บทที่ 315 ยืนรอโดนตีตัวตรง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนฉายแววอำมหิตเมื่อเห็นเพื่อนแต่ละคนของฟางหย่งพุ่งเข้ามาประหนึ่งหมาป่าล่าเนื้อ

เขาขยับเท้าเล็กน้อยและหลบการโจมตีของคนแรกได้อย่างง่ายดาย พร้อมต่อยสวนกลับไปที่หลังของอีกฝ่าย

คนคนนั้นไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว รู้สึกเพียงเจ็บแปลบที่หลัง โซเซไปด้านหน้าสองสามก้าวก่อนจะล้มหน้าคว่ำ เจ็บจนน้ำหูน้ำตาไหล

“แกบังอาจตอบโต้รึ ฉันจะอัดแกให้ตายเลยไอ้ระยำ!”

เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้นข้างหู ใครคนหนึ่งมาอยู่ด้านหลังเย่เทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และทำการจู่โจมแบบลักลอบ

เย่เทียนกระแทกเท้าเบาๆและหลบการโจมตีจากอีกฝ่ายไปได้อย่างง่ายดาย เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน

“แกก็อยากลิ้มรสการดิ่งใช่มั้ย?”

ขณะที่พูด เย่เทียนยื่นมือขวาออกไปฉับพลันและคว้าคอเสื้อของเขาไว้ พร้อมยกเขาขึ้นและโยนขึ้นไปกลางอากาศ

ฟึ่บ!

คนคนนั้นเสียศูนย์ไปในบัดดล สัมผัสความรู้สึกบินได้เป็นครั้งแรกของชีวิต

น่าเสียดายที่เวลามันสั้นเกินไป กว่าเขาจะได้สติจากความตื่นตระหนก ร่างกายก็ดิ่งลงพื้นเป็นเส้นตรงแล้ว

เขาตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ทว่าตัวยังอยู่กลางอากาศจึงทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ทนมองระยะห่างจากพื้นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ตุ้บ!

ความโชคร้ายของเขาคือหัวลงพื้นก่อน หลังจากส่งเสียงร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดแล้วร่างของเขาก็กระแทกพื้นทุกส่วน และไม่อาจยืนขึ้นได้อีก

คนอื่นๆที่ได้เห็นภาพนี้ผวาไปตามๆกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะมีพลังต่อสู้แข็งกร้าวขนาดนี้ พวกเขาไม่ทันจะแตะโดนชายเสื้อของเย่เทียนด้วยซ้ำ เพื่อนข้างกายก็หมดสภาพไปสองคนแล้ว

“พวกแกมัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่ เมื่อร้องโวยวายบอกจะมากระทืบฉันไม่ใช่เหรอ?”

ไม่รอให้พวกเขาตั้งสติ เย่เทียนเป็นฝ่ายหันกลับมามองชายบึกบึนทั้งหลายและกระดิกนิ้ว

สามหาว!

สามหาวเกินไปแล้ว!

นี่คือความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวของฝูงชนที่มามุงพร้อมกัน

แต่แล้วจะทำอะไรได้?

ดูจากฝีมือการต่อสู้ที่เย่เทียนแสดงให้เห็นแล้ว เขามีต้นทุนในการโอหังจริงๆ พวกเขาไม่คิดว่าฝ่ายฟางหย่งที่ได้เปรียบทางจำนวนจะกำราบเย่เทียนได้

ถึงยังไงใช้เพียงพลังแขนก็สามารถเหวี่ยงคนที่หนักร้อยห้าสิบโลออกไปได้ ลำพังแค่กำลังเท่านี้ก็พอให้คนมากมายในนี้รู้สึกหวาดกลัวได้แล้ว

ชั่วขณะนั้น สายตาที่พวกเขามองเย่เทียนมีความคาดหวังมากขึ้น

หากพูดไปตามความจริง คนที่มาอยู่ ณ หน้าประตูสโมสรจุนเตี่ยนได้ล้วนแต่เป็นคุณหนูคุณชายตระกูลใหญ่กันทั้งนั้น พวกเขาอยากจะดูเรื่องสนุกๆเช่นนี้ได้ทุกวันยิ่งดี

ภายใต้การยั่วยุของเย่เทียน คนที่เหลือก็ชักจะเดือด พวกเขาสบตากันและเห็นความแน่วแน่ในสายตาของอีกฝ่าย จึงพุ่งไปหาเย่เทียนอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้งในบัดดล

แต่ เมื่ออยู่หน้าผู้มีพลังที่แท้จริง จำนวนไม่ทำให้ได้เปรียบมากนัก หากเทียบกันระหว่างเย่เทียนและพวกเขา เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ราวฟ้ากับเหว

เป็นธรรมดาที่หลังจากนั้น สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าผู้คนคือการบดขยี้อย่างสิ้นเชิง!

แน่นอนว่าเย่เทียนคือฝ่ายที่บดขยี้!

ห้านาที!

เขาใช้เวลาเพียงห้านาที บรรดาชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำก็นอนลงกับพื้นด้วยฝีมือของเย่เทียน

คนที่โชคดีสลบไปตั้งแต่ที่รู้สึกถึงความเจ็บปวด คนที่โขคร้ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดอันบาดลึกเข้ากระดูกอยู่ตลอด คอยส่งเสียงโหยหวนชวนขนลุก

ความจริงแล้ว หากตัดเวลาที่เย่เทียนมัวเสียน้ำลายกับฟางหย่งก่อนหน้านี้ รวมๆกันแล้วใช้เวลาไปไม่ถึงสามนาที

แปะๆ!

เย่เทียนปรบมือด้วยท่าทีสบายๆและกวาดสายตามองไปรอบๆ นึกไม่พอใจอยู่หน่อยๆ

เขาเพิ่งจะอุ่นร่างกายเสร็จ คนพวกนี้ก็ล้มลงหมดแล้ว น่าเบื่อชะมัด!

แต่เย่เทียนไม่ได้เสียดายนานนัก ในเมื่อผู้ช่วยเหล่านี้หมดสภาพกันแล้ว หลังจากนั้นก็ต้องไปเอาเรื่องฟางหย่งที่ทำหน้าใหญ่แล้วล่ะ

ฟางหย่งตาโตอ้าปากค้างไปแล้วในบัดนี้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพลังรบของเย่เทียนจะสยองขนาดนี้ พวกตัวเองรวมๆกันแล้วเกือบสิบคนยังไม่ใช่คู่มือของเย่เทียน

เมื่อเห็นสายตาไม่หวังดีที่เย่เทียนมองมา ฟางหย่งที่กำลังตะลึงอยู่ก็ได้สติทันที และลุกพรวดขึ้นจากพื้นพร้อมจ้องเย่เทียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม

“แกอย่าโอหังให้มันมาก รอดูเลยว่าฉันจะเล่นงานแกให้ตายยังไง!”

พูดจบ ฟางหย่งก็ทำท่าจะพุ่งไปหาเย่เทียน

เย่เทียนผงะ ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ที่เดิมรอให้ฟางหย่งเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาเอง

ต้องยอมรับว่าเขาชื่นชมในความกล้าของฟางหย่ง

แต่ฟางหย่งตัดสินใจไว้แล้วแต่แรก เขาเพิ่งจะก้าวออกไปได้สองก้าวและเห็นเย่เทียนชะงักฝีเท้าไว้ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบวิ่งเลี้ยวไปอีกทาง แม้แต่เพื่อนๆที่นอนราบอยู่ก็ไม่สนแล้ว

เขากล้าไม่หนีเหรอ?

ชายกำยำบึกบึนถึงแปดคนยังหมดสภาพด้วยฝีมือของเย่เทียนได้อย่างง่ายดาย เขาพุ่งเข้าไปเพียงลำพังแบบนี้เท่ากับรนหาที่ชัดๆ

เดิมทีตอนฟางหย่งขู่คำโต ทุกคนต่างตั้งตารอให้ฟางหย่งแสดงพลานุภาพ

ไม่มีใครคิดเลยว่าฟางหย่งจะเป็นคนขี้ขลาด แต่ละคนก่นด่าอย่างอดไม่ได้

“ไอ้เวรเอ๊ย ฉันก็นึกว่าฟางหย่งจะเจ๋งสักแค่ไหน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะหนี”

“ตอนท้าทายเขานี่ดุชิบ ทำไมถึงเวลาลงมือถึงเหมือนพวกตาขาวเลยล่ะ”

“ฟางหย่งคนนี้คงไม่ใช่พวกพิลึก จงใจออกมาเล่นตลกใช่มั้ย?”

ผู้คนที่มุงกันอยู่ต่างหัวเราะเหยียดหยาม รู้สึกว่าวันนี้มาไม่ผิดที่จริงๆ

คนเกือบสิบคนรุมกระทืบคนเพียงคนเดียวยังทำไม่ได้ คนเป็นหัวหน้ากลัวจนวิ่งหนึหัวซุกหัวซุน บรรเทิงยิ่งนัก!

เย่เทียนมองฟางหย่งที่วิ่งอุตลุดออกไปแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาดูถูกคนประเภทนี้ที่สุด

ว่ากันว่า กล้าทำผิดต้องกล้ายอมรับ ยืนรอโดนตีตัวตรง

สู้ไม่ได้ก็สู้ไม่ได้ ยืนเฉยๆให้ฉันระบายหน่อยไม่ได้เหรอ? หนีไปแบบนี้หมายความว่ายังไง

เย่เทียนโกรธนิดหน่อย จุดจบของฟางหย่งต้องอนาถกว่าเพื่อนของเขาอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นฟางหย่งวิ่งออกไปพรวดเดียวสิบกว่าเมตร ผู้คนที่มามุงดูต่างถอนหายใจ รู้ว่าละครเรื่องนี้จะปิดฉากลงแล้ว และไม่มีอะไรให้ดูอีก

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้าย ฟางหย่งที่วิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับจู่ๆก็ส่งเสียงร้องโหยหวน เท้าสะดุดและกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบ

ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ส่งผลให้ทุกคนตะลึงกันหมด ไม่เข้าใจเลยว่าฟางหย่งวิ่งอยู่ดีๆทำไมถึงส่งเสียงร้องโหยหวนล่ะ?

แน่นอนว่าเย่เทียนแอบทำอะไรบางอย่าง เขารวบรวมชี่ทิพย์ไปที่เข็มเงินอย่างเงียบเชียบและยิงไปโดนน่องขาของฟางหย่ง

ความเจ็บปวดที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ส่งผลให้ฟางหย่งสูญเสียสมดุลของร่างกาย เขาถึงล้มลงกับพื้นอย่างแรง

เมื่อเห็นฟางหย่งล้มหน้าคะมำ นอนหงายอยู่บนพื้นและส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เย่เทียนแสยะยิ้มมุมปากและเดินเข้าไปช้าๆ…..