บทที่ 190 จบการทดสอบ
เมื่อเห็นเงาบางคนพุ่งออกจากศาลาศักดิ์สิทธิ์ในสภาพเหมือนจะหมดสติ
ทุกคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น? คนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้ที่ผ่านการทดสอบหรือเปล่า? แล้วถ้าเขาผ่านการทดสอบทำไมถึงไม่มีการประกาศชื่อ? หรือถ้าเขาไม่ผ่านการทดสอบทำไมเขาถึงโดนโยนลอยออกมาจากด้านในแทนที่จะถูกขับออกมาจากทางช่องประตูทางออก
เมื่ออาจารย์ของสถาบันสวรรค์ทักษิณเห็นว่าเป็นนักศึกษาของเขาเอง เขาจึงรีบพุ่งตัวไปรับจิ๋นชานที่กำลังจะตกลงพื้น ซึ่งอันที่จริงต่อให้อาจารย์ผู้นั้นไม่พุ่งตัวมารับ จิ๋นชานเองที่ในเวลานี้ตื่นขึ้นมาแล้วตั้งแต่ถูกเตะโด่งออกมา ก็ยังสามารถลงพื้นด้วยตัวเองอย่างปลอดภัยอยู่ดี
“จิ๋นชาน เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?” อาจารย์จากสถาบันสวรรค์ทักษิณรีบถาม “แล้วเจ้าผ่านการทดสอบเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม?”
จิ๋นชานยืนขึ้นพูดอย่างตื่นเต้น “อาจารย์ ข้าเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว และอาจารย์ที่นั่นยังสอนสุดยอดวิชาให้กับข้าอีกด้วย!”
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์เขาคิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แต่หลังจากที่เขาหลับไปรอบล่าสุด เคล็ดวิชา ‘ห้วงนิทราแห่งราชันย์’ ก็ปรากฏขึ้นในความฝันของเขาและเมื่อเขาลองฝึกฝนมันในความฝัน เขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าช่วงเวลาที่เขาอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องจริง
เขาจึงมั่นใจ 100% เช่นกันว่าเขาได้เข้าสู่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว
นอกจากเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรู้สึกตื่นเต้นกับการเข้าเรียนในศาลาศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นนั่นเป็นเพราะวิธีการฝึกเคล็ดวิชา ‘ห้วงนิทราแห่งราชันย์’ นั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็มีเพียงแค่นอนหลับ หรือให้พูดอีกนัยหนึ่งก็คือแม้ว่าเขาจะหลับไปแต่ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเขานี่เป็นโอกาสที่น่ายินดียิ่ง เขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
หลังจากนั้นเมื่อหลายคนรู้ว่าเขาผ่านการทดสอบ เหล่าผู้คนก็เริ่มให้เขาเล่าเกี่ยวกับการทดสอบของเขา ซึ่งเมื่อทุกคนได้ฟังที่จิ๋นซานเล่าจนจบ พวกเขาต่างงุนงงและอุทานออกมา “นี่เจ้าผ่านการทดสอบเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะเจ้านอนหลับตอนทดสอบเนี่ยนะ!?”
ทุกคนพูดไม่ออก พวกเขาได้แต่งุนงงว่าทำไมทุกคนที่สอบผ่านถึงผ่านได้ด้วยวิธีแปลกประหลาดแบบนี้? กฎการทดสอบแบบนี้คืออะไร?
อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ถ้าผู้ใดที่ในระหว่างหลับแล้วยังสามารถสร้างภาพมายาในฝันได้ วิญญาณของคนผู้นั้นจะต้องบริสุทธิ์และจะต้องมีจิตใจและความมุ่งมั่นที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อพบกับบุคคลเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงใจกว้างถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ทันที
อาจารย์ของสถาบันสวรรค์ทักษิณพูดด้วยความตื่นเต้น “ดีแล้ว ๆ ดีมาก ต่อไปนี้เจ้าจงตั้งใจเรียนที่นี่ให้ดี!”
จิ๋นชานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านอาจารย์ข้าขอขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านที่มีให้กับข้ามาโดยตลอด ข้า จิ๋นชาน จะไม่มีวันลืมว่าครั้งหนึ่งข้าเคยมีเรือนอีกหลังที่สถาบันสวรรค์ทักษิณ”
อาจารย์จากสถาบันสวรรค์ทักษิณยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อเจ้าคิดได้เช่นนี้ข้าก็ดีใจ ในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของสถาบันสวรรค์ทักษิณของเรา”
จิ๋นชานพยักหน้า “ข้าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังแน่นอน! แต่ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวกลับไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ก่อนแล้วท่านอาจารย์”
“ไปเถอะ!” อาจารย์จากสถาบันสวรรค์ทักษิณพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หลังจากจิ๋นชานลาอาจารย์ของเขาเสร็จ เขาก็กลับไปด้านในศาลาศักดิ์สิทธิ์ทันที
เมื่อเขากลับเข้ามาในศาลาศกดิ์สิทธิ์อีกครั้ง หลังจากที่ทักทายทุกคนในศาลาศักดิ์สิทธิ์อีกรอบเขาก็ไปหาสถานที่เงียบสงบในบริเวณศาลาศักดิ์สิทธิ์และล้มตัวลงนอนหลับไปทันที
แม้ว่าทุกคนในศาลาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งยกเว้นหลิงตู้ฉิงจะคิดว่าจิ๋นชานเป็นคนแปลก ๆ แต่เมื่อพวกเขาคิดย้อนไปนึกถึงการฝึกของลูก ๆ หลิงตู้ฉิงแต่ละคน รวมไปถึงของพวกเขาเองด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงรู้สึกว่าถึงแม้ว่าจิ๋นชานจะแปลก แต่มันก็ไม่ได้แปลกไปมากกว่าพวกเขาสักเท่าไหร่นัก เมื่อคิดได้เช่นนี้ทุกคนจึงไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ กับจิ๋นชานอีกและปล่อยให้เขาหลับไปอย่างนั้น
การทดสอบของศาลาศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนานไปยิ่งแปลกขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดโควต้า 10 ที่ของศาลาศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกจับจองไปจนหมด
แต่ถึงแม้โควต้า 10 ที่จะเต็ม หลิงตู้ฉิงก็ใจกว้างพอที่จะปล่อยให้คนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ทดสอบ เข้ามาทดสอบต่อโดยไม่ได้ประกาศหมดเวลา
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครที่เหลือสามารถผ่านการทดสอบศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้เพิ่มอีก
จนถึงท้ายที่สุด นักศึกษาที่สามารถผ่านการทดสอบได้ก็มีเพียง 10 คน และเมื่อนับรวม โจวจื่อซินไปด้วย ศาลาศักดิ์สิทธิ์ปีนี้จึงมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 11 คน
ในด้านเอกสารรับรองสถานะของนักศึกษาใหม่ของศาลาศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิง ผู้ซึ่งไม่สนใจอะไรกับขั้นตอนแบบนี้อยู่แล้วเขาจึงสั่งให้เฮ่อเจี้ยนปิงเป็นคนจัดการประสานงานเรื่องเอกสารทั้งหมดกับทางสถาบันราชวงศ์แทน
หลังจากการทดสอบเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์สิ้นสุดลง ย่อมมีทั้งคนที่มีความสุขและคนที่ผิดหวัง
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ พวกเขายังคงต้องเข้าร่วมการทดสอบของคณะอื่นในสถาบันราชวงศ์ต่อไป
เมื่อจบการทดสอบของคณะเขาเอง หลิงตู้ฉิงก็ไม่สนใจเกี่ยวกับกิจกรรมการรับคนเข้าของสถาบันราชวงศ์อีกต่อไป
และหลังจากที่หลิงตู้ฉิงได้ประกาศกฎของศาลาศักดิ์สิทธิ์ให้แก่นักศึกษาที่เพิ่งเข้ามาใหม่จบ เขาก็ปล่อยให้เหล่านักศึกษาใหม่เหล่านี้ฝึกฝนตามที่พวกเขาเคยฝึกมาก่อนหน้านี้ไปก่อน
และเมื่อพวกเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงทิ้งให้พวกเขาต้องมาฝึกด้วยตัวเองไปดื้อ ๆ พวกเขาล้วนไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก และเรื่องที่แย่อีกอย่างสำหรับพวกเขาก็คือนอกเหนือจากการได้ฟังเรื่องเล่าและบทเรียนทั่วไปในวันแรกที่ได้เรียนในศาลาศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รับการสอนเนื้อหาขั้นสูงอื่น ๆ ที่พวกเขาคาดหวังไว้ว่าจะได้รับจากที่นี่เลย พวกเขาจึงเริ่มเกิดความแคลงใจว่าสรุปแล้วศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นดีจริงหรือเปล่า?
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นเคย แม้แต่โจวจื่อซินก็ค่อนข้างแปลกใจ
นางที่เคยเป็นศิษย์ของสำนัก นางรู้สึกว่าวิธีที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ใช้ฝึกฝนนักศึกษานั้นเป็นวิธีการที่คล้ายกับสำนักของนางใช้ฝึกฝนศิษย์ของตน
แต่ถึงแม้จะใช้วิธีการเดียวกัน แต่พวกเขาก็ควรมอบความรู้ให้นักศึกษาบ้างจริงไหม?
ทำไมบรรดาอาจารย์ไม่ให้อะไรกับมือใหม่อย่างพวกเขาเลย?
แน่นอนว่านางเป็นข้อยกเว้นเพราะนางได้รับคำชี้แนะจากหลิงตู้ฉิงได้โดยตรง
แต่ถึงแม้ว่านักศึกษาที่มาใหม่จะรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการสอนแบบงู ๆ ปลา ๆ แต่เนื่องจากที่พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้ผ่านการทดสอบอันแปลกประหลาดของหลิงตู้ฉิงมาได้ ซึ่งมันพิสูจน์ว่าพวกเขามีจิตใจที่เข้มแข็ง พวกเขาจึงยังไม่มีใครถอดใจและต่างอดทนรอ
ผ่านไปไม่ถึง 2 วัน หลังจากได้ฟังบทเรียนพิเศษของหมิงเทียนลี่ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าคณะนี้มันวิเศษอย่างไร
แม้แต่โจวจื่อซินเองก็ยังตกตะลึงกับบทเรียนที่นางได้ฟัง นางจึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมนักศึกษาในศาลาศักดิ์สิทธิ์ถึงได้มีความแข็งแกร่งดั่งสัตว์ประหลาดกันทุกคน
เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านไป บรรดานักศึกษาที่เข้ามาใหม่ก็ค่อย ๆ เริ่มปรับตัวเข้ากับจังหวะเส้นทางการเรียนการสอนในคณะศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้จนคุ้นชิน
กิจกรรมของพวกเขาแต่ละวันนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อเลิกชั้นเรียน พวกเขาทั้งหมดจะใช้เวลาที่เหลือก่อนจะจบวันไปกับการทำความเข้าใจเส้นทางการบ่มเพาะของตัวเองจากบทเรียนที่ได้เรียนรู้มา หรือถ้าหากพวกเขาไม่เข้าใจอะไรตรงไหน พวกเขาจะมองหาอาจารย์หรือนักศึกษารุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่ว่างอยู่เพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจ
ส่วนผู้ฝึกฝนที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในศาลาศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็น จิ๋นชาน เขาคนนี้กลายเป็น ‘เทพเจ้าแห่งการนอนหลับ’ ไปแล้ว นอกเหนือจากการรับประทานอาหารเมื่อจำเป็นหรือบางครั้งเขาก็ตื่นขึ้นมาเพื่อฟังบทเรียน จากนัันเวลาที่เหลือก็ถูกใช้ไปกับการนอนหลับ
ถ้าเขาไม่ขยับตัวไปโน่นมานี่เป็นครั้งคราว คนอื่นคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว
ทุกคนไม่เข้าใจว่าวิธีการฝึกของจิ๋นชานว่ามันคืออะไรกันแน่ จนกระทั่งวันหนึ่ง เหมยจู้ไม่อาจกลั้นความปรารถนาที่จะทดสอบความสามารถของจิ๋นชานได้
จากนั้นจิ๋นชานก็ตอบตกลง สิ่งที่แปลกก็คือจิ๋นชานหลับไปทันทีหลังจากการประลองเริ่มต้น และที่แปลกกว่านั้นคือเหมยจู้เองก็หลับไปอย่างลึกลับ
ในตอนนี้ทุกคนก็เข้าใจแล้วว่านักศึกษาร่วมคณะของพวกเขาคนนี้ได้ฝึกฝนตอนเขาหลับ หลายคนมองจิ๋นชานด้วยความอิจฉา ใครกันจะไม่ชอบวิธีการฝึกฝนแบบนี้? แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำไม่ได้
ในพริบตาเวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงทุกคนต่างเติบโตขึ้น และผู้หญิงของหลิงตู้ฉิงแต่ละคนก็เริ่มกังวลมากขึ้นเช่นกัน
พวกนางกังวลเกี่ยวกับการให้กำเนิดทายาทของหลิงตู้ฉิง เนื่องจากพวกนางเองก็ได้ ผลัดกันนอนกับหลิงตู้ฉิงมาตลอดเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่สามารถมีทายาทให้กับหลิงตู้ฉิงได้สักที
ในระหว่างนี้ที่บรรยากาศในเมืองหลวงแห่งอาณาจักรจันทราซึ่งยังคงเงียบสงบ
ตอนนี้ ณ ที่ชายแดนของอาณาจักร กลับมีผู้ชี่ยวชาญมากมายมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรจันทรา
ระดับการบ่มเพาะของคนเหล่านี้นั้นล้วนไม่ธรรมดา บางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาจากสำนักต่าง ๆ และบางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญพเนจรไร้สังกัดที่ฝึกฝนด้วยตัวเอง พวกเขาทั้งหมดล้วนมุ่งหน้ามาที่อาณาจักรจันทราเป็นเพราะพวกเขาได้รับข่าวว่า โจวจื่อซิน อดีตศิษย์ของสวนร้อยสมุนพฤกษาที่หลบหนีไปได้ นางมีร่างกายที่มีสรรพคุณเทียบเท่ากับโอสถระดับสวรรค์ ซึ่งมีค่าเป็นอย่างยิ่ง