บทที่ 317 ฉันนอนโซฟาดีกว่า

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

แม้ว่าเย่เทียนจะไม่มีความคิดเอาเรื่องหลี่เฟิงเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมาแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องข่มเจ้าโง่ที่อวดเก่งคนนี้หน่อยใช่มั้ยล่ะ

ด้วยความคิดนี้ เย่เทียนเดินยิ้มกริ่มเข้าไป และนั่งลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างสนิทสนม ก่อนจะทอดสายตาไปที่ซูเย่าหมิงที่ตามมาด้านหลัง

“เย่าหมิง นายพาฉันมานี่คงไม่ใช่ว่าไม่ได้จัดอะไรไว้ให้เลยใช่มั้ย?”

ซูเย่าหมิงในตอนนี้อารมณ์สับสนถึงขีดสุด ภาพเมื่อกี้ที่ฟางหย่งตบหน้าตัวเองยังติดอยู่ในหัวไม่ยอมหายไป

ผู้ชายที่มีรอยยิ้มเป็นมิตรผู้นี้มีปีศาจร้ายอาศัยอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ

คิดมาถึงตรงนี้ เขาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างแรงกล้า รู้สึกว่าการล่อลวงเย่เทียนแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิด

เสียงเย่เทียนดังขึ้นข้างหู ซูเย่าหมิงรีบข่มความหลากอารมณ์ในใจและส่งสายตาให้หลี่เฟิงโดยไม่ทิ้งร่องรอย ให้เขาไปคิดเอาเอง ก่อนจะยิ้มรับคำเย่เทียน

“มีโชว์จัดให้อยู่แล้วครับพี่เย่ พี่รอแป๊บนะครับ”

เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย และขี้เกียจไปสนใจหลี่เฟิง เขาดึงซูเย่าหมิงไปนั่งอยู่ด้านหนึ่ง และคุยเล่นเรื่อยเปื่อย

“สวัสดีครับเถ้าแก่ทั้งหลาย!”

หลังจากรอกันมาสักพัก ประตูใหญ่ของห้องส่วนตัวก็โดนผลักออกจากด้านนอก บรรดาสาวสวยในเครื่องแบบต่างๆเดินกันเข้ามา และมีเบอร์แปะไว้ที่ตัวด้วย

เย่เทียนผิดหวังสุดๆ นึกว่าซูเย่าหมิงและหลี่เฟิงจะมีแผนสำรองอะไร คิดไม่ถึงว่านอกจากฟางหย่งแล้วก็ไม่มีแผนอื่นอีกเลย

เย่เทียนมองผู้หญิงหน้าตาสะสวยแต่ละคนตรงหน้าแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ไม่เกิดความสนใจเลยสักนิด สวยหวานแค่ไหนก็ไม่สวยไปกว่าเฉินหวั่นชิง ไม่สวยไปกว่าซูเหมย

“เป็นยังไงครับพี่เย่ มีคนที่ชอบบ้างมั้ยครับ?”

ซูเย่าหมิงกระเถิบเข้ามาใกล้เย่เทียนและเสนอ “ผมว่าเบอร์ยี่สิบแปดใช้ได้ พี่จะ…..”

“เย่าหมิง ฉันบอกนายก่อนมาแล้วใช่มั้ยว่าฉันเป็นคนซื่อตรง จะทำเรื่องที่ผิดต่อพี่สาวของนายได้ยังไง!”

แต่ไม่รอให้ซูเย่าหมิงพูดจบ เย่เทียนก็ขัดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“เอาเถอะ พวกนายเที่ยวกันเอาเองดีกว่า ฉันกลับก่อนล่ะ!”

พูดจบเย่เทียนก็ไม่สนใจซูเย่าหมิงอีก เขาลุกขึ้นเตรียมกลับ

ทว่าเพิ่งก้าวออกไปได้สองก้าว เย่เทียนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาหันไปยิ้มอย่างมีเลศนัยให้หลี่เฟิง

“จริงสิคุณชายหลี่ คราวหน้าถ้าคุณจะมาเที่ยวกับฉันเตรียมโชว์ไว้เยอะๆหน่อยนะ แค่โชว์เดียวมันน่าเบื่อเกินไป”

หลี่เฟิงหน้าตาอึมครึมเหมือนฝนจะตกในบัดดล เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเย่เทียนหมายถึงเรื่องของพวกฟางหย่ง เขามองแผ่นหลังของเย่เทียนที่จากไปและกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อแล้วก็ยังไม่รู้ตัว

……

ตอนกลับถึงตระกูลซูเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว

ด้วยความตั้งใจของจ้าวเสว่เฟิน เย่เทียนพบว่าตัวเองนอนห้องเดียวกับซูเหมย!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เห็นฉันเป็นลูกเขยจริงๆเหรอ? ยังไม่ทันแต่งงานเลย ความสัมพันธ์พัฒนาเร็วเกินไปหรือเปล่า?”

เย่เทียนพึมพำในใจ แต่เมื่อคิดว่าได้นอนร่วมเตียงกับหญิงงามอย่างซูเหมยก็อดตื่นเต้นในใจไม่ได้

เทียบกับโชว์ที่ซูเย่าหมิงจัดให้เขาที่สโมสรจุนเตี่ยนแล้ว นี่สิโชว์ของจริง

ไม่นานนัก ภายใต้การนำทางของน้าฟาง เย่เทียนมาอยู่หน้าประตูห้องของซูเหมย

“คุณเย่ รีบพักผ่อนนะคะ ดิฉันขอไปก่อน”

น้าฟางสุภาพกับเย่เทียนมาก พูดจบเธอก็ถอยออกไปด้วยความนอบน้อม

เห็นท่าทีของเธอแล้ว เย่เทียนลูบจมูกแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาผลักประตูเข้าไปตรงๆ

เสียงดังเอี๊ยด ประตูถูกผลักออก

ซูเหมยที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเป็นชุดนอนกระโปรงยาวบางสีม่วงแล้ว หุ่นอรชรของเธอเผยให้เห็นลางๆใต้กระโปรงนอน ยั่วยวนเป็นที่สุด

พอเธอได้ยินเสียงก็ใจเต้นอย่างประหลาด แววตาฉายความกังวลใจ

แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบใจลงได้ และดึงผ้าห่มมาปิดต้นขาตัวเองตามสัญชาตญาณ ดวงตาคู่สวยมองไปทางเย่เทียนที่เดินเข้ามา

“กลับมาแล้วเหรอ”

ซูเหมยเรียกเสียงเบา

เย่เทียนได้ยินก็หันไปมองซูเหมยตามสัญชาตญาณ

ผมยาวเป็นลอนนิดๆของเธอสยายไปตามไหล่ ผมกระจายต้วเบาๆให้ความรู้สึกนุ่มนวล แตกต่างจากภาพลักษณ์แข็งแกร่งของเธอตอนปกติ

จะพูดยังไงดีล่ะ ให้ความรู้สึกพราวเสน่ห์สุดๆ!

เย่เทียนลอบประเมินในใจตัวเอง สายตาที่มองซูเหมยเต็มไปด้วยความชื่นชม

ราวกับสัมผัสถึงสายตาของเย่เทียน ใบหน้างดงามของซูเหมยแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอเบนสายตาออกไปและอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ฉันคิดอะไรอยู่ ฉันอธิบายให้พวกเขาฟังแล้ว แต่พวกเขาไม่ให้โอกาสฉันเลย”

แต่ซูเหมยไม่รู้หรอกว่ารู้ว่าจ้าวเสว่เฟินมั่นใจมานานแล้วว่าทั้งสองคนมีความเป็นสามีภรรยาแล้ว จะไปสนใจอะไรมาก?

เมื่อเธอพูดแบบนี้ออกมา เย่เทียนอดหัวเราะไม่ได้

“ไม่เป็นไร ฉันว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

ในระหว่างที่คุยกัน เย่เทียนได้เดินไปข้างหน้าและนั่งลงบนเตียงนุ่มๆอย่างไม่คิดมาก

คล้อยตามที่เย่เทียนเข้ามาใกล้ ซูเหมยรู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นผู้ชายแข็งแกร่งของเย่เทียนที่โชยมา ซึ่งทำให้เธอใจเต้นตึกตักในบัดดล และทำอะไรไม่ถูกไปสักพัก

เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนสังเกตเห็นความกังวลใจของเธอ เขาอดหัวเราะในใจไม่ได้ และเกิดความรู้สึกอยากแกล้งเธอ ดังนั้นเขาจึงแกล้งพูดขึ้นมา “ดึกขนาดนี้แล้ว เรามานอนกันเถอะ!”

“เรา?”

ซูเหมยได้ฟังดังนั้น ใบหน้างดงามของเธอยิ่งแดงมากขึ้น ขนตายาวเป็นแพสั่นระริก เปิดเผยความกระวนกระวายของเธอจนหมดสิ้น

“ใช่สิ! คุณดูสิ พ่อแม่ของคุณจัดแจงมาแบบนี้ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยจะทำให้ความหวังดีของพวกท่านเสียเปล่าเอานะ”

เย่เทียนพูดไปก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ ราวกับหมาป่าที่พุ่งไปหาแกะน้อยและพร้อมจะกินซูเหมยให้สิ้นซากในวินาทีถัดไป

ที่จริงความรู้สึกที่ซูเหมยมีต่อเย่เทียนนั้นซับซ้อนมาก เย่เทียนเป็นคนมีความสามารถสูง และเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีทางไม่รู้สึกอะไรกับเย่เทียนหรอก

เธอเองก็เช่นกัน!

แต่เธอรู้ว่าเย่เทียนแต่งงานแล้ว ระหว่างทั้งสองไม่มีอนาคต

ต่อให้เธอไม่สนใจ แต่คนนอกจะมองเธอยังไง?

เพราะฉะนั้นซูเหมยสับสนมาก

เธอสับสน เย่เทียนก็สับสนนิดหน่อยเช่นกัน

เขาดูออกว่าซูเหมยรู้สึกดีกับตัวเอง หากเขาเป็นฝ่ายรุกหน่อย บางทีซูเหมยอาจจะต่อต้านเล็กน้อย แต่ไม่มีทางปฏิเสธเขา!

แต่เย่เทียนรู้ว่าตัวเองและซูเหมยเข้ากันไม่ได้ พวกเขาอยู่กันคนละโลก

คิดมาถึงตรงนี้เย่เทียนอดลอบถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะรีบกลับมาเป็นปกติพร้อมกล่าว “เอาเถอะ ฉันแค่ล้อคุณเล่นเท่านั้น ฉันจะไปนอนบนโซฟา”

พูดเสร็จเย่เทียนก็ลุกขึ้นยืน

ซูเหมยที่ได้ยินแบบนี้ผงะทันที

แต่เมื่อเห็นแววตาใสสกาวของเย่เทียน เธอจึงรู้ว่าเย่เทียนไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ ในขณะเดียวกับที่เธอโล่งออกก็ผิดหวังขึ้นมาจางๆเช่นกัน……