บทที่ 1776+1777

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1776 ความคับข้องใจของเธอ 5

เมื่อสักครู่มันยังถูกเจ้านายรังเกียจอีก…

มันต้องแสดงตัวตนต่อหน้าเจ้านายอย่างแข็งขัน เพื่อทำให้เจ้านายรู้ว่าความจริงมันก็มีประโยชน์ยิ่งนัก…

ดังนั้นหยกนภาจึงโบยบินมาอย่างกระตือรือร้น ห้อยอยู่เหนือศีรษะของสองคนนั้น ส่องแสงสว่างไสว!

ลำแสงของมันเป็นสีรุ้ง เมื่อเปล่งประกายก็เปรียบดั่งไฟหลากสีบนลานเต้นรำ!

มันกำลังพยายามเปล่งแสงสุดชีวิต ลมจากแขนเสื้อสายหนึ่งพลันสะบัด มันเหมือนถูกปิดสวิตช์ ไม่ส่องแสงในทันที! เบื้องหน้าพลันมืดมน ร่วงหล่นลงมาจากอากาศ ตกลงบนศิลาเขียวด้านข้างเสียงดังตุบ…

เสียงที่มันร่วงลงนั้นกึกก้องยิ่งนัก ราวกับไข่ไก่ที่ตกแตก

ทว่าสองคนที่กอดกันอยู่ไม่มีทีท่าจะมองเห็นมันแม้แต่น้อย เจ้านายก็มองไม่เห็นมัน…

หยกนภาขุ่นเคืองยิ่งนัก มันรู้ว่าผู้ใดเป็นคนเล่นเล่ห์!

ตี้ฝูอี! เมื่อสักครู่ก็คือเขาที่สะบัดแขนเสื้อ!

หยกนภาเปล่งแสงต้องการจะโบยบินขึ้นไปอีกครั้ง ผลคือมีสายลมพัดผ่านอีกครั้ง มันชะงักงันแล้วก็ไม่รู้อะไรอีกเลย

เมื่อจัดการหยกนภาที่ส่องแสงเจิดจ้าได้แล้ว ตี้ฝูอีก็ก้มลงจุมพิตบนริมฝีปากนาง…

กู้ซีจิ่วตื่นเต้นจนสั่นสะท้าน เธอยังคงสะอึกสะอื้น เมื่อถูกเขาจุมพิตก็หยุดชะงักไปแล้ว!

ริมฝีปากของเขาร้อนผ่าว แฝงความปลอบโยนและความปรารถนา ทาบทับลงบนริมฝีปากเธอ ลมหายใจที่คุ้นเคยรินรดปลายจมูก ทำให้หัวใจเธอสั่นระรัว

ตั้งแต่ตัดขาดจากกันครั้งนั้นเมื่อครึ่งปีก่อน ถึงแม้เขาจะเคยกอดเธอบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าไม่เคยจุมพิตเธออีกเลย ยามนี้ริมฝีปากและเรียวลิ้นคลอเคล้า ความคับข้องในใจท่วมท้น น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลมีทีท่าว่าจะเอ่อล้นออกมาอีก

เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเธอรู้สึกถึงความคับข้องหมองใจได้ง่าย เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองก็ร้องไห้อย่างคนเจ้าน้ำตาได้

 “ซีจิ่ว เป็นข้าที่ไม่ดีเอง…” สุ้มเสียงตี้ฝูอีแหบแห้ง กระซิบข้างริมฝีปากนาง

น้ำตาของเธอไหลผ่านเรียวลิ้นที่พันเกี่ยวกัน รสเค็มและขมเล็กน้อย…

กู้ซีจิ่วก็สัมผัสได้ถึงรสชาติของน้ำตาตัวเอง ในที่สุดก็เขินอายแล้ว

เธอเงยหน้าขึ้น หลีกหนีริมฝีปากของเขา ผลักเขาออกจากตัวเล็กน้อย นิ้วมือจรดมุทรา ต้องการจะใช้วิชาชำระล้างให้ตัวเอง

เธอไม่อยากจูบกับเขาทั้งที่ร้องไห้ฟูมฟายเช่นนี้! เลอะเทอะเปรอะเปื้อนจะตาย!

ทว่าเธอเหนื่อยล้าเหลือเกินจริงๆ จรดมุทราได้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกยากเย็น…

ตี้ฝูอีกุมมือน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วเอาไว้พลางมองตานาง ดวงตาของนางบวมแดง ลูกตาดำขลับ ประหนึ่งอัญมณีล้ำค่าสีนิลที่แวววับ

ความจริงเธอในตอนนี้ค่อนข้างน่าเวทนา เมื่อสักครู่เพื่อทำลายเขตแดนนั้น เธอเหนื่อยล้าจนเหงื่อออกโซมกาย อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟาย จมูกที่เชิดขึ้นร้องไห้จนแดงไปหมดแล้ว

ทว่าเธอที่เป็นเช่นนี้ถึงจะเป็นเธอที่แท้จริง และเป็นเธอที่ยังมีชีวิต

หัวใจตี้ฝูอีปั่นป่วน!

เขาจุมพิตลงบนดวงตานาง “ไม่เป็นไร เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”

กู้ซีจิ่วดิ้นรนในอ้อมกอดเขา “ไม่…” เธอไม่อยากให้ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างกระมอมกระแมม

สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนรัก เธอยังคงอยากรักษาภาพลักษณ์งดงามเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ไม่อยากสกปรกเช่นนี้ เธอจะหมองมัวเอา!

ตี้ฝูอีจรดมุทราใช้วิชาชำระล้างให้นางด้วยตัวเอง ในที่สุดก็ทำให้ร่างกายนางสะอาดสดชื่นใหม่อีกครั้ง ทว่าดวงตาที่ปูดบวมกับจมูกที่แดงก่ำนั้นไม่อาจใช้วิชาชำระล้างทำให้หายได้

กู้ซีจิ่วยกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมของตัวเอง ผมที่ยุ่งเหยิงหลังจากพุ่งชนค่ายกลเหมือนคนบ้า

รูปลักษณ์ของเธอ!

เดิมทีเธออยากไปพบเขาอย่างงดงาม แต่ท้ายที่สุด…

ดังนั้นเธอจึงแทบจะไม่มีความใคร่ในอ้อมกอดเขา รีบร้อนผลักไสเขาออก ยกมือขึ้นสางผมของตัวเอง ควานหาสิ่งของภายในหน้าอก เดิมทีเธอต้องการหยิบหวีออกมา แต่หลังจากเอื้อมมือเข้าไปในหน้าอกก็นึกขึ้นได้ว่าร่างนี้ของตัวเองเพิ่งสร้างขึ้นมา ไม่มีอะไรติดตัวเลย

————————————————————

บทที่ 1777 ความคับข้องใจของเธอ 6

อย่าว่าแต่หวีเลย แม้แต่เหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งก็ไม่มี

สิ่งของส่วนมากของเธอเก็บไว้ในมิติเก็บของ และถุงมิติเก็บของก็อยู่ที่ร่างเดิมนั้น ที่หยกนภาก็มีสิ่งของบางอย่างของเธออยู่ แต่ล้วนเป็นพวกโอสถล้ำค่า ไม่มีของใช้ในชีวิตประจำวันเลยสักชิ้น

มือของเธอหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น ในมือของตี้ฝูอีเหมือนเล่นกลบางอย่าง กลายเป็นหวีเล่มหนึ่งปรากฏ “ต้องการสิ่งนี้งั้นรึ?”

กู้ซีจิ่วมองดู หวีเล่มนั้นเป็นหวีที่เขาและเธอใช้ด้วยกันอยู่ในเขตต้องห้ามมาแปดปี เป็นหวีที่เขาขัดออกมาให้เธอด้วยตัวเอง

เธอใช้มันมาแปดปีแล้ว ขัดจนหวีนี้เรียบเนียนและมันวาว ตอนที่แยกจากกัน เธอรวบรวมสิ่งของทั้งหมดที่เขาเคยมอบให้ส่งคืนกลับไป หนึ่งในนั้นก็รวมถึงหวีเล่มนี้ด้วย…

นึกไม่ถึงว่าเขายังเก็บไว้

หวีอันนี้ใช้งานดียิ่งนัก เธอจึงยกมือขึ้นคิดจะรับมันมา ตี้ฝูอีก็ดึงเธอมานั่งบนม้านั่ง “มา ข้าหวีให้เจ้า”

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงรออย่างเชื่อฟัง

ร่างที่เธอสร้างขึ้นมาใหม่น่าจะผ่านด่านเคราะห์กลายเป็นเซียนแล้ว ไม่ว่าเส้นผมหรือผิวพรรณล้วนงดงามยิ่งนัก

ผิวพรรณกระจ่างใสเนียนละเอียด เส้นผมเรียบลื่นปานสายธาร ยามนี้ถึงแม้มัดไว้หลวมๆ อย่างหลุดรุ่ย ทว่าความนุ่มสลวยและความมันวาวยังยอดเยี่ยมยิ่ง ลูบไล้บนฝ่ามือประหนึ่งน้ำเย็นเยียบ

เมื่อก่อนตี้ฝูอีก็เคยหวีผมให้นาง ยามนี้จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี ฝีมือนุ่มนวล ยามเมื่อซี่หวีเคลื่อนไปตามหนังศีรษะเสมือนกำลังนวดคลึงให้นาง

เขาค่อยๆ หวีสางผมของนางจนสุดปลายผม

จู่ๆ ประโยคเช่นนี้ก็ผุดขึ้นในหัวของกู้ซีจิ่ว ‘หวีหนึ่งสางผมจนสุดปลาย สามีภรรยายกถาดเสมอคิ้ว[1] หวีสองสางไปจนท้ายสุด สามีภรรยาอยู่กันจนแก่เฒ่า’

หัวใจเธอพลันหดเกร็ง เธอและเขาถูกโชคชะตากำหนดให้ไม่มีทางรักและให้เกียรติซึ่งกันและกัน อยู่กันจนแก่เฒ่าได้…

หัวใจดั่งมีด้ายเส้นหนึ่งบีบรัด ความเจ็บปวดถาโถมและยังมีความรู้สึกอยากร้องไห้ เธอรีบอดกลั้นมันกลับไป

สามเดือนนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาอย่างดี ไม่ต้องคิดถึงเรื่องใดๆ ทั้งนั้น!

แน่นอนว่าเธอยังต้องหาหนทางที่จะดึงรั้งเขาเอาไว้ให้ได้…

เธอทำลายกฎเกณฑ์สวรรค์มาหลายครั้งแล้ว ไม่แน่คราวนี้ก็อาจจะทำได้เช่นกัน!

เธอสูญเสียเขาไปไม่ได้!

เธอไม่ได้พักผ่อนมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว อันที่จริงก็เหนื่อยล้าอ่อนเพลียเป็นที่สุด อีกทั้งยังร้องไห้ไปอีกหนึ่งยกใหญ่ ในที่สุดตอนนี้ก็ได้พบหน้าตี้ฝูอี หัวใจที่หดเกร็งของเธอคลายลงไปไม่น้อย เมื่อวางใจลงได้ ความง่วงงุนก็คืบคลานเข้ามาหาในทันที…

ขณะที่ตี้ฝูอีหวีผมให้เธอ เธอรู้สึกว่าจะลืมตาไม่ขึ้น…

ตี้ฝูอีจัดทรงผมที่สวยงามมากทรงหนึ่งให้นาง จากนั้นหยิบกระจกบานหนึ่งออกมาวางไว้ตรงหน้า “เด็กน้อย เจ้าดูสิ สวยหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วไม่ได้ตอบกลับเขา แต่กลับล้มกายเอนไปด้านข้าง

ทำเอาตี้ฝูอีตกตะลึง ยกแขนขึ้นโอบกอดนางไว้ เมื่อก้มลงมองก็เห็นนางหลับตาลงเล็กน้อย ลมหายใจแผ่วเบาต่อเนื่อง จู่ๆ ก็หลับไปแล้ว!

แพขนตาของนางยังคงเปียกชุ่ม กลายเป็นเงาครึ่งวงกลมใต้ดวงตา นางมีรอยคล้ำจางๆ ใต้ตา ใบหน้าพริ้มเพราดูเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่านางเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ

หัวใจของเขาพลันสั่นไหวและเจ็บปวด เขาเอนกายอุ้มนางขึ้นมา

นางส่งเสียงงึมงำซ้ำไปมา มือเล็กพันเกี่ยวเกาะกุมสาบเสื้อเขาโดยสัญชาตญาณ ใบหน้าเพริศพริ้งซบลงตรงอกของเขา

เมื่อก่อนเขาอุ้มนางอยู่บ่อยครั้ง และตอนที่นางถูกเขาอุ้มก็จะกอดที่เอวของเขาเป็นประจำ แม้แต่ตอนนอนหลับก็ไม่มีข้อยกเว้น

ความคุ้นชินบางอย่างหากบ่มเพาะแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง แต่การตัดขาดจากกันครึ่งปีเปลี่ยนความคุ้นชินเล็กๆ บางอย่างของนางไป อย่างเช่นนางไม่กอดเอวของเขาอีก ตอนที่เขาโอบกอดนางไว้ มือข้างหนึ่งของนางลู่ลงแนบลำตัว มืออีกข้างหนึ่งกลับกำสาบเสื้อของเขา ท่าทางน่าเอ็นดูจนทำให้คนรักใคร่

——————————————————————-

[1] ยกถาดเสมอคิ้ว อุปมาถึงสามีภรรยาที่รักใคร่และให้เกียรติซึ่งกันและกัน