ตอนที่ 316 คารวะบรรพชนคืนสู่ตระกูล / ตอนที่ 317 แต่งตั้งรัชทายาท

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 316 คารวะบรรพชนคืนสู่ตระกูล 

 

 

 

 

 

“เรารู้ว่าเจ้าสามารถแบกรับภารกิจใหญ่ได้ ไม่ทำให้เราผิดหวัง เราจะมอบหน่วยองครักษ์อุทยานตะวันออกของเราให้เจ้า พวกเขาจะคุ้มครองความปลอดภัยของเจ้า เรายังจะมอบขุนนางเก่าหลายคนให้เจ้า วันหลังพวกเขาจะติดตามเจ้า พวกเขาเป็นคนที่เราคัดสรรมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยในความจงรักภักดีของพวกเขา 

 

 

นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพสยบปฐพี แม่ทัพนี้บัญชาทัพใหญ่ ซิ่นอ๋องยังต้องยำเกรงเขาสามส่วน เวลานี้ซิ่นอ๋องพยายามดึงแม่ทัพสยบปฐพีเป็นพวก 

 

 

เฉินหรง แม่ทัพสยบปฐพีมีบุตรชายสามธิดาหนึ่ง เขารักธิดาคนเดียวมาก นางสวยสง่าเฉลียวฉลาด เด็ดเดี่ยวห้าวหาญ เคยปลอมตัวเป็นชายไปร่วมรบกับบิดา เป็นแม่ทัพเก่งกาจที่หาได้ยาก มีความสามารถเหนือพี่ชายทั้งสอง 

 

 

เฟิงชิงสุ่ยมีบารมีมากในกองทัพตระกูลเฟิง ถ้าเจ้าได้นางเป็นภรรยา ก็จะได้รับการสนับสนุนจากกองทัพตระกูลเฟิง ถึงตอนนั้นเฟิงชิงสุ่ยยังช่วยเจ้าอีกแรงหนึ่ง เมื่อมีการสนับสนุนจากพวกเขา เจ้าจะอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคง” 

 

 

ฟู่เฉินหรงเคยได้ยินชื่อเสียงของเฟิงชิงสุ่ยมาก่อน เพิ่งมาถึงแค้วนเจียงก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเฟิงชิงสุ่ยไม่น้อย 

 

 

นางเป็นธิดาคนเดียวของเฟิงเชียนซึ่งเป็นแม่ทัพสยบปฐพี ศึกษาตำราพิชัยสงครามตั้งแต่เล็กจนเชี่ยวชาญ เคยปลอมตัวเป็นชายออกไปรบร่วมกับเฟิงเชียน รบชนะชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนที่คอยรบกวนชายแดนแคว้นเจียงเป็นประจำ ชื่อเสียงของนางจึงเลื่องลือตั้งแต่นั้น  

 

 

ซุ่นตี้ทรงอยากแต่งตั้งให้นางเป็นแม่ทัพ แต่เฟิงชิงสุ่ยปฏิเสธ แม้นางไม่ได้เป็นขุนนางราชสำนัก แต่เฟิงชิงสุ่ยมีบารมีมากในกองทัพตระกูลเฟิง ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของเฟิงเชียน พี่ชายสามคนล้วนสู้นางไม่ได้ 

 

 

ผู้หญิงแปลกเช่นนี้นับว่าเป็นบุคคลในตำนาน ถ้าไม่มีซูจิ่วซือ ฟู่เฉินหรงย่อมไม่ปฏิเสธนาง แต่เขามีซูจิ่วซือแล้ว 

 

 

ฟู่เฉินหรงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทันทีที่ซุ่นตี้ตรัสจบ เขาก็ปฏิเสธทันที “เสด็จปู่ หลานสามารถร่วมมือกับแม่ทัพสยบปฐพี แต่หลานไม่สามารถแต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย ในใจหลานมีคนรักแล้ว” 

 

 

“เจ้าหมายถึงองค์หญิงอันผิงแห่งแคว้นเว่ยใช่หรือไม่” 

 

 

แม้พระองค์ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นนางมาก่อน แต่ซุ่นตี้ทรงรู้ว่ามีซูจิ่วซืออยู่ 

 

 

ฟู่เฉินหรงไม่ปฏิเสธ “ใช่พ่ะย่ะค่ะ นางคือคนที่หลานรัก หลานจะแต่งงานกับนาง” 

 

 

“เหลวไหล องค์หญิงแคว้นเว่ยไม่มีอำนาจบารมีจะช่วยอะไรเจ้าได้ เฉินหรง เวลานี้เจ้าไม่ใช่ปลอดภัยไร้กังวล แต่มีภัยรอบด้าน ถ้าไม่ระวังตัว แม้แต่เราก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นการตระเตรียมที่ดีที่สุด เฟิงชิงสุ่ยมีคุณสมบัติที่จะเป็นชายาของเจ้า องค์หญิงแคว้นเว่ยคนนั้นไม่คู่ควรกับเจ้า” 

 

 

ซุ่นตี้ไม่พอพระทัยเมื่อทรงได้ยินว่าฟู่เฉินหรงจะแต่งงานกับองค์หญิงแห่งแคว้นเว่ย พระองค์ทรงทุ่มเทจัดการทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าฟู่เฉินหรงไม่ยอมปฏิบัติตาม ที่ทรงทุ่มเทไปก็เปล่าประโยชน์ 

 

 

พระองค์ทรงรู้ดีว่าซิ่นอ๋องเป็นคนโหดเ**้ยม ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้แคว้นเจียงตกอยู่ในมือซิ่นอ๋อง จึงทรงเลือกฟู่เฉินหรง ทรงเชื่อว่าฟู่เฉินหรงจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ 

 

 

“เรื่องอื่นหลานสามารถทำตามที่เสด็จปู่จัดการได้ ยกเว้นเรื่องแต่งงาน หลานอยากตัดสินใจเอง” 

 

 

“ถ้าเจ้าชอบนางจริง สามารถเอานางมาอยู่เคียงข้าง เป็นชายารอง แต่ชายาเอกจะต้องเป็นเฟิงชิงสุ่ย เฉินหรง นี่เป็นราชโองการ เจ้าไม่อาจขัดขืน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องรักใคร่ของชายหญิง เจ้ามีภาระรับผิดชอบแคว้นเจียงทั้งแผ่นดิน” 

 

 

พอตรัสถึงตอนท้าย ซุ่นตี้ทรงตื่นเต้น ทรงไอหลายครั้ง จากนั้นจึงตรัสต่อ “สุขภาพของเราไม่เหมือนก่อนแล้ว คงช่วยเจ้าได้อีกไม่นาน เฉินหรง ภาระนี้หนักมาก แต่เจ้าต้องรับไว้ เจ้าเป็นเด็กฉลาด จะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้” 

 

 

“เสด็จปู่ หลานเข้าใจพระประสงค์ของเสด็จปู่ดี หลานจะร่วมมือกับเฟิงเชียน แต่ไม่อยากแต่งง่านกับเฟิงชิงสุ่ย เรื่องอื่นไม่มีปัญหา” 

 

 

“เจ้าควรเข้าใจ การแต่งงานเป็นวิธีเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีที่สุด” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 317 แต่งตั้งรัชทายาท 

 

 

 

 

 

ฟู่เฉินหรงย่อมเข้าใจ แต่เขาไม่อยากทำให้ซูจิ่วซือผิดหวัง 

 

 

ทั้งสองสัญญาจะครองรักกันจนแก่เฒ่า ซูจิ่วซือเป็นหญิงที่เคยผิดหวังมาก่อน เขาตัดสินใจไว้แล้วว่าจะรักและทะนุถนอมซูจิ่วซือ ถ้าเขาแต่งงานกับหญิงอื่น เขารู้ว่าซูจิ่วซือคงไม่ยอมพบเขาอีก เขาอาจสูญเสียนางตลอดกาล 

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบนางคือหญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย 

 

 

เขาไม่ชอบให้ใครข่มขู่ ยิ่งไม่ชอบอาศัยการแต่งงานเป็นเครื่องมือ 

 

 

“เจ้ากลับไปก่อน คิดทบทวนที่เราพูดให้ดี เฉินหรง เจ้าเป็นเด็กฉลาด” 

 

 

ซุ่นตี้ไม่ตรัสอะไรอีก ทรงโบกพระหัตถ์ให้กู้เฉินหรงออกไป 

 

 

กู้เฉินหรงเองก็รู้ว่าซุ่นตี้ตรัสไปก็ไร้ประโยชน์ พอกราบถวายบังคมแล้วก็ออกไป เขาไม่มีวันรับปากแต่งงานครั้งนี้ และไม่มีวันแต่งงานกับเฟิงชิงสุ่ย 

 

 

หลังจากที่กู้เฉินหรงไปแล้ว ขันทีใหญ่หวังฝูซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ยกน้ำชาถวายซุ่นตี้ แล้วทูลอย่างระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท เกรงว่าองค์รัชทายาทคงไม่รับปากแต่งงาน” 

 

 

“เราแค่ถามความเห็นเขา เขาจะตกลงหรือไม่ไม่สำคัญ เฟิงชิงสุ่ยพยักหน้ารับแล้ว ในเมื่อนางยินดีแต่งงาน พรุ่งนี้เราจะประกาศพระราชทานการหมั้นหมาย พอมีราชโองการแล้ว ก็ไม่ขึ้นกับเขาว่าจะแต่งหรือไม่ ขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เฉินหรงรู้แก่ใจดี ไม่อาจทำเรื่องโง่เขลาเพราะผู้หญิงคนเดียว เขาต้องรับภาระแคว้นเจียงทั้งหมด เราไม่ยอมให้ผู้หญิงคนเดียวทำให้เสียการใหญ่ ถ้าเขายังยืนกรานปฏิเสธ เราคงต้องสังหารผู้หญิงคนนั้น” 

 

 

ซุ่นตี้ทรงยกถ้วยชาขึ้น พระเนตรฉายแววอำมหิต ทรงจิบชาแล้ววางลง 

 

 

“คิดดูแล้วองค์รัชทายาทคงไม่ทำเรื่องโง่เขลาอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

หวังฝูไม่กล้าพูดมาก เขาเข้าใจพระทัยซุ่นตี้ดี นี่เป็นเรื่องที่ค้างคาพระทัยพระองค์ตลอดมา 

 

 

พระองค์ทรงปรารถนาให้ฟู่เฉินหรงอยู่ในตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคง หลายปีมานี้ซุ่นตี้ทรงสิ้นหวังต่อซิ่นอ๋องอย่างสิ้นเชิง ซิ่นอ๋องคอยบีบคั้นพระองค์ ความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดากับพระโอรสตึงเครียดมาก ต่างเคียดแค้นจนอยากสังหารอีกฝ่ายหนึ่ง 

 

 

ซุ่นตี้ทรงประทับนั่งเอนพิงบัลลังก์มังกร เวลานี้พระองค์ทรงคาดหวังว่าพระนัดดาคนนี้คงไม่ทำให้ทรงผิดหวัง เวลาของพระองค์เหลือไม่มากจริงๆ ทรงฝืนพระวรกายเต็มที่แล้ว 

 

 

….. 

 

 

หลังจากฝังศพซูเหลียงอิน ซูจิ่วซือและซูเหิงกลับมาที่จวนอันผิงโหวพร้อมกัน 

 

 

พอกลับมาถึงซูจิ่วซือและซูเหิงนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ให้คนไปตามซูเหวินกับลูกชายทั้งสองมาพบ 

 

 

ซูฉีหามือสังหารมาแล้ว แต่ซูเหวินห้ามไว้ แต่เขายังไม่ยอมรามือ เวลานี้เห็นซูจิ่วซือนั่งในตำแหน่งประธานซึ่งเดิมทีเป็นที่นั่งของเขาก็ยิ่งแค้นใจ 

 

 

ซูจิ่วซือข่มเหงกันเกินไปแล้ว 

 

 

“จิ่วซือ เจ้าเป็นผู้เยาว์ ทำไมจึงไม่รู้จักแบบแผน ถึงกับนั่งบนที่นั่งของท่านพ่อ” 

 

 

ในที่สุดซูฉีก็เอ่ยขึ้น ไม่อาจอดกลั้นอีกต่อไป 

 

 

ซูจิ่วซือพูดเสียงกร้าว “ข้ามีศักดิ์เป็นองค์หญิงที่องค์ไทเฮาทรงพระราชทาน เวลานี้อารองไม่ใช่อันผิงโหวและลาออกจากราชการ ไม่ใช่ขุนนางใหญ่ราชสำนัก ตามหลัก พวกเจ้าพบข้าควรคุกเข่าคารวะ ข้าไม่ยึดถือแบบแผน ยอมให้ละเว้น พวกเจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ” 

 

 

“เจ้า…” ซูฉีโกรธจนพูดไม่ออก 

 

 

“ซูฉี ที่นั่งนี่เวลานี้พี่สาวข้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะนั่งได้ พวกเจ้ารีบเก็บข้าวของแล้วไสหัวไป” 

 

 

ซูเหิงเหลือบมองซูฉีอย่างไม่เกรงใจ 

 

 

พอซูฉีได้ยินว่าซูจิ่วซือจะขับไล่พวกตนออกไปก็โกรธจนกำหมัดแน่น พ่อของเขาเพิ่งลาออกจากราชการ นางก็ขับไสไล่ส่งทันที ทำอย่างนี้เกินไปจริงๆ คิดว่าจวนอันผิงโหวเป็นบ้านของนาง  

 

 

“เจ้าทำเกินไปแล้ว ถึงท่านพ่อจะลาออกก็จริง แต่ที่นี่คือบ้านพวกข้า เจ้าอาศัยอะไรมาขับไล่พวกข้า 

 

 

ซูหังลูกชายของซูเหวินเปิดปากพูดขึ้น 

 

 

“อาศัยอะไรหรือ ก็อาศัยที่ซูเหิงรับตำแหน่งอันผิงโหว ที่นี่ก็คือบ้านพวกข้า ถ้าอยากอยู่ใต้ชายคาข้าก็ต้องดูว่าข้ายินยอมหรือไม่ ถ้าพวกเจ้าคุกเข่าลงอ้อนวอนข้า ไม่แน่ ถ้าข้าใจอ่อน อาจจะให้พวกเจ้าอยู่ต่ออีกสองสามวัน”