากหยางเซ่าเหวินถึงได้ถอดเครื่องแบบมาหาเรื่อง แต่เขาไม่รู้ว่าซูเย่าหมิงมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย
ด้านหนึ่งคือเจ้านายโดยตรง อีกด้านหนึ่งคือคุณชายใหญ่ตระกูลซู จะต้องฟังใครเขาพอแยกออก
“ใช่แล้ว! ทวงความเป็นธรรมให้ห้าวจื่อ!”
“ชีวิตแลกด้วยชีวิต ติดหนี้ก็ต้องคืน ทำร้ายคนอื่นก็ต้องโดนกระทืบ!”
“ไอ้หนุ่มนั่นทำร้ายห้าวจื่อซะยับเยินขนาดนั้น ไม่กระทืบเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอห้าวจื่อ?”
ชั่วขณะนั้น ยามสามสี่คนที่ติดตามอยู่ข้างหลังฟางหย่งโหวกเหวกท้าทายไม่หยุด สีหน้าสามหาวอย่างที่สุด
เย่เทียนได้ฟังดังนั้นก็แกล้งทำทีเป็นกลัว และรีบเดินเข้าไปอยู่ข้างกายซูเย่าหมิง
“คุณชายซู คนพวกนี้เป็นใครกันเหรอ พวกเขาคงไม่พุ่งเข้ามาจริงๆโดยไม่เห็นแก่หน้านายใช่มั้ย?”
“คนที่นำอยู่เป็นรองหัวหน้ายามของสโมสรจุนเตี่ยน เขาไม่ได้ใส่ชุดยามคงจะเลิกงานแล้ว ข้างกายเขาน่าจะเป็นเพื่อนพี่น้องที่สนิทกับเขา”
“พี่ก็ไม่ต้องกังวลมากนะครับ ฟางหย่งรู้ว่าผมเป็นใคร เขาไม่กล้าผลีผลามทำอะไรหรอกครับ”
ในใจของซูเย่าหมิงเซ็งสุดๆ แต่เขาจะไม่ตอบก็ไม่ได้
ยังไงซะต่อให้เขามีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่เย่เทียนไม่ทราบเรื่องนั้นนี่ ต่อหน้าเย่เทียนเขายังต้องแสดงเป็นน้องเมียผู้แสนดีอยู่!
ถ้าซูเย่าหมิงรู้ว่าเย่เทียนเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขามีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ คงจะโมโหจนกระอักเลือด
“งั้นเหรอ?”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างถึงบางอ้อ แต่รอยยิ้มในนัยน์ตานั้นไม่ว่ายังไงก็ปกปิดไม่มิด
“วางใจเถอะ มีผมอยู่พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
ซูเย่าหมิงตบหน้าอกรับประกัน ทว่าในใจกลับโกรธจนอยากจะด่าแม่
ทั้งๆที่เขาอยากเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เทียนแท้ๆ แต่คนอยู่กันเยอะขนาดนี้เขาจำต้องยืนหยัดออกหน้าให้ เขาจะไม่อัปยศได้ยังไง
ถึงยังไงในสายตาคนนอกเย่เทียนก็อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา ขืนเขาปกป้องเย่เทียนไว้ในตอนนี้ไม่ได้ หลังจากนี้ใครจะยอมเที่ยวกับเขา? แล้วใครจะไว้หน้าเขาอีก?
แม้ว่าในใจจะโอดครวญโกรธเคือง แต่ต่อหน้าซูเย่าหมิงไม่ได้แสดงออกใดๆ สายตาที่มองฟางหย่งนั้นซับซ้อนหลากอารมณ์
“เมื่อกี้แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? ฉันจะทวนครั้งสุดท้าย คนข้างกายฉันคนนี้เป็นเพื่อนของฉัน ถ้าแกบังอาจทำอะไรเขาฉันรับรองได้เลยว่าหลังจากนี้แกจะไม่มีที่ยืนในจ๊กกลางอีก!”
“คุณชายซู คุณทำแบบนี้เกินไปรึเปล่าครับ?”
“เพื่อนของคุณทำร้ายพี่น้องของผม ผมจะทวงความเป็นธรรมให้พี่น้องผิดตรงไหนครับ?”
“อย่าคิดว่าคุณเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซูแล้วจะทำอะไรก็ได้นะครับ ฟางหย่งไม่มีอะไรนอกจากคุณธรรม!”
“ถ้าวันนี้คุณจะปกป้องไอ้หนุ่มนี่ให้ได้ อย่าโกรธก็แล้วกันที่ผมจะจัดการคุณด้วย”
แต่ แม้ว่าสีหน้าฟางหย่งจะอึมครึมลง ทว่าเขาไม่ยอมถอย ท่าทางแข็งกร้าวอย่างมาก
เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกไป ทุกคนในที่นี้ต่างตะลึงกันหมดอย่างไม่ต้องสงสัย และนึกในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟางหย่ง โดนประตูหนีบหัวมาเหรอ? ถึงขั้นกล้าทำตัวเป็นปรปักษ์กับคุณชายใหญ่ตระกูลซูซึ่งๆหน้า?
เขาควรจะรู้ว่าต่อให้เป็นเจ้าของสโมสรจุนเตี่ยนอย่างคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหยาง หยางเซ่าเหวินมา ก็ต้องปฏิบัติต่อซูเย่าหมิงด้วยความสุภาพและเป็นกันเอง
ฟางหย่งคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
พูดให้น่าฟังคือรองหัวหน้ายามของสโมสรจุนเตี่ยน พูดแบบไม่น่าฟังเขาก็แค่หมาตัวหนึ่งของหยางเซ่าเหวินแห่งตระกูลหยาง!
ฟางหย่งไปเอาความกล้ามาจากไหนกันถึงกล้าพูดจากระแทกใส่ซูเย่าหมิงซึ่งๆหน้าขนาดนี้
ทุกคนในที่นี้สนใจในเรื่องนี้ถึงขีดสุด ไม่มีใครออกมาห้ามเลยสักคนเดียว แต่ละคนมองสถานการณ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น รอดูว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหน
วินาทีต่อมา เรื่องที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิมเกิดขึ้น ซูเย่าหมิงที่โอหังมาแต่ไหนแต่ไรกลับมีท่าทีลังเลเมื่อได้ยินคำพูดของฟางหย่ง เขากระซิบอะไรบางอย่างกับเพื่อนข้างกายที่คนอื่นไม่อาจทราบได้
“พี่เย่ครับ สงสัยวันนี้ฟางหย่งจะกินยาผิดสำแดงมา เราออกมาเที่ยวเพื่อหาความสุข เราอย่ามีเรื่องกันเลยดีกว่า พี่ไปขอโทษดีกว่ามั้ยครับ?”
เย่เทียนจะยอมรับข้อเสนอของซูเย่าหมิงได้ยังไง หน้าตาเขาฉายความโกรธเกรี้ยวที่ถูกหยามทันควัน ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“อะไรนะ? นี่นายยอมเป็นคนขี้ขลาดเหรอ?!”