คำพูดเย็นเยียบบวกกับรอยยิ้มเ**้ยมเกรียม ทำเอาคุณชายรองขนพองสยองเกล้า ตกใจกลัวจนขนลุกชันไปทั้งตัว ริมฝีปากสั่นระริก คิดจะพูดบางอย่าง กลับเปล่งเสียงไม่ออก

 

 

เฮ่ออีตกใจตัวสั่น กลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะลงมือจริงๆ ไม่สนใจคำเตือนเมื่อครู่ของคุณชายรอง ร้อนรนพูดว่า “แม่นางอยากรู้อะไร ข้าจะบอกเจ้า”

 

 

ครั้งนี้คุณชายรองไม่คัดค้านแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเพียงปรายตามองเฮ่ออีแวบหนึ่ง แล้วเก็บคืนแววตา หันกลับมาจ้องคุณชายรองเขม็ง

 

 

คุณชายรองรู้สึกขนลุกชันสยองเกล้า ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน

 

 

กริชในมือกัวเฟยที่แนบลำคอเขา รับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวนั้น ด้วยกลัวจะทำเขาบาดเจ็บ ค่อยๆ ขยับกริชออกห่างจากลำคอเขา

 

 

คุณชายรองที่กำลังหวาดกลัวสุดขีด ไม่อาจรับรู้ได้เลย

 

 

เฮ่ออีและคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครเห็น ตกใจลนลานรบเร้าคุณชายรอง “คุณชายรอง ท่านพูดเถอะขอรับ การถูกแล่เนื้อทีละชิ้นเจ็บปวดมากนะขอรับ”

 

 

คุณชายรองที่กลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้ยินคำพูดเฮ่ออี ยิ่งให้ขวัญหนีดีฝ่อ ปากสั่นพะงาบๆ ครู่หนึ่ง ถึงตะกุกตะกักถามไม่เป็นคำ “เจ้า เจ้าอยากจะรู้อะไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบยิ้มในใจ สีหน้านิ่งเฉย นั่งบนม้านั่งอย่างสบายอุรา ถึงเอ่ยปากถามเขา “เจ้าชื่ออะไร เหตุใดต้องมาฆ่าข้า?”

 

 

คุณชายรองกลืนน้ำลายอย่างยากเข็ญ ตอบความ “ข้าชื่อหวงฝู่อวี้ ที่ข้ามาฆ่าเจ้าก็เป็นเพราะ เป็นเพราะว่า…”

 

 

คำต่อจากนั้นไม่ได้พูดออกมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งตะแคง โน้มลำตัวไปเบื้องหน้าเขา เปล่งน้ำเสียงเย็นเยียบ “หือ?”

 

 

หวงฝู่อวี้ตกใจหวีดร้องพลัน “เพราะว่าพี่ใหญ่ไม่ยอมแต่งงานกับเยียนเอ๋อร์เพื่อเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งยืดตัวตรง ขมวดคิ้วถาม “ใครคือเยียนเอ๋อร์?”

 

 

เมื่อพูดออกไปแล้ว หวงฝู่อวี้จึงไม่ปิดบังอีก พูดทั้งหมดออกมาจนหมดเปลือก “เยียนเอ๋อร์เป็นธิดาราชเลขาฝ่ายการทหาร หมั้นหมายกับพี่ใหญ่ไว้ตั้งแต่ยังเยาว์ ปีนี้อายุสิบห้าปีแล้ว ก่อนหน้านี้พระบิดาหารือกับพี่ใหญ่เรื่องงานสมรสของเขากับเยียนเอ๋อร์ เขาบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอม บอกว่ามีความสัมพันธ์ทางกายกับเจ้าแล้ว จะแต่งเจ้ามาเป็นพระชายา เยียนเอ๋อร์รอพี่ใหญ่มาหลายปี บัดนี้พี่ใหญ่กลับไม่ยินยอมแต่งกับนาง ทำให้นางกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองหลวง เยียนเอ๋อร์เจ็บปวดรวดร้าวใจ คิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง”

 

 

“เช่นนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า เหตุใดเจ้าต้องมาฆ่าข้า?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามต่อ

 

 

หวงฝู่อวี้ตอบอย่างแน่วแน่ “ข้าเติบโตมาพร้อมเยียนเอ๋อร์ ในใจนางมีเพียงพี่ใหญ่ บัดนี้พี่ใหญ่กลับไม่ยินยอมแต่งกับนาง เพราะมีหญิงสาวบ้านนาชั้นต่ำอย่างเจ้าขวางกั้นอยู่ ขอเพียงข้าฆ่าเจ้าตาย พี่ใหญ่จักต้องยอมแต่งกับนาง”

 

 

สิ้นเสียงเขา “เพี๊ยะ” ท่ามกลางรัตติกาลอันเงียบสงบเสียงก้องกังวานหนึ่งดังขึ้นพลัน

 

 

หวงฝู่อวี้เบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อ ถามเสียงกร้าว “เจ้ากล้าตีข้า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร ตบไปที่กะโหลกของเขาเต็มแรงอีกครั้ง “ตีเจ้าแล้วอย่างไร? ปากเจ้าเหม็นเยี่ยงนี้ น่าเอายาพิษอุดปากยิ่งนัก”

 

 

เฮ่ออีและคนทั้งหมดนิ่งอึ้ง

 

 

แม้หวงฝู่อวี้จะถือกำเนิดจากพระชายารอง แต่ในตอนนั้นยังหาตัวองค์ชายไม่พบ ในตระกูลมีเขาเพียงคนเดียว ทุกคนต่างโอ๋เอาใจเขา อย่าว่าแต่ถูกคนตบตี คำพูดแรงๆ สักคำก็ไม่มีใครกล้าพูด ภายหลังองค์ชายคืนกลับมา นอกจากจะไม่ได้สืบทอดตำแหน่งองค์ชาย สิ่งอื่นหาได้มีความเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวกลับตบเขาสองฉาด สำหรับหวงฝู่อวี้และพวกเฮ่ออีแล้ว นี่คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง

 

 

เป็นดังว่า หวงฝู่อวี้ไม่สนกริชที่จอคอยหอยตัวเองของกัวเฟย ดิ้นรนสุดชีวิตให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา หมายจะตอบโต้เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

“ปล่อยเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งกัวเฟย

 

 

กัวเฟยรับคำสั่งปล่อยมือจากเขา

 

 

หวงฝู่อวี้เข้าจู่โจมเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยกระบวนท่ารุกฆาต ปากร้องพูดว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า นังผู้หญิงชั้นต่ำ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ รอจนหวงฝู่อวี้มาถึงเบื้องหน้า ถึงหาจังหวะเหมาะถีบออกไปเต็มแรง

 

 

หวงฝู่อวี้ถูกถีบกระเด็น ล้มหน้าหงายไปบนพื้น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเหยียดหยาม “ด้วยฝีมือกระจอกของเจ้าคิดจะมาต่อกรกับข้า?”

 

 

หวงฝู่อวี้ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองยังไม่ทันได้เข้าใกล้เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถูกถีบออกมา เป็นที่รู้กันว่าด้วยวรยุทธ์ของเขากำราบองครักษ์ลับสองสามคนได้อย่างง่ายดาย หลงว่าตนเองมีวรยุทธ์สูงส่ง

 

 

เฮ่ออีเห็นหวงฝู่อวี้เสียเปรียบ เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข พระชายารองมักกำชับพวกเขา ห้ามให้คุณชายได้รับบาดเจ็บ เวลาต่อสู้กับเขาต่างไม่กล้าใช้วรยุทธ์แท้จริง ทุกครั้งจะแสร้งพ่ายแพ้ให้แก่เขา

 

 

เขาที่ได้ต่อสู้กับเมิ่งเชี่ยนโยวคือการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าบอกความจริงกับเขา

 

 

หวงฝู่อวี้นึกว่าเมื่อครู่ตัวเองประมาทคู่ต่อสู้ รวบรวมกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้น เข้าจู่โจมเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงไม่ขยับ เตะไปที่หัวเข่าของเขา

 

 

หวงฝู่อวี้เจ็บจนแทบทนไม่ไหว ฟุบไปกับพื้น ฟันกระทบกันเลือดซึมไหลออกจากมุมปาก

 

 

เฮ่ออีและคนอื่นๆ ร้องอุทาน “คุณชายรอง!”

 

 

หวงฝู่อวี้ที่รู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง นอนฟุบแน่นิ่งไม่ไหวติง

 

 

เฮ่ออีขวัญเสีย คิดจะสะบัดให้หลุดจากการจับกุมของพวกองครักษ์หลวง เมิ่งเชี่ยนโยวเปล่งน้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้น “วางใจเถอะ เขายังไม่ตาย”

 

 

หวงฝู่อวี้ร้องซี้ดด้วยความเจ็บปวด

 

 

เฮ่ออีและคนอื่นๆ ถึงวางใจลง ลนลานขอร้องแทนหวงฝู่อวี้

 

 

เฮ่ออีพูดว่า “แม่นางเมิ่ง อย่างไรคุณชายรองของพวกเราก็เป็นน้องชายองค์ชาย ขอท่านโปรดเมตตา จะฆ่าเขาไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ “ให้ข้ามีเมตตา? ตอนพวกเจ้าลงมือเหตุใดไม่พูดว่ามีเมตตาบ้าง วันนี้เพราะพวกเราคนมาก ถึงจับกุมพวกเจ้าได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ครอบครัวข้าคงถูกพวกเจ้าฆ่าตายไปหมดแล้ว”

 

 

เฮ่ออีส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้น คุณชายรองเพียงสั่งให้พวกเราฆ่าเจ้า มิได้คิดจะฆ่าพวกเจ้าทั้งครอบครัว”

 

 

พูดจบถึงรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป ตาลีตาลานแก้คำพูด “ไม่ใช่ๆๆ คุณชายรองของพวกเราหาได้พูดเช่นนี้ไม่ พวกเราเพียงคิดจะจับเจ้ามา บีบให้องค์ชายถอนหมั้นกับเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มเ**้ยมเกรียม เดินเข้าไปเตะกระทุ้งหวงฝู่อวี้ที่นอนไม่ไหวติงสองครั้ง “ไสหัวลุกขึ้นมา ไม่ต้องแกล้งตาย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวออกแรงเตะสุดแรงเกิด หวงฝู่อวี้รู้สึกว่าเจ็บแปลบบริเวณที่ถูกนางเตะ ฝืนประคองร่างลุกขึ้นช้าๆ เขาหาได้ยอมจำนนไม่ เช็ดเลือดข้างมุมปากแล้วพูดว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า ขจัดขวากหนามของเยียนเอ๋อร์ให้สิ้นซาก เจ้าแน่จริงก็ฆ่าข้าสิ ดูว่าพระบิดาและท่านตาข้าจะถล่มหมู่บ้านแห่งนี้ให้ราบเป็นหน้ากลองอย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวย่อตัวลง ชี้ภูเขาทมิฬไกลลิบ พูดว่า “รู้หรือไม่ว่าภูเขานั้นใหญ่แค่ไหน? บนนั้นมีสัตว์ร้ายมากเพียงใด? ข้าเพียงเอาพวกเจ้าไปปล่อยบนนั้น ไม่ถึงสามวัน พวกเจ้าก็จะถูกสัตว์ร้ายกินจนไม่เหลือกระดูก จะคิดบัญชีกับข้า ก็หาหลักฐานมาให้ได้สิ”

 

 

หวงฝู่อวี้มองภูเขาไกลลิบ ให้สยองพองเกล้าอีกครั้ง แสร้งข่มขวัญตบตา พูดว่า “เจ้ากล้า!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ ข่มขู่เขา “ข้าไม่กล้า? หลายปีมานี้ข้าไม่รู้ว่าโยนคนขึ้นไปเป็นอาหารสัตว์ร้ายมากี่คนแล้ว เพิ่มพวกเจ้าเข้าไปจะเป็นอะไร ข้ามีอะไรต้องไม่กล้าอีกเล่า”

 

 

อย่าว่าแต่หวงฝู่อวี้ พวกเฮ่ออีและคนอื่นๆ ได้ยินต่างก็ขนหัวลุกชัน รีบร้อนร้องขอชีวิต “แม่นางเมิ่ง ท่านไว้ชีวิตคุณชายรองของพวกเราเถอะ”

 

 

ในน้ำเสียงเมิ่งเชี่ยนโยวเจือความอาฆาต “ปล่อยเขา ให้ภายหลังเขาได้โอกาสมาฆ่ายกครัวข้าเรอะ?”

 

 

เฮ่ออีส่ายหน้างุด “มิใช่ ครั้งนี้คุณชายรองสั่งพวกเราออกมาโดยพลการ หลังจากกลับเข้าเมืองหลวง พอท่านอ๋องทราบเรื่องจะต้องลงโทษเขา ภายหน้าเขาจะไม่มีโอกาสออกจากเมืองหลวงได้อีก”

 

 

ไม่คิดว่าพอเมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังจะพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลว่าภายหน้าอ๋องฉีจะสืบมาถึงข้าได้”

 

 

ว่าแล้วก็สั่งการกัวเฟย “จับเจ้าหน้าอ่อนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินดำคนนี้โยนขึ้นเขาไปก่อน”

 

 

กัวเฟยกลั้นขำ เปล่งเสียงขานรับ เดินมาตรงหน้าหวงฝู่อวี้ คิดจะจับตัวเขาขึ้น

 

 

หวงฝู่อวี้เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวจะจับเขาโยนขึ้นเขาเป็นอาหารสัตว์ร้ายจริงๆ ตกใจขวัญเสีย ดิ้นหลบไปด้านหลังพลางพูดขอร้อง “ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ให้ใครมาฆ่าเจ้าอีก เจ้าไว้ชีวิตข้าเถอะ”

 

 

เฮ่ออีและคนอื่นๆ ไม่เคยเห็นหวงฝู่อวี้ในสภาพนี้มาก่อน ต่างตกตะลึงตาค้าง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบยิ้มในใจ แล้วชักสีหน้าสั่งกัวเฟย “ยังไม่รีบอีก!”

 

 

กัวเฟยรับคำ ยกหวงฝู่อวี้ขึ้น