แม้ว่าเย่เทียนจะไม่มีความคิดเอาเรื่องหลี่เฟิงเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมาแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องข่มเจ้าโง่ที่อวดเก่งคนนี้หน่อยใช่มั้ยล่ะ
ด้วยความคิดนี้ เย่เทียนเดินยิ้มกริ่มเข้าไป และนั่งลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างสนิทสนม ก่อนจะทอดสายตาไปที่ซูเย่าหมิงที่ตามมาด้านหลัง
“เย่าหมิง นายพาฉันมานี่คงไม่ใช่ว่าไม่ได้จัดอะไรไว้ให้เลยใช่มั้ย?”
ซูเย่าหมิงในตอนนี้อารมณ์สับสนถึงขีดสุด ภาพเมื่อกี้ที่ฟางหย่งตบหน้าตัวเองยังติดอยู่ในหัวไม่ยอมหายไป
ผู้ชายที่มีรอยยิ้มเป็นมิตรผู้นี้มีปีศาจร้ายอาศัยอยู่ในเบื้องลึกของหัวใจ
คิดมาถึงตรงนี้ เขาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างแรงกล้า รู้สึกว่าการล่อลวงเย่เทียนแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิด
เสียงเย่เทียนดังขึ้นข้างหู ซูเย่าหมิงรีบข่มความหลากอารมณ์ในใจและส่งสายตาให้หลี่เฟิงโดยไม่ทิ้งร่องรอย ให้เขาไปคิดเอาเอง ก่อนจะยิ้มรับคำเย่เทียน
“มีโชว์จัดให้อยู่แล้วครับพี่เย่ พี่รอแป๊บนะครับ”
เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย และขี้เกียจไปสนใจหลี่เฟิง เขาดึงซูเย่าหมิงไปนั่งอยู่ด้านหนึ่ง และคุยเล่นเรื่อยเปื่อย
“สวัสดีครับเถ้าแก่ทั้งหลาย!”
หลังจากรอกันมาสักพัก ประตูใหญ่ของห้องส่วนตัวก็โดนผลักออกจากด้านนอก บรรดาสาวสวยในเครื่องแบบต่างๆเดินกันเข้ามา และมีเบอร์แปะไว้ที่ตัวด้วย
เย่เทียนผิดหวังสุดๆ นึกว่าซูเย่าหมิงและหลี่เฟิงจะมีแผนสำรองอะไร คิดไม่ถึงว่านอกจากฟางหย่งแล้วก็ไม่มีแผนอื่นอีกเลย
เย่เทียนมองผู้หญิงหน้าตาสะสวยแต่ละคนตรงหน้าแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ไม่เกิดความสนใจเลยสักนิด สวยหวานแค่ไหนก็ไม่สวยไปกว่าเฉินหวั่นชิง ไม่สวยไปกว่าซูเหมย
“เป็นยังไงครับพี่เย่ มีคนที่ชอบบ้างมั้ยครับ?”
ซูเย่าหมิงกระเถิบเข้ามาใกล้เย่เทียนและเสนอ “ผมว่าเบอร์ยี่สิบแปดใช้ได้ พี่จะ…..”
“เย่าหมิง ฉันบอกนายก่อนมาแล้วใช่มั้ยว่าฉันเป็นคนซื่อตรง จะทำเรื่องที่ผิดต่อพี่สาวของนายได้ยังไง!”
แต่ไม่รอให้ซูเย่าหมิงพูดจบ เย่เทียนก็ขัดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอาเถอะ พวกนายเที่ยวกันเอาเองดีกว่า ฉันกลับก่อนล่ะ!”
พูดจบเย่เทียนก็ไม่สนใจซูเย่าหมิงอีก เขาลุกขึ้นเตรียมกลับ
ทว่าเพิ่งก้าวออกไปได้สองก้าว เย่เทียนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาหันไปยิ้มอย่างมีเลศนัยให้หลี่เฟิง
“จริงสิคุณชายหลี่ คราวหน้าถ้าคุณจะมาเที่ยวกับฉันเตรียมโชว์ไว้เยอะๆหน่อยนะ แค่โชว์เดียวมันน่าเบื่อเกินไป”
หลี่เฟิงหน้าตาอึมครึมเหมือนฝนจะตกในบัดดล เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเย่เทียนหมายถึงเรื่องของพวกฟางหย่ง เขามองแผ่นหลังของเย่เทียนที่จากไปและกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
……
ตอนกลับถึงตระกูลซูเป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว
ด้วยความตั้งใจของจ้าวเสว่เฟิน เย่เทียนพบว่าตัวเองนอนห้องเดียวกับซูเหมย!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เห็นฉันเป็นลูกเขยจริงๆเหรอ? ยังไม่ทันแต่งงานเลย ความสัมพันธ์พัฒนาเร็วเกินไปหรือเปล่า?”
เย่เทียนพึมพำในใจ แต่เมื่อคิดว่าได้นอนร่วมเตียงกับหญิงงามอย่างซูเหมยก็อดตื่นเต้นในใจไม่ได้
เทียบกับโชว์ที่ซูเย่าหมิงจัดให้เขาที่สโมสรจุนเตี่ยนแล้ว นี่สิโชว์ของจริง
ไม่นานนัก ภายใต้การนำทางของน้าฟาง เย่เทียนมาอยู่หน้าประตูห้องของซูเหมย
“คุณเย่ รีบพักผ่อนนะคะ ดิฉันขอไปก่อน”
น้าฟางสุภาพกับเย่เทียนมาก พูดจบเธอก็ถอยออกไปด้วยความนอบน้อม
เห็นท่าทีของเธอแล้ว เย่เทียนลูบจมูกแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาผลักประตูเข้าไปตรงๆ
เสียงดังเอี๊ยด ประตูถูกผลักออก
ซูเหมยที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเป็นชุดนอนกระโปรงยาวบางสีม่วงแล้ว หุ่นอรชรของเธอเผยให้เห็นลางๆใต้กระโปรงนอน ยั่วยวนเป็นที่สุด
พอเธอได้ยินเสียงก็ใจเต้นอย่างประหลาด แววตาฉายความกังวลใจ
แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบใจลงได้ และดึงผ้าห่มมาปิดต้นขาตัวเองตามสัญชาตญาณ ดวงตาคู่สวยมองไปทางเย่เทียนที่เดินเข้ามา
“กลับมาแล้วเหรอ”
ซูเหมยเรียกเสียงเบา
เย่เทียนได้ยินก็หันไปมองซูเหมยตามสัญชาตญาณ
ผมยาวเป็นลอนนิดๆของเธอสยายไปตามไหล่ ผมกระจายต้วเบาๆให้ความรู้สึกนุ่มนวล แตกต่างจากภาพลักษณ์แข็งแกร่งของเธอตอนปกติ
จะพูดยังไงดีล่ะ ให้ความรู้สึกพราวเสน่ห์สุดๆ!
เย่เทียนลอบประเมินในใจตัวเอง สายตาที่มองซูเหมยเต็มไปด้วยความชื่นชม
ราวกับสัมผัสถึงสายตาของเย่เทียน ใบหน้างดงามของซูเหมยแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอเบนสายตาออกไปและอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ฉันคิดอะไรอยู่ ฉันอธิบายให้พวกเขาฟังแล้ว แต่พวกเขาไม่ให้โอกาสฉันเลย”
แต่ซูเหมยไม่รู้หรอกว่ารู้ว่าจ้าวเสว่เฟินมั่นใจมานานแล้วว่าทั้งสองคนมีความเป็นสามีภรรยาแล้ว จะไปสนใจอะไรมาก?
เมื่อเธอพูดแบบนี้ออกมา เย่เทียนอดหัวเราะไม่ได้
“ไม่เป็นไร ฉันว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
ในระหว่างที่คุยกัน เย่เทียนได้เดินไปข้างหน้าและนั่งลงบนเตียงนุ่มๆอย่างไม่คิดมาก
คล้อยตามที่เย่เทียนเข้ามาใกล้ ซูเหมยรู้สึกถึงกลิ่นอายความเป็นผู้ชายแข็งแกร่งของเย่เทียนที่โชยมา ซึ่งทำให้เธอใจเต้นตึกตักในบัดดล และทำอะไรไม่ถูกไปสักพัก
เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนสังเกตเห็นความกังวลใจของเธอ เขาอดหัวเราะในใจไม่ได้ และเกิดความรู้สึกอยากแกล้งเธอ ดังนั้นเขาจึงแกล้งพูดขึ้นมา “ดึกขนาดนี้แล้ว เรามานอนกันเถอะ!”
“เรา?”
ซูเหมยได้ฟังดังนั้น ใบหน้างดงามของเธอยิ่งแดงมากขึ้น ขนตายาวเป็นแพสั่นระริก เปิดเผยความกระวนกระวายของเธอจนหมดสิ้น
“ใช่สิ! คุณดูสิ พ่อแม่ของคุณจัดแจงมาแบบนี้ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยจะทำให้ความหวังดีของพวกท่านเสียเปล่าเอานะ”
เย่เทียนพูดไปก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ ราวกับหมาป่าที่พุ่งไปหาแกะน้อยและพร้อมจะกินซูเหมยให้สิ้นซากในวินาทีถัดไป
ที่จริงความรู้สึกที่ซูเหมยมีต่อเย่เทียนนั้นซับซ้อนมาก เย่เทียนเป็นคนมีความสามารถสูง และเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีทางไม่รู้สึกอะไรกับเย่เทียนหรอก
เธอเองก็เช่นกัน!
แต่เธอรู้ว่าเย่เทียนแต่งงานแล้ว ระหว่างทั้งสองไม่มีอนาคต
ต่อให้เธอไม่สนใจ แต่คนนอกจะมองเธอยังไง?
เพราะฉะนั้นซูเหมยสับสนมาก
เธอสับสน เย่เทียนก็สับสนนิดหน่อยเช่นกัน
เขาดูออกว่าซูเหมยรู้สึกดีกับตัวเอง หากเขาเป็นฝ่ายรุกหน่อย บางทีซูเหมยอาจจะต่อต้านเล็กน้อย แต่ไม่มีทางปฏิเสธเขา!
แต่เย่เทียนรู้ว่าตัวเองและซูเหมยเข้ากันไม่ได้ พวกเขาอยู่กันคนละโลก
คิดมาถึงตรงนี้เย่เทียนอดลอบถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะรีบกลับมาเป็นปกติพร้อมกล่าว “เอาเถอะ ฉันแค่ล้อคุณเล่นเท่านั้น ฉันจะไปนอนบนโซฟา”
พูดเสร็จเย่เทียนก็ลุกขึ้นยืน
ซูเหมยที่ได้ยินแบบนี้ผงะทันที
แต่เมื่อเห็นแววตาใสสกาวของเย่เทียน เธอจึงรู้ว่าเย่เทียนไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ ในขณะเดียวกับที่เธอโล่งออกก็ผิดหวังขึ้นมาจางๆเช่นกัน……