ซูจิ่นซีสะบัดแขนเสื้อที่เกิดรอยย่นจากการที่เฉินไท่เฟยพุ่งเข้ามาถูกตัวนาง ก่อนจะเดินไปนั่งยังข้างโต๊ะเย็นเฉียบแต่กลับสะอาดสะอ้าน และใช้หางตามองเฉินไท่เฟย
เฉินไท่เฟยยังคงพุ่งเข้าหาซูจิ่นซีด้วยความคลุ้มคลั่ง ทั้งยังสบถด่า “ซูจิ่นซี เจ้า… นางแพศยา รีบมอบยาถอนพิษมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าให้ข้ากินสิ่งใดกันแน่? ”
แววตาของซูจิ่นซีเผยความเย็นชา ท่าทางหยิ่งทะนง
“ตอนนั้น เพื่อพระประสงค์ขององค์ไทเฮา เจ้าแอบเข้ามาในตำหนักฝูอวิ๋นและขโมยปิงฝู ตราพยัคฆ์บัญชาทัพของเยี่ยโยวเหยา ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว ขอเพียงเจ้าอยู่ที่ตำหนักหนานย่วนอย่างสงบ สวมบทบาทเป็นเฉินไท่เฟยให้ดี ข้าจะส่งคนไปมอบยาถอนพิษให้เจ้าตามเวลา เพื่อไม่ให้พิษกำเริบตลอดไป ทั้งเจ้ายังได้เสพสุขกับความหรูหราของชีวิต ทว่าบัดนี้… เฉินไท่เฟย เจ้ากลับเบื่อการมีชีวิตและรนหาที่ตายเสียเอง! ”
เฉินไท่เฟยที่กำลังส่งเสียงคลุ้มคลั่งพลันหยุดชะงัก นาง ทอดสายตาออกไปด้วยความเสียใจ
ครู่หนึ่ง นางจึงหันมามองซูจิ่นซีอย่างเว้าวอน “ซูจิ่นซี ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ขอร้องเจ้า เห็นแก่ที่ข้าไม่เคยก่อเรื่องทำให้เสียหาย มอบยาถอนพิษให้ข้าเถิด ช่วยข้าด้วย”
ไม่เคยก่อเรื่องทำให้เสียหาย?
หึ…
ซูจิ่นซีกระชากเสียง แววตาเปล่งประกายดุจผลึกแก้ว ทั้งใบหน้ายังเย็นชายิ่งนัก
หากไม่ใช่เพราะเฉินไท่เฟยกับเว่ยเหม่ยเจียที่วางอุบาย แอบผสมกรดกำมะถันลงไปในน้ำและทำร้ายนาง เหตุใดเยี่ยโยวเหยาต้องไปตามหาสมุนไพรที่แคว้นไหวเจียงเพื่อนางด้วย?
และเขาคงไม่บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้
แม้จะตามหาสมุนไพรเหล่านั้นได้ทันเวลาและสามารถรักษาบาดแผลบนผิวหนังของนางจนหายดี ทั้งยังไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นน่าเกลียด
อย่างไรก็ตาม แผลเป็นมากมายบนร่างกายของเยี่ยโยวเหยาซึ่งเกิดจากคมหอกคมดาบ กลับติดอยู่บนตัวเขาไปตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน มันยังเป็นเหมือนตราประทับที่ถูกจารึกไว้ในใจของนางตลอดไป
เช่นนั้น นางพูดได้อย่างไรว่าไม่เคยก่อเรื่องทำให้เสียหาย?
เฉินไท่เฟยเห็นซูจิ่นซีนิ่งเงียบไปพักใหญ่ จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำและมีท่าทีสงบมากขึ้น “จิ่นซี แม่… แม่ขอร้องเจ้า… ”
ซูจิ่นซียกยิ้มเหยียดหยาม “แม่หรือ? เฉินไท่เฟย เจ้าคู่ควรหรือ? ”
แม้เยี่ยโยวเหยาไม่เคยบอกซูจิ่นซีเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของตนเอง ทว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา ซูจิ่นซีได้ยินคำพูดมากมายจากปากของฮูหยินปิงจีกับพรรคพวก ทำให้พอคาดเดาได้ว่า เยี่ยโยวเหยามีตัวตนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
จักรวรรดิ… มีเพียงอดีตแคว้นฉินที่ล่มสลายไปแล้วเท่านั้น ถึงเรียกได้ว่าจักรวรรดิต้าฉิน
ทายาทของจักรวรรดิต้าฉิน ย่อมมีสถานะสูงส่งและเป็นสายโลหิตที่สูงศักดิ์อย่างมาก
บุคคลที่มีสถานะเช่นเฉินไท่เฟย กล้าเรียกตนเองว่าเป็น ‘เสด็จแม่’ ได้อย่างไร?
ในชั่วพริบตา แววตาของเฉินไท่เฟยก็ราวกับถูกเมฆหมอกบดบัง
“จิ่นซี ถือ… ถือเสียว่าข้าขอร้องเจ้า… ”
“ตอนนั้นข้าเคยบอกเจ้าแล้ว หากวันใดที่พิษฝูหรงอิ่นกำเริบ ทั้งร่างกายจะเน่าเปื่อย กระทั่งผิวหนังทั้งหมดก็สลายกลายเป็นเลือด เหลือเพียงกระดูก ไร้ยารักษา”
“ไม่… ”
เฉินไท่เฟยแผดเสียงร้องอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นางไม่สนใจองครักษ์ทั้งสองนายที่คอยขัดขวาง และพุ่งเข้าใส่ซูจิ่นซีอย่างคลุ้มคลั่ง
“ซูจิ่นซี ข้าขอร้อง เจ้าเป็นยอดฝีมือด้านพิษ ต้องมีวิธีแน่นอน เจ้าต้องมีวิธีปรุงยาถอนพิษ เจ้าช่วยข้าด้วย เจ้าช่วยข้าด้วย ขอเพียงเจ้าช่วยถอนพิษให้ข้า ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้เจ้าสมปรารถนา ซูจิ่นซี ข้าขอร้อง! ”
แววตาของซูจิ่นซียิ่งเย็นชามากขึ้น ในห้องที่มีเพียงแสงสลัว ดวงตาที่ควรงดงามกลับกลายเป็นเหมือนแอ่งน้ำนิ่ง ไร้ซึ่งชีวิต
นางมีชีวิตมาแล้วสองยุค มองเรื่องราวทุกอย่างบนโลกได้อย่างกระจ่างแจ้ง ในชีวิตนี้ สิ่งที่นางปรารถนามีเพียงการได้อยู่เคียงข้างเยี่ยโยวเหยาตลอดไป อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
ทว่าบัดนี้ อดีตที่เคยคาดหวัง กลับกลายเป็นความฝันไปเสียแล้ว
เรื่องระหว่างนางกับเยี่ยโยวเหยาไม่อาจเป็นไปได้แล้ว เฉินไท่เฟยจะทำให้นางสมปรารถนาได้อย่างไร?
“เฉินไท่เฟย เจ้าฟังให้ดี ข้าถามเจ้าเพียงคำถามเดียวเท่านั้น ให้โอกาสเจ้าตอบคำถามเพียงครั้งเดียว หากเจ้ากล้าเล่นลูกไม้ ความทรมานจากพิษฝูหรงอิ่นจะอยู่กับเจ้าไปตลอดชีวิต”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉินไท่เฟยพลันเห็นโอกาสในการมีชีวิตรอดอีกครั้ง นางรีบพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ได้ ได้ ได้ จิ่นซี เจ้าถามได้เลย! ขอเพียงข้ารู้ ข้าต้องตอบเจ้าอย่างแน่นอน”
ซูจิ่นซีใช้หางตามองเฉินไท่เฟย “ที่ตำหนักหนานย่วนในตอนนั้น ผู้ใดที่อยู่เบื้องหลัง คอยวางแผนให้เจ้ากับเว่ยเหม่ยเจียทำร้ายข้า? ”
ซูจิ่นซีรู้ดี หากไม่มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เฉินไท่เฟยกับเว่ยเหม่ยเจียย่อมไม่มีความสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้
เฉินไท่เฟยรีบตอบโดยไม่ลังเล “ใช่ เป็นฮูหยินเฒ่าที่สวมชุดสีดำ”
“ฮูหยินเฒ่าผู้นั้น ชื่อแซ่อะไร? ”
“ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน นางปกปิดใบหน้าด้วยชุดคลุม ข้ามองเห็นไม่ชัดนัก ส่วนนางมีชื่อแซ่ว่าอะไร ข้าเองก็ไม่มั่นใจ ข้าไม่เคยพบนางมาก่อน”
ฮูหยินเฒ่า… ชุดคลุมดำ?
ซูจิ่นซีจำไม่ได้ว่านางไปผิดใจกับคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“อ๋อ ใช่แล้ว ตอนนั้นข้างกายนางยังมีบุรุษที่ดูแปลกประหลาดคนหนึ่ง เขาเรียกนางว่าฮูหยิน”
บุรุษที่มีลักษณะประหลาด?
ฮูหยิน?
ซูจิ่นซีครุ่นคิดพลางหรี่ตาลง
ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “บุรุษผู้นั้นมีลักษณะเหมือนลิงปากแหลม ดวงตาดุร้าย เส้นผมไม่เคยหวีสาง รูปร่างไม่สูงนัก ทั้งยังผอมมากใช่หรือไม่? ”
เฉินไท่เฟยไม่กล้าโกหกซูจิ่นซี ยิ่งไม่กล้าพูดอันใดผิดพลาดจนทำให้ซูจิ่นซีเข้าใจผิด นางครุ่นคิดด้วยความระมัดระวัง “เหมือนจะ… ใช่”
“ใช่หรือไม่ใช่กันแน่? ” ซูจิ่นซีต้องการเพียงคำตอบที่ชัดเจนเท่านั้น
เฉินไท่เฟยรีบตอบอย่างมั่นใจ “ใช่! เป็นดั่งที่เจ้าบรรยายมาทั้งหมด”
ฮูหยินปิงจีกับยวี่จี!
อย่างไม่ต้องสงสัย!
ดวงตาที่หรี่ลงอยู่แล้วของซูจิ่นซียิ่งแคบลงไปอีก แววตาพลันเผยให้เห็นไอสังหาร
ครู่หนึ่ง นางค่อยๆ หลับตาลง ความเชื่อบางอย่างในจิตใจ ยิ่งแน่วแน่มากขึ้น หนักแน่นมากขึ้น
ฟ้าไม่ให้อภัยข้า หากไร้ซึ่งที่พักพิง ข้าจะทำลายฟ้า
ดินไม่ให้อภัยข้า หากไร้ซึ่งผืนดินให้พำนัก ข้าจะทำลายดิน
คนไม่ให้อภัยข้า หากข้าอดกลั้นจนสุดจะทน ข้าจะสังหารมัน!!!
เฉินไท่เฟยไม่กล้ารบกวนซูจิ่นซี หลังผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงถามด้วยความระมัดระวัง “จิ่นซี… แม่… ไม่สิ… ข้า… ยาถอนพิษของข้า… ”
ซูจิ่นซีพลิกฝ่ามือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อ ในมือพลันปรากฏขวดแก้วลายครามสีขาวใบหนึ่ง
นางวางมันไว้บนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นและหันหลังเดินออกไปทันที
เฉินไท่เฟยมีท่าทีเหมือนสัตว์ป่าที่หิวกระหายเนื้อ นางดิ้นหลุดจากองครักษ์ทั้งสองด้วยดวงตาแดงก่ำ และวิ่งเข้าไปคว้าขวดลายครามอย่างบ้าคลั่ง
ซูจิ่นซีที่เพิ่งเดินมาถึงประตูทางออกกลับหยุดชะงัก เมื่อหันหลังไปเห็นท่าทางของเฉินไท่เฟย ดวงตาของนางพลันฉายแววเย้ยหยัน
“โอ้ ใช่แล้ว ข้าลืมเตือนเจ้า แม้ยาถอนพิษนี้สามารถกำจัดพิษฝูหรงอิ่นได้ ทว่ามันเป็นยาพิษชนิดหนึ่งเช่นกัน เมื่อดื่มยาถอนพิษนี้แล้ว มันสามารถฟื้นฟูรูปโฉมของเจ้าให้กลับมาเป็นดังเดิม ทว่ายาถอนพิษมีฤทธิ์รุนแรง พิษจะค่อยๆ ลุกลามไปทั่วร่างกายของเจ้า ทั้งยังไร้ซึ่งยารักษา ดังนั้นเจ้าจะมีชีวิตอยู่เพียงสองชั่วยาม หลังผ่านสองชั่วยามไปแล้ว ร่างกายของเจ้าจะค่อยๆ สลายกลายเป็นฝุ่นผง เจ็บปวดทุกข์ทรมานยิ่งกว่าพิษฝูหรงอิ่นหลายเท่าหรือหลายสิบเท่า จะเลือกอย่างไร เจ้าก็ตัดสินใจเองเถิด! ”
ร่างของเฉินไท่เฟยแข็งทื่อราวกับถูกน้ำเย็นราดรดศีรษะ ดั่งถูกอสนีบาต นางยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
หากไม่ดื่มยาถอนพิษก็ต้องตาย หากดื่มยาถอนพิษก็ต้องตายเช่นกัน
ด้านหนึ่งคืออดทนต่อสภาพเนื้อหนังที่เน่าเปื่อย มีชีวิตอยู่ดั่งปีศาจ ทว่าสามารถอยู่รอดไปได้อีกนาน
อีกด้านหนึ่งคือฟื้นฟูรูปโฉมให้กลับมาเป็นดังเดิม แต่คงอยู่ได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น จากนั้นนางต้องแบกรับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อเดินมาถึงปลายทางของชีวิต กลับไม่มีกระทั่งหนทางอยู่รอดบนโลกใบนี้
จะให้นางเลือกอย่างไร?
นางมีทางเลือกอีกหรือ?