บทที่ 700 : ช่วยหลิงเยว่!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 700 : ช่วยหลิงเยว่!

 

  ในคืนเทศกาลเชงเม้งนั้น..พลังอมตะที่ได้รับจากพู่กันจักรพรรดิ ทำให้หลิงหยุนสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่-9 ได้ชั่วคราว และในเวลานั้น เทียนจิ่วซึ่งเป็นนักฆ่าระดับสวรรค์ขององค์กรนักฆ่า ก็ได้ร้องตะโกนบอกว่าพู่กันในมือของเขานั้นคือพู่กันจักรพรรดิ!

 

  หลังจากที่สังหารเทียนจิ่วและคนอื่นๆแล้วหลิงหยุนก็ได้ใช้อำนาจของพลังจิตหยั่งรู้และมังกรคำราม ทำการลบล้างความทรงจำของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเกือบทั้งหมด เหลือเพียงคนของเขาอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น

 

  และหนึ่งในนั้นก็คือเกาเฉินเฉิน..

 

  เกาเฉินเฉินรู้ว่าหลิงหยุนมีพู่กันจักรพรรดิหากเธอถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยใช้เนตรปีศาจสะกดจิตให้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขา และหากเกาเฉินเฉินเล่าเรื่องนี้ออกไป ไม่เท่ากับว่าความลับยิ่งใหญ่ของเขาต้องรั่วไหลแล้วอย่างนั้นหรือ!

 

  หลิงหยุนเริ่มรู้สึกกังวลหลังจากที่เหล่ากุ่ยกลับไปแล้ว เขาจึงนั่งครุ่นคิดหาวิธีที่จะหาตัวเกาเฉินเฉินให้พบในคืนนี้ให้ได้ และจะต้องช่วยเธอออกมาทันที!

 

  หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้วหลิงหยุนก็โทรหาถังเมิ่ง และสั่งให้เขาจัดการหาลูกธนูเงินในจิงฉูให้ได้เร็วที่สุด และให้จัดการส่งสมุนไพรสิบกว่าชนิดมาให้เขาด้วย

 

  สมุนไพรเหล่านั้นเป็นสมุนไพรที่หลิงหยุนเก็บไว้ในบ้านเลขที่-1 มานาน และมันได้ดูดซับเอาพลังชีวิตที่อยู่ในบ้านเข้าไปตลอดทั้งวันทั้งคืน หลิงหยุนต้องการใช้มันเพื่อทำการปลุกเสกยันต์ชนิดพิเศษ

 

  อย่างเช่นยันต์เทวะยันต์วาโย ยันอสุนี และอื่นๆอีกมากมาย หลิงหยุนจะต้องต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์ และสำหรับแวมไพร์ที่มีปีกบินได้นั้น ความเร็วของหลิงหยุนไม่สามารถสู้พวกมันได้ เขาจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม

 

  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็กลับเข้าไปนั่งสมาธิในห้องนอน..

 

  ตั้งแต่มาถึงปักกิ่งหลิงหยุนก็ได้ออกไปสัมผัสกับพื้นที่หลายส่วนของปักกิ่ง แล้วก็พบว่าพลังชีวิตในปักกิ่งนั้นมีไม่มากเท่ากับพลังชีวิตที่อยู่ในเมืองจิงฉู

 

  อาจเป็นเพราะปักกิ่งเป็นเมืองใหญ่และมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีอาคารตึกสูง และรถรามากมาย แม้แต่อากาศยังไม่บริสุทธิ์ แล้วจะหวังให้มีพลังชีวิตมากมายได้อย่างไรกัน

 

  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าเมืองศูนย์กลางอย่างปักกิ่งนั้น ทางเนินเขานอกชานเมืองทางด้านทิศเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงใต้นั้น ก็มีพลังชีวิตค่อนข้างเข้มข้นอยู่ และดูเหมือนจะดีกว่าพลังชีวิตในแถบทะเลสาบจิงฉูเสียอีก

 

  ในเมื่อไม่ได้ดูดซับพลังชีวิตมานานหลิงหยุนจึงไม่สามารถฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ได้ เขาจึงต้องฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยาง และวิชาในคัมภีร์เสวียนหวงแทนตั้งแต่เช้าจรดเย็น ส่วนในช่วงดึกนั้นก็จดจ่ออยู่กับการฝึกวิชาดาราคุ้มกาย

 

  ตกค่ำ..หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว หลิงหยุนก็จัดการเปลี่ยนเป็นชุดดำที่ตัดเย็บด้วยผ้าแพรไหมดำ แล้วสั่งให้พอลทำหน้าที่เฝ้าบ้าน ส่วนตัวเขากับเจสเตอร์ออกไปข้างนอก

 

  ครั้งนั้น..เฉินเจี้ยนกุ่ยหลบหนีจากบ้านตระกูลเกา หากหลิงหยุนต้องการสะกดรอยตามไป ก็จะต้องเริ่มต้นสะกดรอยจากบ้านตระกูลเกา

 

  “ลูกพี่..พวกเรามาทำอะไรที่นี่อีก ฉันว่าเจ้าคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ยคงไม่มาที่นี่อีกแล้วล่ะ..” เจสเตอร์ร้องถามออกไปอย่างแปลกใจ

 

  ครั้งนั้น..หลิงหยุนได้ซัดผงพันลี้ล่าวิญญาณใส่ตัวเฉินเจี้ยนกุ่ย และยากนักที่จะมีผู้ใดระแคะระคายได้แม้แต่ตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยเอง มีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่จะสามารถติตามกลิ่นจางๆของมันไปได้ และนั่นจะทำให้หลิงหยุนรู้เส้นทางหลบหนีของมัน

 

  “เจสเตอร์..วันนี้ข้าคงต้องเล่นเกมแมวจับหนูแล้วล่ะ.. ไปทางทิศใต้กัน!”

 

  หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ออกจากสวนด้านหลังบ้านตระกูลเกาไป และขับรถมุ่งหน้าไปทางใต้แทน..

 

  เจสเตอร์ขับรถสีเงินไปด้วยความเร็วและไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงถนนวงแหวนที่มุ่งสู่ทางใต้ของปักกิ่ง

 

  หลิงหยุนสั่งให้เจสเตอร์จอดรถเขาลงจากรถและเปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดสำรวจไปรอบๆบริเวณ หลิงหยุนได้กลิ่นของพันลี้ล่าวิญญาณโชยมาจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพวกเขา

 

  “ไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้..”

 

  ยิ่งขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มากเพียงใดกลิ่นของพันลี้ล่าวิญญาณก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น และเมื่อเปิดกระจกรถยนต์ลง หลิงหยุนก็ยิ่งได้กลิ่นรุนแรงขึ้นจนแทบไม่ต้องลงจากรถมาดู หลิงหยุนเป็นผู้บอกทางเจสเตอร์ และสั่งให้เลี้ยวที่หัวมุมด้านหน้า

 

  ทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่งหลิงหยุนแสยะยิ้มมุมปากพร้อมกับพูดขึ้นว่า

 

  “ดูเหมือนว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้มานานแล้วสินะ..”

 

  หลิงหยุนสั่งให้เจสเตอร์ขับรถสีเงินไปจอดรอเขาอยู่ด้านนอกจากนั้นจึงจัดการสวมผ้าคลุมหน้าและเดินลงจากรถ แล้วกระโดดเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ทันที

 

  ‘ดูเหมือนตระกูลเฉินจะมีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่นอกเมืองมากมายนอกจากความใหญ่โตแล้ว ก็ไม่มีอะไรพิเศษ.. ภายในตกแต่งไว้หรูหราอลังการดีนี่’

 

  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูภายในห้องสองสามห้องแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ!

 

  ภายในบ้านหลังนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่สิบสี่ไปจนถึงห้าสิบบริเวณสวนหน้าบ้านมีอยู่หกสิบถึงเจ็บสิบคน และตามห้องต่างๆอีกห้องละเจ็ดถึงแปดคน แววตาของผู้หญิงแต่ละคนนั้นเหม่อลอยไร้ชีวิต แน่นอนว่าทุกคนล้วนถูกเนตรปีศาจของเฉินเจี้ยนกุ่ยสะกดจิตไว้ทั้งสิ้น

 

  ‘อะไรกันเฉินเจี้ยนกุ่ยดื่มเลือดผู้หญิงมากมายถึงเพียงนี้ แต่ความแข็งแกร่งของมันยังนับว่าก้าวหน้าไม่เร็วนัก!”

 

  หลิงหยุนรู้สึกโกรธอย่างมากและรู้ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะต้องเป็นตระกูลเฉินหามาให้มันอย่างแน่นอน

 

  เวลานี้เฉินเจี้ยนกุ่ยถูกหลิงหยุนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากที่หนีออกมาได้ มันก็มาหลบอยู่ที่นี่ และดูดเลือดผู้หญิงพวกนี้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง

 

  แต่หลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยเพียงแค่ดูดเลือดของผู้หญิงเหล่านี้เท่านั้น แต่ไม่ได้ถูกทำให้กลายเป็นบริวาร เขารู้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยไม่กล้าสร้างแวมไพร์ที่ไม่มีวันตายขึ้นมาในประเทศจีนมากนัก ไม่เช่นนั้นหากเรื่องลุกลามใหญ่โต กลุ่มนภาคงจะไม่ปล่อยมันไว้แน่..

 

  ‘ตระกูลเฉินคงจะช่วยจัดหาผู้หญิงเหล่านี้ให้เจ้าสินะ!หลังจากดูดเลือดพวกนางแล้ว เจ้าคงจะใช้เนตรปีศาจควบคุมพวกนางไม่ให้หนีออกไป..’

 

  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าตระกูลเฉินคงคิดทำการใหญ่จริงๆ และครั้งนี้มันคงคิดที่จะเป็นใหญ่ด้วย

 

  หลังจากที่ไม่พบความผิดปกติที่บริเวณสวนด้านหน้าหลิงหยุนจึงเดินไปสำรวจที่สวนด้านหลังแทน แต่หลังจากที่ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดู หลิงหยุนก็รีบถอนกลับทันที!

 

  ปรากฏว่าที่เฉินเซินพูดนั้นเป็นความจริง!มันบอกว่ายอดฝีมือจากตระกูลจอมยุทธเก่าแก่ทั้งหลาย ล้วนมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านตระกูลเฉินทางด้านใต้ ที่แท้ก็คือที่นี่เองนั่นเอง!

 

  อย่างน้อยๆก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยคน และส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8 แต่ก็มีราวสิบคนซึ่งอยู่ในห้องที่หลิงหยุนไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของพวกมันได้

 

  แต่ด้วยอานุภาพของจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังและวิชาพลังลับหยินหยางที่สามารถกักเก็บพลังชี่ไม่ให้แพร่กระจายออกจากร่างกายจนถูกยอดฝีมือเหล่านั้นพบเห็นเข้า

 

  หลิงหยุนเดินเลี่ยงออกจากบริเวณซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่ายอดฝีมือและเดินตรงไปที่สวนด้านหลังอย่างเงียบๆ แล้วเขาก็ต้องพบเข้ากับสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า!

 

  ลุงสอง..หลิงเย่ว!

 

  หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจไปทางกระท่อมไม้เล็กๆสีดำหลังหนึ่งแม้ภายนอกจะไม่ได้ล็อคกุญแจไว้ แต่ผู้ที่อยู่ด้านในกลับถูกจี้จุดไว้ และเวลานี้คนผู้นั้นก็กำลังหมดเรี่ยวแรง และไม่มีแม้แต่กำลังจะดิ้นรน..

 

  หลิงหยุนเคยเห็นรูปถ่ายของหลิงเย่วแน่นอนว่าคือคนที่ถูกจี้จุดและขังอยู่ด้านในนั้นคือลุงสอง – หลิงเย่วของเขาเอง หลิงหยุนโกรธมากและได้แต่คิดในใจว่า

 

  ‘พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว!’

 

  ‘เป็นตระกูลเฉินจริงๆ!’

 

  ตระกูลเฉินไม่เพียงเริ่มจัดการกับตระกูลเกาแต่ยังไม่ละเว้นตระกูลที่ตกต่ำอย่างตระกูลหลิงอีกด้วย มันกล้าจับพ่อของเขาและลุงสองมา!

 

  หลิงหยุนโกรธมากแต่ลมหายใจยังคงนิ่งเรียบ! เขาใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูอย่างละเอียดเพื่อค้นหาหลิงเสี่ยวพ่อของเขา แต่ก็ต้องผิดหวังที่ไม่พบแม้แต่ร่องรอย!

 

  ไม่มีร่องรอยของหลิงเสี่ยวเลยแม้แต่น้อย..หมายความว่าหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วถูกพวกมันจับแยกขังคนละที่

 

  ‘ข้าควรทำเช่นไรดี’

 

  ความคิดมากมายพลั่งพรูเข้ามาในจิตใจของหลิงหยุนเขากำลังคิดว่าจะช่วยลุงสองของเขาได้อย่างไรก่อน

 

  แต่หากเขาสามารถช่วยลุงสองออกมาได้ก็ไม่รู้ว่าตระกูลเฉินจะทำเช่นไรกับพ่อของเขาต่อไป

 

  แต่หากเขาปล่อยลุงสองไว้ที่นี่ก็ย่อมไม่ปลอดภัยเช่นกัน! แล้วเขาจะมีหน้าไปพบท่านปู่ได้อย่างไรกัน

 

  และนี่เป็นครั้งที่หลิงหยุนตัดสินใจได้อย่างยากลำบากที่สุด!เขาไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย..

 

  ‘ข้าควรทำเช่นไรดีหากช่วยลุงสองไป ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะทำร้ายท่านพ่อหรือไม่? แต่ถ้าช่วยลุงสองออกมาได้ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเฉินจึงต้องจับพวกเขามา?’

 

  ในที่สุด..หลิงหยุนก็ตัดสินใจที่จะเดิมพัน เขาเดินตรงเข้าไปที่ประตูกระท่อมสีดำหลังเล็ก ค่อยๆยกมือปลดล็อคด้านนอก และผลักประตูเข้าไปด้านใน

 

  ร่างของหลิงหยุนเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและนิ่งมากจนกระทั่งเข้าไปถึงด้านในแล้ว หลิงเย่วยังไม่รู้ตัวว่ามีคนอยู่ด้านในด้วย

 

  ร่างของหลิงหยุนไปปรากฏตรงหน้าหลิงเย่วและนิ้วของเขาก็รีบคลายจุดให้หลิงเย่วพร้อมกับใช้กระแสจิตพูดออกไปว่า

 

  -อย่าเพิ่งถามอะไรในเวลานี้ข้ามาช่วยท่าน!–

 

  หลิงหยุนไม่กล้าเปิดเผยฐานะของตนเองและไม่ต้องการบอกหลิงเย่ว่าเขาคือใคร

 

  ทันทีที่หลิงหยุนคลายจุดคืนอิสรภาพให้กับหลิงเย่วนั้นเขาก็จ้องหน้าหลิงหยุนที่สวมผ้าสีดำปกคลุมใบหน้า และได้แต่คิดในใจว่าผู้ที่มาช่วยเขานั้นเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน!

 

  หลิงหยุนเห็นแววตาสงสัยในสายตาหลิงเย่วจึงรีบย้ำว่า -อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก รอให้ออกไปจากที่นี่ได้ก่อนแล้วค่อยถาม.. ตามข้ามาเร็วเข้า!-

 

  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เดินนำหลิงเย่วออกจากกระท่อมสีดำหลังเล็กไปก่อนแล้วจึงโบกมือให้หลิงเย่วเดินตามมา

 

  แต่ฝีมือของหลิงเย่วนั้นยังไม่พอ!

 

  หลิงหยุนเห็นหลิงเย่วที่เดินออกมาหน้าประตูและสะดุดล้มลงไปก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘จบกัน!’

 

  “นั่นใคร!”

 

  เสียงนับสิบร้องตะโกนออกมาพร้อมกันและยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ ร่างของยอดฝีมือราวเจ็ดแปดคนก็กระโจนออกมาจากบ้านทันที และอีกหลายคนก็พุ่งตามออกมาทั้งทางประตูแล้วก็หน้าต่าง

 

  ทันทีที่ได้เห็นเหตุการณ์สีหน้าของหลิงเย่วก็เปลี่ยนไปทันทีเขารีบวิ่งไปหาหลิงหยุนพร้อมกับใช้กระแสจิตตอบกลับว่า

 

  -ท่านรีบหนีไปก่อนพวกมันต้องการฆ่าข้า!–

 

  เมื่อถูกจับได้แล้ว..หลิงหยุนก็ยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งเช่นเคย ในเมื่อถูกจับได้แล้ว เขาจะทำอะไรได้นอกจากสู้กับพวกมัน!

 

  “คุณชายหลิง..ท่านกลับเข้าไปในบ้านสักครู่ก่อน! อย่าได้กังวลใจไป ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่เอง!”

 

  หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องใช้กระแสจิตพูดกับหลิงเย่วอีกและเพื่อปิดบังอำพรางฐานะของตนเอง หลิงหยุนจึงใช้เทคนิคแปลงเป็นเสียงคนแก่