บทที่ 474 ผู้ชายสารเลว ไม่ตายก็คงพิการ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 474 ผู้ชายสารเลว ไม่ตายก็คงพิการ
เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าถ้าตกอยู่ในมือของตงหลิงจื่อลั่ว ไม่มีผลดีอย่างแน่นอน วันนี้นางไม่ตายก็คงบาดเจ็บหนัก ตงหลิงจื่อลั่วไม่เคยสุภาพกับนาง

หลังจากที่องค์หญิงอันผิงจากไป ตงหลิงจื่อลั่วก็สั่งให้นางกำนัลและขันทีออกไป ในทางเดินเล็กๆ นั้นมีเพียงเฟิ่งชิงเฉินและเขาสองคนเท่านั้น และจุดนี้องค์หญิงอันผิงเป็นคนเลือก แม้จะไม่ลับเท่าไหร่ แต่นอกจากคนของตำหนักจาวเยี่ยนแล้ว ไม่มีใครเดินมาแถวนี้

นั่นหมายความว่า เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกหาใครไม่ได้เลย อย่าว่าแต่เสด็จอาเก้าเลย แม้แต่องค์รัชทายาทที่อยู่ในพระราชวังก็คงจะหาตรงนี้เจอได้ยาก

นางกำนัลเดินหายไปหมดแล้ว ตงหลิงจื่อลั่วไม่ได้เรียกให้เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้น ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่ตรงพื้นไปเรื่อยๆ

ตงหลิงจื่อลั่วมองลงไปที่เฟิ่งชิงเฉินซึ่งยังคงหยิ่งผยอง แม้ว่านางจะคุกเข่าอยู่บนพื้นก็ตาม ทันใดทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินยังคงดูเหมือนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา

เขาไม่เคยมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างดีเลย และไม่เคยรู้จักเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่เขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินนอกจากจะทำให้นางอับอายแล้วเขายังทำให้นางลำบากใจอีกด้วย

เขายอมให้เฟิ่งชิงเฉินถูกเหยาหวาเล่นงาน เสื่อมเสียชื่อเสียง เขามองดูเฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่นอกวังของเสด็จแม่ของเขา เขาบังคับให้เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าที่หน้าประตูเมือง ปล่อยให้ประชาชนทุบตีและด่าทอ

จนถึงตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินถูกเขารังแกเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่เคยแสดงท่าทีโกรธเคืองออกมาเลย แต่เขารู้ดีว่า เมื่อความขัดแย้งระหว่างเขากับเฟิ่งชิงเฉินได้เกิดขึ้นแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาและ เฟิ่งชิงเฉินสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ และเขาก็ไม่เคยคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินคู่ควรกับเขา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาปฏิบัติเช่นนี้ต่อเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ นางยังคงพยายามรักษาเขาอย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องของเฟิ่งชิงเฉินมากนัก แต่เขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงที่มีแค้นก็ล้างแค้น มีบุญคุณที่ต้องตอบแทนก็จะตอบแทน เขาคิดว่า เฟิ่งชิงเฉินช่วยเขาโดยไม่คำนึงถึงความขัดแย้งที่เคยมีกันเป็นเพราะนางรักตน ฉะนั้น เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงปรานีนางว่า “เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะแต่งเจ้าเป็ฯพระชายารอง”

แต่ผู้หญิงคนกลับปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี เขาโกรธเคืองอย่างมาก

เขายังไม่ได้จัดการความรู้สึกที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉิน เหยาหวาก็เข้ามา และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา เฟิ่งชิงเฉินได้รับความโปรดปรานจากเสด็จอาเก้า เหยาหวาจะแต่งงานกับจื่อชุน

ทุกอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา ทำให้เขาไม่ทันได้ระวัง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเขาได้ยินว่าเหยาหวาจะแต่งงานกับจื่อชุน เขาก็โล่งใจ

ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องเป็นคนกลางระหว่างแม่และเหยาหวาแล้ว ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องลำบากทั้งสองฝ่ายแล้ว เหบาหวายังคงเป็นสุดที่รักของเขา เพียงแต่ว่าเขาและเหยาหวาไม่มีทางได้เป็นสามีภรรยากัน

หัวใจของเขาเจ็บปวดเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าเดินคู่กัน เขาพบว่าเขาเจ็บใจจนหายใจไม่ออก เจ็บยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินว่าเหยาหวาจะแต่งงานกับจื่อชุนเสียอีก

เฟิ่ง ชิงเฉิน เดิมควรจะเป็นภรรยาของเขา พระชายาของเขา เฟิ่ง ชิงเฉิน ควรจะอยู่เคียงข้างเขา แต่ในท้ายที่สุด เขาทำให้ทุกอย่างพังทลาย เขาและเฟิ่งชิงเฉินห่างกันไปมากขึ้นทุกครั้ง ห่างยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก

เวลานี้เท่านั้นเขาเข้าใจว่า เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยรักเขาหรือเกลียดเขาตั้งแต่ต้นจนตอนนี้เลย เฟิ่งชิงเฉินเพิกเฉยต่อเขาเสมอและไม่ได้มีเขาในสายตาเลย

แต่เขาเริ่มให้ความสนใจกับทุกย่างก้าวของเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่แสดงให้เห็นความสง่างามทุกการเคลื่อนไหว เขารู้สึกเสียดาย แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเขาในสายตาแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตนคุกเข่ามานานแค่ไหน แต่นางรู้เพียงว่าขาของนางชาไปทั้งสองข้าง แต่ลั่วอ๋องก็ยังคงไม่เรียกนางยืนขึ้น เฟิ่งชิงเฉินด่าตงหลิงจื่อลั่วในใจอย่างแรง แต่ก็ยังไม่หายโกรธ

นางรู้ดีว่าหากได้พบตงหลิงจื่อลั่ว ต้องไม่เจอเรื่องดีๆ แน่นอน ครั้งที่แล้วที่หน้าประตูเมือง นางคุกเข่าลงจนทรุดตัวลง ครั้งนี้ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรลั่วอ๋องจึงจะปล่อยนางไป พรุ่งนี้นางมีการแข่งมารยาท หากว่านางคุกเข่าจนเข่าพังแล้วนางจะแข่งอย่างไร

ตงหลิงจื่อลั่วไม่ได้ตั้งใจจะให้เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่อย่างนั้น แต่ความคิดของเขาวิ่งไปไกลเกินไป เมื่อเขานึกถึงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาได้ และพบว่าเฟิ่งชิงเฉินยังคงคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขา ตงหลิงจื่อลั่วกล่าวทันทีว่า ” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้น ”

“ขอบใจฝ่าบาท” เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนอยากจะฆ่าคน นางกัดฟันและกล่าว

คุกเข่านานเกินไป ขาของนางชา เฟิ่ง ชิงเฉินไม่สามารถลุกขึ้นได้ในทันที นางทำได้เพียงใช้มือหนุนบนพื้น ในที่สุดนางก็ยืนขึ้น แต่ขาของนางก็อ่อนลงและล้มลงอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าจะล้มถึงพื้นแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็หลับตาลง แต่ไม่คิดว่าจะล้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น

เอ้ะ ตอนนี้มีคนมาช่วยนางด้วยเหรอ? เฟิ่งชิงเฉินลืมตาขึ้น แต่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของตงหลิงจื่อลั่ว

“ลั่วอ๋อง?” เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่นางเห็น และเสียงของนางก็ดังขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

ลั่วอ๋องช่วยนาง พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกหรืออย่างไร?

เฟิ่งชิงเฉินมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และพบว่าดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือศีรษะของนางตามปกติ และค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก

โลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์

“เจ้าคุกเข่านานเกินไป ข้าพยุงเจ้าไปพักตรงนั้น” ในขณะที่เขากอดเฟิ่ง ชิงเฉิน กลิ่นของยาจาง ๆ ลอยมาแตะจมูก ตงหลิงจื่อลั่วก็สูดหายใจเข้าอย่างโลภ และกอดเฟิ่งชิงเฉินอย่างแรงกว่าเดิม

จู่ๆ เขาก็ไม่อยากจะปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไป

พยุงนางไปพักผ่อน หึ… นางคุกเข่าอยู่นานขนาดนี้เพราะใครล่ะ? ตัวเขาเองนั่นแหละที่ทำ แล้วยังมาทำท่าทีเหมือนเมตตานางอีก เฟิ่งชิงเฉินด่าทอตงหลิงจื่อลั่วในใจและผลักตงหลิงจื่อลั่วออกไป “ขอบใจฝ่าบาท ชิงเฉินยืนสักครู่ก็หาย”

“อย่าขยับ” เขาห่วงใยและอ่อนโยนต่อนางอย่างมาก ตงหลิงจื่อลั่วไม่อยากปล่อยมือ เขาเอื้อมมือออกไปคว้ากลับมา และเฟิ่งชิงเฉินก็ทรุดตัวลงในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

เมื่อได้กลิ่นเครื่องหอมน่าขยะแขยงของ ตงหลิงจื่อลั่วเฟิ่งชิงเฉินก็โกรธ และแทนที่จะแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวเล็ก ๆ นางตำหนิว่า “ปล่อยวาง”

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากล้าสั่งข้าหรือ?” ตงหลิงจือลั่วเพิ่มกำลังของเขา ทำให้เฟิ่งชิงเฉินหายใจไม่ออก

ตงหลิงจื่อลั่วคุ้นเคยกับการยืนต่อหน้า เฟิ่งชิงเฉินและเขาไม่สามารถละทิ้งตัวตนของเขาในเวลาสั้น ๆ ให้เขาเอาใจเฟิ่งชิงเฉินหรือ? เขาทำไม่ได้

เสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีทำไม เปิดเผยตัวตนเร็วเช่นนี้ นางรู้อยู่แล้วว่าตงหลิงจื่อลั่วมีความคิดร้ายกาจ

เฟิ่ง ชิงเฉินหายใจเข้าและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ลั่วอ๋องอย่างได้บีบบังคับข้าเลย ถึงแม้ว่าขาของข้าจะชา แต่หากข้าอยากจะจัดการเจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

เฟิ่งชิงเฉินยกขาขึ้นเล็กน้อย เตือนตงหลิงจื่อลั่วว่านางสามารถควบคุมตงหลิงจื่อลั่วในสถานการณ์ที่น่าอายเช่นนี้ในตอนนั้น และตอนนี้นางก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าตอนนั้นนางไม่มีทางเลือก จึงต้องเสี่ยง ตอนนี้ชีวิตนางสงบดี นางไม่อยากไปเสี่ยง

“เจ้า…” ร่างกายของตงหลิงจื่อลั่วแข็งทื่อ พูดตามตรง เขายังคงลืมภาพที่ถูกคุกคามโดยเฟิ่ชิงเฉิน ไม่ได้เลย เฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าขู่เขา และขู่สองครั้งติดต่อกัน

“ลั่วอ๋อง ทุกอย่างควรทำอย่างพอประมาณ ข้าไม่อยากสร้างปัญหา ไม่ได้หมายความว่าข้ากลัวปัญหา ข้าแค่ต้องการชีวิตที่สงบสุข” นางไม่ถือสาแค้นที่เคยมีกับตงหลิงตื่อลั่ว แต่ไม่ได้หมายความว่านางลืม จริงๆ แล้วนางจำมันไว้อย่างดี นางรอ รอเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ใครก็สามที่เคยทำนางไว้ นางจะเอาคืนทั้งหมด

“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าไม่มีเจตนาร้าย” ตงหลิงจื่อลั่วโกรธ วันนี้เขาไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ถ้าเขาต้องการสั่งสอนเฟิ่งชิงเฉินจริงๆ เขาคงไม่มาช่วยเฟิ่งชิงเฉินหลังจากที่รู้ว่าอันผิงจะมา

นี่คือพระราชวัง แม้ว่า เฟิ่งชิงเฉินจะฉลาดแค่ไหนนางก็ไม่มีโอกาสชนะ อันผิงได้แน่นอน แต่แน่นอนกับเขาก็เช่นกัน

ความแตกต่างในสถานะเห็นกันอยู่ชัดๆ เฟิ่งชิงเฉินใช้อะไรต่อสู้กับเขา

“ไม่ว่าเจ้าจะคิดร้ายหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ลั่วอ๋อง ข้าจะพูดอีกครั้งเดียวเท่านั้น ปล่อยข้าประเดี๋ยวนี้” เฟิ่ง ชิงเฉินไมม่สามารถหลุดพ้นจากอ้อมกอดของตงหลิงจื่อลั่วได้ และเมื่อนางขยับขาขวาของนาง มันติดอยู่ระหว่างขาของตงหลิงจื่อลั่ว ถ้ายกขึ้นอย่างแรง ตงหลิงจื่อลั่วไม่พิการก็คงเจ็บอย่างมาก ….

นางเต็มใจที่จะถูกฆ่า และกล้าที่จะดึงจักรพรรดิออกจากหลังม้า ตงหลิงจือลั่วมักจะทำให้นางทำอะไรที่ทำเมื่อหมดหนทางออกมา