เมิ่งชื่อลุกพรวด หันมาเบิกตากว้างมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่เชื่อ “ที่เจ้าพูดเป็นความจริง? พ้นปีใหม่เจ้าจะเข้าเมืองหลวงไปหาอิม?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ารับประกันหนักแน่น “ข้าพูดจริงทำจริง ไม่เพียงจะไปหาเขา ยังจะมัดเขากลับมาแต่งงานกับข้าด้วย”
เมิ่งชื่อน้ำตารื้อเอ่อคลอ พูดงึมงำ “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นนางถึงกับน้ำตาไหล ทำตัวไม่ถูกละล่ำละลักถาม “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป หรือข้าไม่ดีใจที่ข้าจะไปเมืองหลวง?”
เมิ่งชื่อปาดน้ำตา พูดว่า “ดีใจ ดีใจ พอได้ยินว่าเจ้าจะไปเมืองหลวง แม่ก็ดีใจมาก”
เมิ่งเอ้ออิ๋นแหย่เย้านาง “ดูเจ้าเถอะ ดีใจก็ร้องไห้ ทำลูกๆ ตกใจหมดแล้ว”
เมิ่งชื่อเงยหน้าเห็นสายตาเป็นกังวลของเด็กๆ ตัวเองก็รู้ให้รู้สึกผิด พูดว่า “ข้าวจะเย็นแล้ว รีบกินข้าวเถอะ”
ทุกคนได้สติกลับมา หันหน้ามองซึ่งกันและกันแวบหนึ่ง แล้วไล่เรียงกันนั่งลนเก้าอี้ข้างโต๊ะ ลงมือกินอาหาร
คงเพราะสังเกตได้ถึงบรรยากาศผิดปกติ เมิ่งเส้าที่ปกติชอบความครื้นเครง วันนี้ก็เอาแต่ตั้งใจกินข้าวในถ้วยตัวเอง
อาหารมื้อนี้กินเสร็จสิ้นไปอย่างเงียบเชียบ
หลังจากเก็บล้างเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกลับเข้าห้องตัวเอง
ซุนเชี่ยนที่กลับมาถึงเรือนตัวเอง ก็ซักถามเมิ่งเสียนว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมิ่งเสียนเล่าเรื่องตามความสัตย์จริงให้นางฟัง กำชับไม่ให้นางพลั้งปากพูดต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง ทั้งในช่วงเวลานี้ให้นางคอยระวังทั้งที่บ้านและโรงงานให้ดี ดูว่ามีบุคคลต้องสงสัยปรากฏตัวขึ้นละแวกนี้หรือไม่
ซุนเชี่ยนจำขึ้นใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้กลับมาที่ห้อง แต่เดินตรงมายังเรือนรอง
ตอนนี้ในเรือนรอง นอกจากครอบครัวของเหวินเปียวและพวกอู๋ต้าสิบคนแล้ว ห้องที่เหลือเป็นองครักษ์หลวงอาศัยอยู่จนเต็ม
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในลานเรือน กัวเฟยเห็นเข้า รีบเดินมาตรงหน้านาง ถามเสียงต่ำ “นายท่าน มีเรื่องอันใด?”
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกเรื่องถูกดักฆ่ากลางทางในวันนี้กับเขา “พวกเขาทำไม่สำเร็จ คาดว่าจะต้องลงมืออีก นับแต่คืนวันนี้ ให้เจ้าผลัดเปลี่ยนเวรเฝ้ายามโดยรอบเรือนไว้ หากได้ยินสิ่งผิดปกติให้แจ้งข้าทันที จำไว้ว่า ถ้าข้าไม่ได้สั่ง ห้ามใครลงมือโดยพลการ”
“ขอรับ นายท่าน” กัวเฟยรับคำ
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ กัวเฟยหันหลังออกไปสั่งองครักษ์หลวง
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิดครู่หนึ่ง เดินมาหาเหวินเปียวและพวกอู๋ต้า กำชับพวกเขาเวลาจะนอน ให้ตื่นตัวระแวดระวัง ได้ยินเสียงผิดปกติให้รีบลุกขึ้นทันที
ในครอบครัวไม่เกิดเรื่องมาหลายปีแล้ว ตอนนี้พวกอู๋ต้าใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญมานาน พอได้ยินว่ามีคนจะเข้ามาก่อเรื่อง ต่างกำหมัดตั้งท่า อยากจะอัดคนที่บุกเข้ามาให้ปลิวกระเด็นไปเสียตอนนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งพวกเขาอย่างเคร่งเครียด “อีกฝ่ายฝีมือไม่ด้อย หากพวกเขามา พวกเจ้าทั้งหมดพยายามอย่าเผชิญกับพวกเขาซึ่งหน้า เตรียมเชือกให้พร้อม เมื่อองครักษ์หลวงกำราบพวกเขาได้ พวกเจ้ามีหน้าที่มัดพวกเขาไว้ก็พอ”
งานนี้ดี พวกอู๋ต้าต่างดีอกดีใจ ถึงกับรอคอยให้มีคนเข้ามาก่อเรื่องจริงๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “ข้าเพียงป้องกันไว้ก่อน พวกเขาไม่แน่ว่าจะมา ปกติพวกเจ้าเคยทำสิ่งใดก็จงทำสิ่งนั้น เพียงเพิ่มความตื่นตัวให้มากก็พอ”
คนทั้งหมดพยักหน้ารับคำ
หลังจากจัดวางทุกอย่างเรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้องตัวเอง เห็นว่ายังหัวค่ำอยู่ จึงหยิบสมุนไพรออกมาปรุงยาลบรอยแผลเป็น
หลังจากจากกันเมื่อสี่ปีก่อน เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้เจอเหวินซื่ออีกเลย ทว่า ผ่านไประยะหนึ่งเขาก็จะส่งคนเข้ามารับยาลบรอยแผลเป็นอย่างต่อเนื่อง พอถึงเวลาสิ้นปีก็จะให้พนักงานนำเงินปันผลก้อนงามส่งมาให้
เมิ่งเชี่ยนโยวได้รู้จากจดหมายที่เขาฝากพนักงานส่งมาว่า เขาได้แต่งงานกับเฝิงจิ้งเหวินบุตรสาวคนโตของสกุลเฝิงแล้ว ทั้งสืบทอดร้านยาเต๋อเหรินทุกสาขาทั่วประเทศ กลายเป็นนายท่านโดยสมบูรณ์
ทว่า จากที่พนักงานบอก หลังการตายของหมอชรา ใบหน้าเหวินซื่อก็ไม่เคยปรากฏรอยยิ้มอีก ไม่ว่าไปที่ไหน จะแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ส่งผลให้พนักงานในร้านรวมถึงสาวใช้และบ่าวที่เห็นเขาในตอนนี้ต่างตกประหม่าหวาดกลัว
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าการจากไปของหมอชราจักต้องส่งผลกระทบต่อเหวินซื่อไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นถึงขั้นนี้ได้
พอคิดถึงเหวินซื่อที่เอาแต่ทำหน้าตึงทั้งวัน เมิ่งเชี่ยนโยวก็คลี่ยิ้มแล้วส่ายหัว
หลังจากบดสมุนไพรส่วนหนึ่งแหลกละเอียดดี เมิ่งเชี่ยนโยวก็วางเตรียมเอาไว้อีกด้าน
มองดูท้องฟ้า รู้สึกว่าดึกมากแล้ว จึงดับไฟตะเกียง เอนตัวนอนบนเตียงเตา ในสมองกลับมีร่างกระเปี๊ยกของเมิ่งอี้เซวียนปรากฎขึ้น อย่างไรก็ไม่อาจสะบัดหลุดได้
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายศีรษะ สบถเสียงต่ำ บังคับตัวเองให้ลบเงาร่างนั้นออกไปจากสมอง แล้วงัวๆ เงียๆ นอนหลับไป
ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจตื่นด้วยเสียงฝีเท้าหนึ่ง ยังไม่ทันตวาดถาม กัวเฟยก็ส่งเสียงต่ำเข้ามาจากนอกหน้าต่าง “นายท่าน พวกเขามาแล้วขอรับ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นพรวด ถามเสียงต่ำ “มีกี่คน?”
กัวเฟยตอบว่า “ประมาณห้าหกสิบคน ผู้นำเป็นคุณชายอ่อนเยาว์ท่านหนึ่ง แต่งกายไม่ธรรมดา อยู่ค่อนข้างไกล ทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัดขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดประตูเดินออกมา
กัวเฟยเดินเข้ามาใกล้พูดว่า “ข้าได้วางกำลังคนเฝ้าระวังในรัศมีโดยรอบแล้ว เมื่อเขาพบว่ามีคน จะรีบเข้ามารายงานทันที”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปถามไป “แจ้งคนอื่นแล้วหรือไม่?”
กัวเฟยรีบเดินขึ้นมาขนาบข้าง ตอบว่า “เตรียมกำลังไว้พร้อมแล้วขอรับ รอเพียงแม่นางสั่งการ”
“ถ่ายทอดคำสั่ง จัดการอย่างเงียบเชียบที่สุด อย่าให้เกิดเสียงอึกทึกได้ อีกอย่าง ให้ส่งคนมาเฝ้ารักษาการณ์ทุกลานเรือน อย่าให้พวกเขาทำให้คนในครอบครัวข้าตื่นตระหนก” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการ
กัวเฟยรับคำ จากไปถ่ายทอดคำสั่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวขบคิดครู่หนึ่ง เดินมาเรือนเมิ่งเสียน ทำเสียงดังกุกกัก
เมิ่งเสียนตกใจตื่น ถามเสียงต่ำ “ใคร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “ข้าเอง พี่ใหญ่ มีคนมาบ้านพวกเราจริงๆ ท่านอยู่แต่ในบ้านไม่ต้องไปไหน คอยคุ้มกันพี่สะใภ้ใหญ่และเส้าเอ๋อร์ก็พอ ข้าส่งคนไปคุ้มกันท่านพ่อท่านแม่แล้ว”
ในบ้านมีเสียงขยุกขยิกใส่เสื้อผ้า ตามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงดังออกมา “ข้ารู้แล้ว ข้าจะคุ้มครองพวกเขาเอง พวกเจ้าระวังตัวด้วย”
“ทราบแล้ว พี่ใหญ่” เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำแล้วเดินออกไป
กัวเฟยทำตามคำสั่งเมิ่งเชี่ยนโยว หลังจากจัดเตรียมคนเสร็จ ก็กลับมาข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยว คุ้มกันนางไม่ห่าง
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาด้านหน้าเรือน เฝ้าระวังหน้าประตูด้วยตัวเอง กัวเฟยยืนประกบข้างกายนาง
ไม่นานเท่าไหร่ ก็เห็นเงาชายชุดดำจำนวนไม่น้อยกระโดดขึ้นมาบนกำแพง สอดส่องเข้ามาในเรือน
เห็นลานเรือนเงียบสงบ คล้ายว่าคนในเรือนจะหลับสนิทแล้ว ชายคนหนึ่งส่งเสียงเบาสั่งการ “จำไว้ให้ดี เป้าหมายของพวกเราในวันนี้ก็คือจับตัวนางตัวดีนั่นให้ได้ เมื่อได้มาแล้ว ให้ถอนกำลังทันที”
ชายชุดดำทั้งหมดพยักหน้า กระโดดไล่ตามกันลงมาจากกำแพง แยกย้ายกันไปแต่ละลานเรือน
เพิ่งจะมาถึงทางเข้าลานเรือน ก็มีองครักษ์หลวงหลายนายพุ่งออกมาจากข้างประตู ลงมือห้ำหั่นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่ละกระบวนท่าดุดันหมายมุ่งจะเอาชีวิต
ชายชุดดำหลายคนหลบไม่ทัน โดยเข้าอย่างจัง ร่างอ่อนยวบไปกับพื้น
พรรคพวกที่เหลือคิดจะเข้าช่วย กลับถูกองครักษ์หลวงล้อมหน้าล้อมหลังไว้
พวกอู๋ต้ายิ้มร่าเข้าไปมัดคนที่นอนยวบไปกับพื้น
ทุกลานเรือนล้วนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พวกอู๋ต้ามีความสุขมาก วิ่งไปวิ่งมา มัดอย่างสนุกสนาน
ชายชุดดำที่เหลือเห็นว่าไม่ได้การ ต่างร้อนรน คิดจะหนีออกมา กลับถูกองครักษ์หลวงโจมตีจนแน่นิ่งฟุบไปกับพื้น ไม่มีแม้แต่โอกาสจะส่งข่าวไปด้านนอก
ทั้งหมดนี้ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบและว่องไว ไม่นานเท่าไหร่ก็สำเร็จลุล่วง
ชายชุดดำทั้งหมดถูกจับมัดแขนขา มีเศษผ้ายัดปาก โยนทิ้งอยู่กลางลานเรือนรอง
อู๋ต้านับอย่างถี่ถ้วน แล้วเข้ามารายงานอย่างอ่อนน้อม “นายหญิง ทั้งหมดสามสิบคนขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
แล้วอู๋ต้าก็ย่องกลับไปยังที่เรือนตัวเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวใคร่ครวญเล็กน้อย เปิดประตูเรือน เดินออกไป กัวเฟยตามหลังไปติดๆ
คุณชายอ่อนเยาว์และชายชุดดำที่เหลือนึกว่าชายชุดดำที่เข้าไปในเรือนทำสำเร็จแล้ว กำลังจะเอ่ยปากถาม กลับเห็นคนที่ออกมาเป็นเมิ่งเชี่ยนโยว ให้ตกตะลึงอ้าปากค้าง มองนางที่เดินยิ้มกริ่มออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถามขึ้น “ทุกท่าน ดึกดื่นมาที่บ้านพวกเรา เพื่อมาปล้นทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือว่าปล้นทรัพย์เล่า?”
เฮ่อเอ้อยืนขวางเบื้องหน้าคุณชายอ่อนเยาว์ ถามเสียงเกรี้ยว “คนของพวกเราเล่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “อากาศหนาวเหน็บ พวกเขาเดินทางมาไกลให้เหนื่อยล้า ลูกน้องข้ากำลังต้อนรับพวกเขาด้วยน้ำชา พวกท่านอยากจะเข้าไปดื่มด้วยกันหรือไม่?”
เฮ่อเอ้อไม่เชื่อ กำลังจะเอ่ยปากถาม
คุณชายอ่อนเยาว์ที่อยู่เบื้องหลังเขาผลักเขาออก เปล่งน้ำเสียงน่าเกรงขาม “นังสาวแก่เทื้อคาเรือน เจ้าพูดปดชัดๆ เจ้าฆ่าคนของข้าไปแล้วใช่หรือไม่?”
กัวเฟยเห็นใบหน้าเขาชัดเจนก่อน ตกใจสะดุ้ง ถึงกับร้องอุทาน “แม่นาง!” ส่งสายตาให้เมิ่งเชี่ยนโยวรีบดู
เมิ่งเชี่ยนโยวก็เห็นใบหน้าเขาชัดเจนแล้ว หัวใจกระตุกไหวเล็กน้อย คุณชายอ่อนเยาว์ตรงหน้าท่านนี้ มีดวงตาเหมือนเมิ่งอี้เซวียนแทบจะทุกประการ
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจหนักอึ้ง รอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่เปลี่ยน ยิ้มถามอย่างสุภาพ “ท่านระดมกำลังคนจำนวนมากเข้ามากลางดึก จักต้องมีเรื่องสำคัญ ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องอันใด ข้าจะได้ตายตาหลับ”
คุณชายอ่อนเยาว์แค่นเสียงหึ พูดว่า “เจ้าลงไปถามยมบาลในนรกเองเถอะ เขาจักต้องบอกความเจ้า”
ว่าแล้ว ก็โบกมือให้สมุนข้างกาย “เฮ่ออี ส่งนางไปปรโลก!”
เฮ่ออีรับคำ ง้างกระบวนท่าดุดันเข้าโจมตีเมิ่งเชี่ยนโยว
กัวเฟยพุ่งเข้ามา ขวางการจู่โจมของเขา
ทั้งสองปะทะกัน ไม่นานก็ผ่านไปหลายกระบวนท่า
คุณชายอ่อนเยาว์เห็นว่าเหลือเมิ่งเชี่ยนโยวเพียงคนเดียว หันไปโบกมือให้คนเบื้องหลัง “เฮ่อซื่อ เจ้าไปฆ่านางซะ”
เฮ่อซื่อรับคำ โผเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว
กัวเฟยร้อนใจ คิดจะเข้ามาคุ้มกันเมิ่งเชี่ยนโยว
เฮ่ออีกลับไม่ปล่อยโอกาสให้เขา เร่งเข้าโรมรันโจมตี เหนี่ยวรั้งเขาไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวกลัวเขาวอกแวกแล้วจะเสียเปรียบ พูดเสียงเข้ม “ไม่ต้องเป็นห่วงข้า จับตัวเขาให้ได้ก่อน”
สิ้นเสียง เฮ่อซื่อก็โจมตีเข้ามาด้านหน้า
เมิ่งเชี่ยนโยวถอยหลังหนึ่งก้าว แสงสะท้อนวาบออกมาจากฝ่ามือ กริชพุ่งเข้าหาหน้าผากของเฮ่อซื่อ
เฮ่อซื่อเหงื่อท่วมร่าง พลิกตัวกลับ ถอยหลังไปโดยไว หลบเลี่ยงการตอบโต้ของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ให้โอกาสเขาได้หายใจ ฉวยโอกาสนี้โจมตีด้วยกระบวนท่าเ**้ยมโหดติดต่อกัน
เฮ่อซื่อรับมือไม่ไหว ถูกกริชกรีดเป็นทางที่แขน
เฮ่อซื่อแค่นเสียงหึ เดินโยกเยกกลับไปข้างกายคุณชายอ่อนเยาว์
เมิ่งเชี่ยนโยวไล่ตามเข้ามา พวกชายชุดดำยังไม่ทันได้สติกลับมา กริชในมือก็จ่อที่คอยหอยคุณชายอ่อนเยาว์แล้ว น้ำเสียงเ**้ยมดังตามมา “ไม่อยากให้เขาสิ้นลมหายใจ ก็วางมือซะ”
ชายชุดดำที่เหลือตกตะลึง ต่างร้องเสียงลั่น “คุณชายรอง!”
เฮ่ออีก็ตกใจกับเหตุการณ์พลิกผันนี้ พะว้าพะวัง ทำให้กัวเฟยได้โอกาสกระโดดถีบใส่
เฮ่ออีรีบลุกขึ้น ลอยตัวมาข้างกายคุณชายอ่อนเยาว์ หมายจะช่วยเขาออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มเ**้ยม ออกแรงที่มือเล็กน้อย ลำคอของคุณชายอ่อนเยาว์มีเลือดซึมออกมา
ตามมาด้วยคำพูดข่มขู่จากเมิ่งเชี่ยนโยว “ตอนพวกเจ้ามาคงสืบมาเป็นอย่างดีแล้ว ข้าเป็นคนมีความอดทนต่ำ หากพวกเจ้ายังกล้าทำการบุ่มบ่าม ถ้ามือข้าสั่น ไม่รู้ว่ากริชนี้จะบาดคอหอยของเขาหรือไม่”
เฮ่ออีรีบยกมือห้าม “มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน เจ้าห้ามทำร้ายคุณชายรองเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวเบ้ปาก แสยะยิ้มดูแคลน “ตอนนี้รู้จักพูดจาดีๆ แล้ว เมื่อครู่เห็นเอาแต่คำรามร้องให้ฆ่าข้า”
พูดจบ ก็กดกริชชิดลำคอคุณชายอ่อนเยาว์
คุณชายอ่อนเยาว์ก็ใจเด็ด ไม่ร้องเจ็บปวด เพียงแค่นเสียงหึ
มือของเฮ่ออีสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด ลนลานพูดว่า “แม่นางห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาด เขาคือองค์ชายรองแห่งจวนอ๋องฉี น้องชายแท้ๆ ขององค์ชาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าววาจาเจือแววเสียดสี “จากที่ข้ารู้ พระชายาอ๋องฉีมีโอรสเพียงองค์เดียว ก็คือองค์ชายจวนอ๋องฉี น้องชายแท้ๆ คนนี้โผล่ออกมาจากไหน?”
เฮ่ออีรีบร้อนตอบ “เขาเป็นคุณชายรองบุตรที่เกิดจากพระชายารอง เป็นน้องชายแท้ๆ ขององค์ชายไม่ผิดแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวแก้คำพูดเขา “น้องชายและน้องชายแท้ๆ ต่างกันเพียงคำเดียว แต่ความหมายต่างกันลิบ เมื่อพวกเจ้าเป็นคนของจวนอ๋องฉี หลักการตื้นๆ แค่นี้กลับไม่เข้าใจเรอะ?”
เฮ่ออีไม่คิดว่าหญิงบ้านนาอย่างนาง จะรู้เรื่องพวกนี้ ให้สะอึกพูดไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวกุมตัวคุณชายรองก้าวมาข้างหน้า ชายชุดดำด้านหลังคิดจะตามขึ้นมา
เมิ่งเชี่ยนโยวตวาดพวกเขา “พวกเจ้าอย่าขยับ หากทำข้าตกใจมือสั่น บาดโดนคอหอยคุณชายรองของพวกเจ้าเข้า พวกเจ้าไม่มีหน้ากลับไปรายงานแน่”
ทั้งหมดตกใจไม่กล้าขยับอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินขึ้นหน้ามาสองสามก้าวก็หยุด ส่งสายตาให้กัวเฟยเรียกคนเข้ามา
กัวเฟยเอานิ้วแนบข้างปาก เป่าเสียงหวีดต่ำสั้นกระชับหนึ่งออกมา
องครักษ์หลวงในเรือนได้ยินเสียง ออกมาหน้าประตูอย่างพร้อมเพรียง
พวกอู๋ต้าก็วิ่งตามออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวมอบตัวคุณชายรองให้กัวเฟย ยิ้มถามชายชุดดำที่เหลือ “พวกเจ้าจะมัดตัวเอง หรือจะให้คนของข้าตีพวกเจ้าสลบก่อนค่อยมัดตัว?”
เฮ่ออีมองคุณชายรองที่ถูกควบคุมไว้ ขบกรามโบกมือ ส่งสัญญาณให้ชายชุดดำยกเลิกการขัดขืน
พวกอู๋ต้ายิ้มร่าวิ่งเข้ามา มัดตัวคนที่เหลือทั้งหมด หลังการให้สัญญาณของกัวเฟย องครักษ์หลวงส่วนหนึ่งและพวกอู๋ต้าก็นำตัวชายชุดดำที่เหลือมายังสนามฝึกยุทธ์
เพื่อไม่ให้รบกวนชาวบ้าน เมิ่งเชี่ยนโยวสร้างสนามฝึกยุทธ์ที่เนินเขา ห่างจากหมู่บ้านค่อนข้างไกล
คนหนึ่งโขยงมาถึงสนามฝึกยุทธ์ พวกอู๋ต้าถึงถอนใจโล่ง เอ่ยปากพูดเสียงดังฉะฉาน ด้วยความยินดี “วันนี้มีความสุขมากจริงๆ ยังไม่ทันได้ออกแรงก็มัดคนได้มากเช่นนี้”
เฮ่ออีถลึงตาใส่พวกเขา
อู๋ต้าไม่กลัวเขา ถลึงตากลับ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมากลางสนามฝึกยุทธ์ อู๋ต้ายกม้านั่งเข้ามาอย่างอ่อนน้อม วางไว้ด้านหลังนาง “นายหญิง เชิญนั่งขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองชมเชยเขา นั่งลงแล้วสั่งพวกอู๋ต้า “พวกเจ้ากลับไปบอกพี่ใหญ่ข้าว่าไม่มีอะไรแล้ว ให้พวกเขานอนให้สบาย และนำตัวคนที่เหลือเข้ามา ฟ้าสางท่านพ่อท่านแม่มาเห็นจะตื่นตกใจได้”
อู๋ต้ารับคำ กลับไปที่บ้านพร้อมซุนเอ้อ
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มให้คุณชายรอง พูดว่า “พูดมาเถอะ จุดประสงค์ที่ท่านนำคนมามายมายเช่นนี้คืออะไร?”
คุณชายรองแค่นเสียงหึ ไม่พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวเหล่มองเขาแวบหนึ่ง หันไปยิ้มถามเฮ่ออี “พูดมา พวกเจ้าต้องการมาทำอะไรกันแน่?”
เฮ่ออีมองคุณชายรอง อ้าปากกำลังจะตอบ
ถ้อยคำข่มขู่หลุดออกมาจากปากคุณชายรอง “ทาสชั้นต่ำ หากเจ้ากล้าพูดออกมา ข้าจะตัดลิ้นเจ้าเดี๋ยวนี้”
เฮ่ออีหุบปากนิ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องจิ๊ๆ พูดว่า “ช่างเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก”
คุณชายรองถลึงตาใส่นาง พูดว่า “ข้าคือคุณชายรองแห่งจวนอ๋องฉี จะรักตัวกลัวตายได้อย่างไร วันนี้ตกในเงื้อมือเจ้า จะฆ่าจะแกงก็เชิญ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินวนรอบเขาสองรอบ พูดพึมพำอย่างลำบากใจ “ลงมือจากส่วนไหนก่อนดีนะ?”
คุณชายรองขนลุกชัน เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบ้างขึ้นในใจ ถามอึกๆ อักๆ “เจ้า เจ้าหมายความว่าอะไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขาตามตรง “ท่านมิได้รักตัวกลัวตายมิใช่หรือ? ข้ากำลังคิดว่าจะลงมีดจากส่วนไหนของร่างกายท่านก่อนดี ให้ท่านได้เห็นเนื้อค่อยๆ ถูกแล่ออกเป็นชิ้นๆ ด้วยตาตัวเอง”
คุณชายรองตื่นกลัวร้องลั่น “เจ้ากล้า!”
เฮ่ออีและคนอื่นๆ ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มเ**้ยมให้เขา “คิดว่าท่านคงจะส่งคนมาสืบความดีแล้วว่าข้าเป็นคนเช่นไร ท่านคิดว่าข้ามีเรื่องที่ไม่กล้าทำหรือ?”