ตอนที่ 318 ขับออกจากจวนอันผิงโหว / ตอนที่ 319 ข้าจะปกป้องพี่เอง

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 318 ขับออกจากจวนอันผิงโหว

 

 

 

 

ซูจิ่วซือผุดรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปาก แววตาเยือกเย็นขึ้นอีก

 

 

เมื่อก่อนเคยถูกข่มเหง นางต้องทวงคืน ต้องให้ซูเหวินลิ้มรสชาติของการถูกขับออกจากจวน

 

 

ถึงตอนนี้แม้แต่ซูเหวินก็ทนไม่ไหว สิบปีก่อนเขาไม่ได้ออกหน้า นางฟางเป็นคนออกหน้าขับไล่นางหวังกับลูกสาว ตอนนั้นนางหวังคุกเข่าอ้อนวอนเขาที่นอกบ้าน แต่เขาไม่ให้นางหวังพบ

 

 

สิบปีต่อมา เขากลับถูกเด็กสาวคนหนึ่งขับออกจากจวนผิงอัน น่าหัวเราะจริงๆ ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป เขาคงไม่มีหน้าจะอยู่ในเมืองหลวง กลายเป็นที่เย้ยหยันของผู้คน

 

 

ซูเหวินโกรธจนเส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากปูด ซูจิ่วซือข่มเหงกันเกินไป

 

 

แต่เวลานี้เขาหมดอำนาจ เรื่องนี้ฝ่าบาททรงยอมรับ บวกกับเบื้องหลังของซูจิ่วซือยังมีไทเฮาและกุ้ยเฟยหนุน เขาย่อมไม่กล้าใช้ไม้แข็งปะทะกับซูจิ่วซือ

 

 

ซูฉีเป็นคนอารมณ์ร้อน เขาทนไม่ไหวที่ถูกซูจิ่วซือข่มเหง จึงโผเข้าใส่จะทำร้ายซูจิ่วซือ ซูเหิงเห็นก็ยกเท้าขึ้นถีบซูฉี เขาฝึกวรยุทธมาระยะหนึ่ง สามารภเอามาใช้รับมือกับซูฉีได้อย่างเหลือเฟือ

 

 

ซูฉีถูกซูเหิงถีบล้มลงกับพื้น ซูเหิงยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก้มลงมองซูฉี “บังอาจทำร้ายพี่สาวข้า ต้องลองถามกำปั้นข้าดูก่อนว่ายอมหรือไม่”

 

 

สายลมสายน้ำย่อมเคลื่อนไหววนเวียน สิ่งที่ไม่ใช่ของพวกเขาสุดท้ายก็ต้องคืนไป

 

 

“อารอง อย่าฝืนยื้อต่อไปเลย รีบออกจากจวนอันผิงโหว ใช่สิ อย่าออกทางประตูใหญ่ พวกเจ้าออกทางประตูหลัง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติ มีคนเห็นมาก พวกเจ้าย่อมเสียหน้า”

 

 

ซูเหวินจำต้องอดกลั้น ในที่สุดก็ข่มโทสะในใจลงไป

 

 

พอได้ข่าวว่าซูเหวินลาออกจากราชการ ถูกถอดบรรดาศักดิ์ คนรับใช้ในจวนผิงอันโหวต่างลู่ตามลม เริ่มเอาอกเอาใจซูจิ่วซือไว้แล้ว เวลานี้พวกเขาโดดเดี่ยว ไม่อาจทำอะไรได้

 

 

เขายอมรับว่าตนพ่ายแพ้ แพ้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ยังทำใจไม่ได้ แต่เขาไม่อยากต่อสู้กับเด็กผู้หญิงคนนี้อีก คิดแต่ว่าจะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเดิม ขืนสู้ต่อไป อาจแพ้พ่ายถึงชีวิต

 

 

“ซูฉี ซูหัง ไปกันเถอะ!”

 

 

ซูเหวินกล้ำกลืนโทสะ ระงับใจให้สงบ แล้วหันมามองพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง เขาถูกยั่วโมโหจนแทบจะกระอักเลือด เมื่อก่อนนางหวังก็พาลูกชายหญิงออกจากจวนอันผิงโหวทางประตูหลัง บัดนี้ซูจิ่วซือบอกให้พวกเขาออกไปทางประตูหลัง เป็นการจงใจอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“ท่านพ่อ เราจะไปอย่างนี้ได้หรือ ต่อให้ท่านพ่อไม่ใช่อันผิงโหว แต่เรายังเป็นคนสกุลซู เมื่อต้องแยกบ้านก็ต้องแบ่งทรัพย์สิน ซูจิ่วซือ เจ้าเอาสมุดบัญชีออกมา ต้องแบ่งทรัพย์สินในจวนก่อน ถ้าได้เงินแล้วพวกข้าค่อยไป”

 

 

เมื่อไม่อาจอยู่ในจวนอันผิงโหวได้ ซูหังจึงคิดจะขอแบ่งทรัพย์สิน ไม่เช่นนั้นคงออกจากจวนโดยไม่มีเงินติดตัว พวกเขาจะใช้ชีวิตอย่างไร

 

 

“น้องรอง ถึงอย่างไรก็เป็นอารองของเรา ให้พวกเขาออกไปอย่างนี้ไร้คุณธรรมเกินไป ในตัวเจ้ามีเงินบ้างไหม ถ้ามี เอาให้พวกเขาบ้าง ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของเรา”

 

 

“พี่พูดถูก ข้าจะหาดู”

 

 

ซูเหิงได้ยินก็หยิบถุงใส่เงินออกจากเอว เปิดดู แล้วล้วงเหรียญทองแดงออกมาสามเหรียญ โยนเหรียญลงบนพื้น “เหลือแค่สามอีแปะ คนละหนึ่งอีแปะพอดี อารอง คนเราต้องรู้จักพอเพียง หยิบอีแปะบนพื้นแล้วไปเถอะ!”

 

 

“พวกเจ้าไล่ตะเพิดขอทานรึ จวนผิงอันโหวมีที่นาและโฉนดที่ดินมากมาย ซูเหิง เจ้าเอาเงินสามอีแปะมาไล่พวกข้าไป ข้าขอบอกพวกเจ้า อย่าแม้แต่จะคิด อย่างน้อยก็ต้องให้เงินพวกข้าหนึ่งหมื่นตำลึง”

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 319 ข้าจะปกป้องพี่เอง

 

 

 

 

ซูฉีลุกขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นตามตัว พูดขึ้นด้วยสีหน้าแข็งกร้าว

 

 

ซูจิ่วซือลุกขึ้นยืน แล้วหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก “กลางวันแสกๆ เจ้ายังฝันอยู่หรือ ถ้าเจ้าไม่อยากได้เหรียญสามอีแปะ ข้าก็ไม่ฝืนใจ พวกเจ้ายังหนุ่มแน่น ออกไปแล้วจะหาเงินไม่ได้เชียวหรือ

 

 

อารอง รีบพาลูกชายสองคนไปเถอะ ไม่งั้นถ้าเกิดข้าไม่พอใจ ไม่แน่ อาจจะหักขาสองคนนี้ ถึงตอนนั้นเกรงว่าอาจจะไม่มีเงินรักษา

 

 

จริงสิ เจ้ายังมีพี่สาวแสนดีคนหนึ่ง ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ไปขอพี่สาวเจ้าได้ นางคงจุนเจือพวกเจ้าได้”

 

 

“ซูจิ่วซือ เจ้า…” ซูฉีโกรธจัดจนกัดฟันกรอด เขาอยากบีบคอซูจิ่วซือให้ตายคามือ “เจ้าจะเสียใจภายหลัง”

 

 

“งั้นหรือ ข้าจะรอดู”

 

 

ซูจิ่วซือจ้องกลับ สายตาฉายอำนาจบีบคั้น ไม่ได้ใส่ใจคำขู่ของซูฉีแม้แต่น้อย

 

 

“พี่ มัวเสียเวลาพูดกับคนพวกนี้ทำไม อารอง จะออกไปเองหรือให้ข้าเรียกคนมาเชิญออกไป เสื้อผ้าของพวกเจ้า ข้าให้คนขนออกไปแล้ว ออกพ้นประตูหลังก็จะเห็น ข้ามีธุระไม่ไปส่งแล้ว”

 

 

ซูฉียังอยากพูดอีก แต่ซูเหวินร้องห้าม ขืนพูดมากกว่านี้พวกตนจะยิ่งถูกข่มเหง เขาพูดเสียงเย็นชา “ไปกันเถอะ”

 

 

ซูหังเดินตามไป ซูฉีตามไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนไปยังหันมาถลึงตาใส่ซูจิ่วซือด้วยความเคียดแค้น อย่างมากก็ตายไปพร้อมกัน เขาไม่ยอมปล่อยซูจิ่วซือเด็ดขาด

 

 

พอพวกนั้นไปแล้ว ซูเหิงจึงรู้สึกว่าได้ระบายความแค้นในใจออกไปกว่าครึ่ง

 

 

เขายังจำภาพเหตุการณ์ตอนที่ออกจากจวนผิงอันโหวเมื่อสิบปีก่อนอย่างชัดเจน วันนั้นฝนตก นางฟางขับไล่พวกตนออกจากจวนอันผิงโหวอย่างโหดร้าย โยนเสื้อผ้าพวกเขาไว้กลางสายฝน นางหวังพูดขอร้องซูเหวิน แต่ซูเหวินไม่ออกมาปรากฏตัว

 

 

บัดนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับบ้านแล้ว เอาสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืน แต่แม่และน้องสาวจากไปแล้ว

 

 

เขาเหลือเพียงพี่สาวคนเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องปกป้องพี่สาว ต้องไม่ให้พี่สาวเกิดเรื่องอีก สำหรับเขาแล้ว พี่สาวคือญาติใกล้ชิดคนเดียวของเขาในโลกนี้

 

 

“พี่ ซูฉีเป็นคนวู่วาม เป็นไปได้มากว่าจะเล่นงานเรา เราชิงลงมือก่อนจะดีกว่า หาคนมากำจัดซูฉี ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเดือดร้อน”

 

 

ซูจิ่วซือเห็นด้วยในเรื่องนี้ ซูฉีเป็นคนวู่วามจริง เวลานี้นางไล่พวกเขาออกจากจวนอันผิงโหวแล้ว ซูฉีไม่ยอมรามือแน่นอน การชิงเล่นงานอีกฝ่ายก่อน เป็นวิธีป้องกันเหตุร้ายที่ดี กับครอบครัวซูเหวิน นางจะไม่ปรานีเด็ดขาด ในเมื่อคนพวกนี้ไร้คุณธรรม นางย่อมไม่ยึดถือคุณธรรม

 

 

“เรื่องนี้พี่จัดการเอง”

 

 

ซูเหิงสั่นหัว “พี่ ข้าเอง ต่อไปเรื่องแบบนี้ปล่อยให้ข้าทำเถอะ ข้าเป็นผู้ชาย ข้าปกป้องพี่เอง”

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าชื่นชม “ดูแล้วซูเหิงของพี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

 

 

ก่อนนี้นางจะจัดการเรื่องทำนองเอง หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย นางจึงเข้าใจที่หวังเฉิงเคยพูดไว้

 

 

ต้องให้เขามีความสามารถปกป้องตัวเอง อีกไม่นานนางต้องออกจากเมืองหลวง ต่อจากนี้ซูเหิงต้องพึ่งตัวเอง นางไม่อาจอยู่ข้างๆ คอยปกป้องน้องชายคนนี้ตลอดไป

 

 

นับจากนี้ไปเขาคือผิงอันโหว เรื่องในจวนโหวต้องให้เขาดูแลเอง นางเชื่อมั่นว่าซูเหิงทำได้ดีแน่นอน เด็กหนุ่มคนนี้ในที่สุดก็โตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถแบกรับทุกอย่าง

 

 

“ข้าโตแล้วนะ เหลียงอินบอกข้าหลายครั้งแล้วว่าพี่เหนื่อยเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ข้าหวังว่าพี่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เรื่องอื่นปล่อยให้ข้าจัดการเอง ข้าจะปกป้องพี่ให้ดี”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า คนต่อไปที่นางต้องจัดการคือซูเหมย