นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 473 ทำโทษให้คุกเข่า สองพี่น้องที่น่ารำคาญ
หมอหลวงซุน?
เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว ช่วงนี้นางมีแต่เรื่องเข้ามา จึงไม่ได้สนใจเรื่องตระกูลซุนมาเท่าไหร่นัก จะว่าไปก็นานแล้วที่นางไม่ได้เจอหมอหลวงซุน
“เหนียงเหนียง ข้าเองก็ไม่ได้พบหมอหลวงซุนมานานแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินบอกความจริง เรื่องนี้ไม่มีทางที่จะปิดบังกันได้ แต่ตระกูลเซี่ยสืบก็ทราบความจริงทุกอย่าง
“ดูเหมือนว่าช่วงนี้หมอหลวงซุนจะยุ่งอย่างมาก หากว่าชิงเฉินเห็น โปรดบอกเขาทีว่า ข้าอยากพบ” เมื่อเห็นสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูงุนงง เซี่ยกุ้ยเฟยจึงระงับความสงสัยในใจเอาไว้ นางว่าแล้วซุนเจิ้งเต้าและเฟิ่งชิงเฉินยังไม่กล้าพอที่จะหักหลังตระกูลเซี่ย
“เหนียงเหนียงไม่ต้องห่วง เมื่อชิงเฉินเห็นหมอหลวงซุน ชิงเฉินจะบอกเขาอย่างแน่นอน” คนอื่นๆเขาจะจัดการเมื่อได้ผลประโยชน์ แต่เซี่ยกุ้ยเฟยเล่นงานตั้งแต่ยังไม่ได้ผลประโยชน์กระไร นางเพิ่งจะรับปากว่าจะดูแลครรภ์ให้ เซี่ยกุ้ยเฟยก็หยิ่งผยองอีกแล้ว
“อืม” เซี่ยกุ้ยเฟยพยักหน้า และโบกมือเบาๆ “ข้าเหนื่อยแล้ว ชิงเฉินกลับไปได้แล้ว”
“เพคะเหนียงเหนียง” เฟิ่งชิงเฉินถอนตัวออกมาอย่างสงบ มันไม่คุ้มที่จะโกรธเคืองเซี่ยกุ้ยเฟยเลย
ทันทีที่ เฟิ่งชิงเฉินเดินจากไป นางกำนัลที่อยู่หลังเซี่ยกุ้ยเฟยก็เดินเข้ามา และช่วยพยุงเซี่ยกุ้ยเฟย ” เหนียงเหนียง เชื่อใจเฟิ่งชิงเฉินได้หรือไม่”
“ไม่ว่าจะเชื่อใจได้หรือไม่ ก็ต้องลองในที่สุด เด็นในครรภ์จองข้าจะต้องไม่เป็นกระไร หากว่าเด็กเป็นกระไรไป ข้าจะให้เฟิ่งชิงเฉินตายไปด้วย” แววตาความโหดเหี้ยมเปล่งประกายในดวงตาของเซี่ยกุ้ยเฟย
“เหนียงเหนียงเป็นคนที่มีบุญ แน่นอนว่าฟ้าจะคุ้มครอง องค์ชายน้อยได้รับการคุ้มครองจากเทพ จะต้องแข็งแรงอย่างแน่นอน เหนียงเหนียงสบายใจได้ เฟิ่งชิงเฉินบอกว่าจะสามารถวินิจฉัยองค์ชายน้อยได้ตอนอายุ6ถึง7เดือนมิใช่หรือ? เหลือเวลาอีกแค่สามเดือนเท่านั้น เหนียงเหนียงอย่าได้คิดเรื่องเหล่านี้อีกเลย” นางกำลังเร่งปลอบโยน
เซี่ยกุ้ยเฟยถอนหายใจและลูบท้องที่โตเล็กน้อยของนาง แววตาของเซี่ยกุ้ยเฟยเหม่อลอย และเผยความโหดเหี้ยมแวววาบ ” ใช่ แค่สามเดือนและเด็กวัยหกเดือนก็เป็นตัวขึ้นมาแล้ว หากว่าเกิดเรื่องกระไรขึ้นมา ฮองเฮาเองก็คงเอาไม่อยู่ ก่อตัวขึ้นแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้น เกรงว่าฮองเฮาก็คงเอาไม่อยู่”
หากเฟิ่งชิงเฉินเห็นแววตานี้ของเซี่ยกุ้ยเฟย ก็จะเข้าใจว่าเซี่ยกุ้ยเฟยได้ตัดสินใจแล้ว หากว่า มีบางอย่างผิดปกติกับเด็กในครรภ์ของนาง แม้ว่าในที่สุดนางก็เป็นหมัน นางก็จะไม่ยอมให้เด็กคนนี้เกิดมา
ใช้เด็กคนนี้เพื่อแลกกับฮองเฮาอยู่ในตำหนักเย็นไปชั่วชีวิต มันคุ้มค่าอย่างมาก
ตระกูลเซี่ยมีลูกสาวมากมาย หากว่านางไม่สามารถมีลูกได้ ก็ให้ ตระกูลเซี่ยส่งลูกสาวอีกคนเข้าพระราชวังก็ได้
…
เฟิ่ง ชิงเฉินพบว่านางมีความขัดแย้งกับพระราชวังอย่างมาก ไม่นานหลังจากที่นางเดินออกจากตำหนักจ้าวเยี่ยน นางได้พบกับองค์หญิงอันผิง ไม่ว่านางจะเต็มใจหรือไม่ แต่เมื่อเจอองค์หญิงอันผิง จะต้องคุกเข่าลงคำนับ
“ขอคำนับองค์หญิง องค์หญิงทรงพระเจริญ “เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าลงพร้อมกับนางกำนัลทั้งหมด วันนี้นางสวมเสื้อสีแดงตัวเล็กซึ่งไม่เด่นมากนัก แต่…
ในสายตาขององค์หญิงอันผิง เฟิ่ง ชิงเฉินเป็นศัตรูของนาง แม้ว่านางจะกลายเป็นเถ้าถ่านไป องค์หญิงอันผิงก็จำเฟิ่งชิงเฉินได้ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะคุกเข่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มนางกำนัล แต่องค์หญิงก็เห็นนางทันทีในพริบตา
องค์หญิงอันผิงรายล้อมไปด้วยนางกำนัลและเหล่ามามา ดูมีพลังอย่างมาก นางเดินมาตรงหน้าเฟิง่ชิงเฉิน รองเท้าบู๊ตสีดำอยู่ห่างจาก เฟิ่งชิงเฉินเพียง 5 เซนติเมตร ตราบใดที่นางยกขาขึ้น องค์หญิงอันผิงก็สามารถเตะเฟิ่งชิงเฉินเข้าที่หน้าได้ทันที
ในที่สุดองค์หญิงอันผิงก็เรียนรู้จนฉลากแล้ว หากว่าเราจะลงมือกับใคร ให้ใส่ที่หน้าอย่างไร
“ข้าคิดว่าใครกัน ที่แท้ก็ลูกสาวคนโตของตงหลิงของเรา” องค์หญิงอันผิงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย นางก็จะมีความสุขตราบเท่าที่นางเห็นเฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าลงแทบเท้าของนาง
เฟิ่งชิงเฉินผู้เย่อหยิ่งและ เมื่ออยู่ต่อหน้านางก็ยังคงต้องคุกเข่าลงเช่นเคย ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถแก้ไขความจริงที่ว่านางมีฐานะที่ค่อนข้างต่ำ
เฟิ่ง ชิงเฉิน นิ่งเงียบและไม่มีเจตนาจะตอบคำถาม ตราบใดที่องค์อันผิงไม่โง่ นางจะไม่ลงมือกับตน ต้องรู้ไว้ว่า ตอนนี้นางแค่ได้รับบาดเจ็บ ก็สามารถยกเลิกการถ่ายไปก่อนได้ และสามารถโยนความผิดทุกอย่างไปให้ องค์หญิงอันผิง
“เฟิ่ง ชิงเฉิน เจ้าเป็นใบ้หรือไง? เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าถามเหรอ?” องค์หญิงอันผิงขยับเท้าเล็กน้อย เดิมอยากเตะเฟิ่งชิงเฉิน แค่มามาที่อยู่ข้างหลังห้ามเอาไว้ “องค์หญิง ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะลงมือ”
“ข้ารู้แล้วไม่จำเป็นต้องให้คนใช้อย่างเจ้ามาพูดมาก” องค์หญิงอันผิงโบกมือให้มามาถอยกลับไปอย่างเย่อหยิ่ง และโจมตีเฟิ่งชิงเฉินต่อไป “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าข้าถามเจ้า ทำไมไม่ตอบ”
“องค์หญิง ต้องการให้ชิงเฉินตอบกระไรหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินจะแต่งงานอยู่แล้ว ยังไร้เดียงสามาก นเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเศร้าใจกับตงหลิงจื่อลั่วอย่างมาก ผู้หยิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาทั้งสองคน เอาแต่ถ่วงเขาเอาไว้
“แน่นอนว่าตอบ…” องค์หญิงอันผิงหยุดกลางประโยค ดูเหมือนนางจะไม่ได้ถามเฟิ่งชิงเฉินใดๆ เลย
ใบหน้าขององค์หญิงอันผิงแดงระเรื่ออย่างมาก และน่าโกรธที่นางไม่มีแส้ในมือ หากว่ามีแส้อยู่ นางจะต้องเฆี่ยนเฟิ่งชิงเฉินอย่างแรงแน่นอน
องค์หญิงอันผิงโกรธมากจนไม่มีที่ระบายความโกรธ นางจึงจ้องมองเฟิ่งชิงเฉิน ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวลือล่าสุดในเมืองหลวง องค์หญิงอันผิงกลอกตาและสั่งว่า “เฟิ่งชิงเฉิน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าใช้ฉินไร้สายเล่นเพลง ตอนนี้เจ้ากลับไปที่จวนพร้อมข้า วันนี้ข้าจะฟังเพลงที่เจ้าบรรเลงในวันนั้น”
“ได้เพคะ ตราบใดที่องค์หญิงสามารถเอาฉินสายน้ำแข็งชิ้นที่สองมาได้ ชิงเฉินก็จะบรรเลงให้องค์หญิงฟัง” เฟิ่ง ชิงเฉิน สวดภาวนาในใจอย่างเงียบๆ ขอให้ใครสักคนมาเอาองค์หญิงอันผิงที่เป็นบ้านี้ไปเสียที นางทนไม่ไหวแล้ว’
แม้ว่ามันจะเหนื่อยที่จะต้องเจรจากับคนฉลาดอย่างเซี่ยกุ้ยเฟย แต่การรับมือกับผู้หญิงที่ไร้สมองอย่างองค์หญิงอันผิงนั้นเหนื่อยยิ่งกว่า เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากไปสนใจผู้หยิงดื้อรั้นคนนี้อีก
ดูเหมือนสวรรค์จะได้ยินคำอธิษฐานของ เฟิ่งชิงเฉินเมื่อองค์หญิงสั่งนางกำนัลไปเรียบร้อย และเอา เฟิ่งชิงเฉินไปตำหนักของนาง ขณะนั้นลั่วอ๋องก็มา
“อันผิง เจ้ากำลังทำอะไร” ตงหลิงจื่อลั่วถูกควบคุมทุกที่ในช่วงเวลานี้ เขาจึงร่าเริงน้อยลงเล็กน้อยและสงบมากขึ้น
“เสด็จพี่” องค์หญิงอันผิงตกใจอย่างมาก และหญิงสาวที่หยิ่งผยองก็กลายเป็นกระต่ายน้อยสีขาวทันที “เสด็จพี่ ทำไมถึงดุขนาดนี้ ข้าจะทำอะไรได้ ข้าแค่ขอให้เฟิ่งชิงเฉินมาที่ตำหนัก เพื่อพูดคุยเรื่องฉิน”
ตงหลิงจื่อลั่วไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เขามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น และถามด้วยความสงสัย “เฟิ่งชิงเฉิน เป็นเช่นนั้นหรือไม่?”
เอ้ะ ลั่วอ๋องไม่จัดการโดยตรง แต่มาถามนางหรือ? เฟิ่งชิงเฉินงงงวย และเมื่อนางกำลังจะตอบ องค์หญิงอันผิงก็ไอในทันใด เพื่อเตือน
เฟิ่ง ชิงเฉินไม่อยากยุ่งเกี่ยกกับสาวน้อย และยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่านางจะโง่แค่ไหน นางก็จะไม่ฟ้ององค์หญิงอันผิงต่อหน้าตงหลิงจื่อลั่ว นางก็ตามน้ำองค์หญิงอันผิงไปว่า “ทูลลั่วอ๋อง องค์หญิงอันผิงเชิญชิงขินไปที่ตำหนักองค์หญิวเสียจริง เพียงแต่ว่าวันนี้ชิงเฉินมีเรื่องด่วน ไม่สามารถไปได้ จึงกำลังหารือว่าวันอื่นได้หรือไม่?”
เมื่อเห็น เฟิ่งชิงเฉินเชื่อฟังเช่นนี้ องค์หญิงอันผิงได้ใจอย่างมาก และคิดในใจว่าในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินกลัวนาง องค์หญิงอันผิงดึงแขนเสื้อของตงหลิงจื่อลั่วและพูดด้วยเสียงอ้อนว่า “เสด็จพี่ ข้ามิได้โกหกพี่ใช่หรือไม่?”
ตงหลิงจือลั่วรู้ว่ามีเงื่อนงำ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็พูดอย่างนั้น เขาจึงตัดสินใจจะไม่เข้าไปยุ่ง ไม่ว่าอย่างไรอันผิงก็เป็นน้องสาวของเขา” ในเมื่อเฟิ่งชิงเฉินไม่ว่าง ไปวันอื่นแล้วกัน อันผิงเจ้ากลับไปก่อน”
“พี่ชาย…” องค์หญิงอันผิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้จะเจอเฟิ่งชิงเฉินนั้นยากอย่างมาก เมื่อได้ข่าวว่า เฟิ่งชิงเฉินอยู่กับเซี่ยกุ้ยเฟย นางจึงเร่งมาหานาง หากว่าปล่อยเฟิ่งชิงเฉิน จึงไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะได้เจอนางเมื่อไหร่อีก
“อันผิง อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้อะไรเลย” ตงหลิงจื่อลั่วเหลือบมองอันผิงอย่างเย็นชา ทำให้อันผิงหวาดกลัวจนรีบปล่อยมือ แม้ว่าจะไม่ยอมอย่างมาก แต่ก็ถอยออกไป
ก่อนจะเดินไป ก็มองจ้องที่เฟิ่งชิงเฉิน ความหมายประมาณว่าวันนี้เจ้าโชคดีไปนะ
อย่างไรก็ตามเฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะลงและคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรง
โชคดีอะไร นางหนีเสือปักจระเข้ชัดๆ ตงหลิงจื่อลั่วจัดการยากยิ่งกว่าองค์หญิงอันผิงอีก…..