บทที่ 125 แก้ไขไม่ได้

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 125
แก้ไขไม่ได้ ไป๋เสวี่ยหลี่มองไปที่รูปในโทรศัพท์ของป้าฟางด้วยความพอใจ ทั้งสองต่างก็กอดกันหลับไป ที่ผิวขาวใสของไป๋เสวี่ยหลี่มีรอยแดงๆที่เธอตั้งใจทำขึ้นมาพิเศษ ชางกวนโม่โอบเอวเธอและเธอก็กอดไปกับเขาด้วย

หลังจากนั้นไป๋เสวี่ยหลี่ก็กดเบอร์โทรศัพท์ เธอส่งรูปออกไปแล้วเธอก็หันมาพูดขอโทษกับป้าฟาง “ป้าฟาง ขอบคุณนะคะแล้วอย่างที่เราตกลงกันไว้ก่อนที่จะถ่ายรูป ป้าต้องรับเช็คนี่ไปแล้วหลบหน้าไปสักพักเพราะโทรศัพท์นี่เป็นของป้า พี่โม่จะต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ ฉันกลัวว่าพี่โม่จะทำร้ายป้า…” ไป่เสวี่ยหลี่หยิบเช็ค 5 ล้านหยวนออกมาและยื่นให้ป้าฟาง ใบหน้าไม่แสดงอาการใดๆ

ดวงตาของป้าฟางเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “หลังจากที่ป้าไปแล้ว คุณหนูจะทำยังไงคะ?”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงฉันก็เป็นน้องสาว พี่โม่ไม่น่าจะทำอะไรฉัน ป้ารีบไปเถอะค่ะ ข้างนอกจากมีคนรอป้าอยู่ เขาจะจัดการทุกอย่างให้เอง…” พี่โม่จะโทษเธอได้ยังไง เธอเองก็เป็น เหยี่อด้วยเหมือนกัน คนที่ทำผิดก้มีแต่ป้าฟาง ฮ่าฮ่า!

ป้าฟางรับเช็คไป พยักหน้าและมองไปที่ไป๋เสวี่ยหลี่อีกหน่อยแล้วจึงออกไป หลังจากที่ป้าฟางออกไป ไป๋เสวี่ยหลี่ก็แวบประกายโหดร้ายในสายตา

ไป๋เสวี่ยหลี่ถอดเสื้อผ้าตัวเองอีกครั้ง โยนพวกมันไว้บนพื้นและทำให้ดูกระจัดกระจาย แล้วเธอก็ก้าวขึ้นไปบนเตียง ร่างกายที่เนียนนุ่มของเธอเบียดเข้ากับของชางกวนโม่ เธอรู้สึกพอใจอย่างมาก ถ้าเธอสามารถอยู่แบบนี้ไปได้ชั่วชีวิต เธอหลงใหลในตัวชายที่อยู่ข้างๆเธอมากจริงๆจนแทบจะรู้สึกสับสนไปหมด

ป้าฟางเดินออกมาจากประตูและพบรถสีดำจอดอยู่ไม่ห่างเท่าไร เธอเดินตรงไปและมองไปรอบๆอย่างระวัง แล้วเธอก็ถามออกมา “ใช่คนที่คุณหนูจัดไว้หรือเปล่า?”
ชายที่นั่งฝั่งคนขับพยักหน้า ป้าฟางรีบขึ้นไปนั่งเบาะด้านหลังทันทีแล้วรถก็ขับออกไปด้วยความเร็ว เส้นทางที่รถขับไปค่อยๆห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ป้าฟางจึงถามอย่างสงสัย “นี่ไม่ใช่ทางไปท่าเทียบเรือซะหน่อย นายกำลังจะขับไปไหน?”

ชายที่ขับรถแวบประกายที่ดวงตาและตอบกลับมาอย่างเย็นชา “ใช้ทางลัด!”

ป้าฟางถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ตามในจังหวะที่เธอไม่ได้สนใจ เธอก็ถูกตีเข้าที่หัวอย่างแรง ตอนที่เธอจะสลบไปเธออดที่จะไม่เข้าใจไม่ได้ว่าทำไมคนที่คุณหนูส่งมาถึงหันมาทำลายเธอ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็เกิดไฟไหม้ที่บ้านร้างหลังหนึ่งในชานเมืองเล็กๆ โดยมีป้าฟางสลบอยู่ในบ้านด้วย

ชายในชุดดำยืนมองอยู่ไม่ไกลนักอีกประมาณสิบนาที หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าในบ้านไม่น่าจะมีใครรอดแน่ เขาก็ขึ้นรถและรีบขับออกไป
ช่างโง่อะไรขนาดนี้! ดอกไม้งามอย่างเธอจะไม่มีหนามได้ยังไง มีเพียงคนตายเท่านั้นที่พูดความจริงไม่ได้!

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะเชื่อ เธอเพิ่งได้รับข้อความรูปภาพจากในโทรศัพท์ วันนี้เธอเพิ่งจะรู้ว่าแฟนของเธอจะไม่กลับมาทั้งคืน เป็นเพราะเขาไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น…รูปถ่ายทิ่มแทงตาเธอ หัวใจของเธอตายด้านและดวงตาที่แห้งเหือดก็ราวกับว่าไม่มีน้ำตาอีกแล้ว เธอนี่โง่จริงๆเลยใช่ไหม?! เธอเชื่อว่าเขาจะเชื่อฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ความปรารถนาของเธอบดบังดวงตาของเธอจนหมด

ตอนนี้รูปที่เธอเพิ่งจะได้รับมาราวกับว่ากำลังหัวเราะกับความโง่ของเธอ เธอกัดฟันแน่นและเลื่อนลงไปสุดท้าย บรรทัดสุดท้ายทำให้เธอตกนรกทั้งเป็น: ไป่เสวี่ยหลี่กำลังท้องลูกของ ชางกวนโม่

มู่หรงเสวี่ยล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเธอก็หัวเราะกับตัวเอง หัวใจเธอเย็นเฉียบราวกับหิมะ เธอลุกขึ้นและเขย่าร่างที่อ่อนนุ่มของเธอ แล้วก็ยืดหลังตรงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่ชู
หลังจากนั้นสักพัก เธอก็ขึ้นไปอยู่บนรถของชูอี้เสิ่น เธอเงียบไปตลอดทาง ไม่ร้องไห้ หัวใจของเธอตายด้านไปแล้วและไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องไห้อีกแล้ว เธอเพิ่งได้รู้ความจริงและต้องทรมานเหมือนกับชีวิตที่แล้วแต่เธอจะต้องไม่จบลงแบบในชีวิตที่แล้ว

ในขณะที่ขับรถชูอี้เสิ่นมองมู่หรงเสวี่ยอย่างเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เขาเห็นเสี่ยวเสวี่ยในครั้งนี้ เขารู้สึกว่าเธอแปลกไป ดูเย็นชาอย่างมาก

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงวิลล่าของมู่หรงเสวี่ย มู่หรงเสวี่ยหัวเราะกับชูอี้เสิ่นที่กำลังเป็นห่วง

“พี่ชู ฉันไม่เป็นไร ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่กวนพี่ตลอดเลย…” ขอบคุณพี่ชูที่คอยอยู่เป็นเพื่อน เธอรู้สึกขอบคุณพี่ชูอย่างมากจริงๆ เธอตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าในอนาคต เธอจะต้องช่วยพี่ชูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอกวนฉันเลย เธอ…คืนนี้เธอไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม!? มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” ชูอี้เสิ่นถามออกมาอย่างสงสัย

หัวใจที่เย็นชาของมู่หรงเสวี่ยค่อยๆรู้สึกอบอุ่น เธอกอด ชูอี้เสิ่นอย่างอ่อนโยนและกอดเขาด้วยความขอบคุณ “พี่ชู ขอบคุณนะคะ ฉันโชคดีจริงๆที่มีพี่เป็นเพื่อน”

ชูอี้เสิ่นตัวสั่นและกอดกลับ ร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอและกลิ่นหอมสดชื่นที่มีเพียงมู่หรงเสวี่ยเท่านั้น “ฉันดีใจนะ…” แต่เขาไม่เคยคิดกับเธอเป็นเพื่อน เขาไม่กล้าที่จะพูดออกไป บางทีมันอาจจะเก็บซ่อนไว้ในใจเขาไปตลอดกาล บางทีนะ เขาเพียงแค่อยากให้เธอมีความสุข

เช้าวันต่อมา ชางกวนโม่ค่อยๆลืมตาขึ้นและรู้สึกปวดหัวมาจนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจเพราะความรู้สึกถึงสัมผัสที่ละเอียดที่แขนตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเขาเห็น ไป๋เสวี่ยหลี่ที่ยังหลับอยู่ข้างๆเขา หน้าเขาก็ซีดขึ้นมาทันที เขารีบลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าและมองไปที่นาฬิกาข้อมือ นี่เก้าโมงเช้าแล้ว เขาเปิดโทรศัพท์ มีสายที่ไม่ได้รับและข้อความมากมาย เขาเปิดอ่านข้อความ “พี่โม่ เราเลิกกันเถอะ ยังไงซะมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว…”

มือของชางกวนโม่สั่นขึ้นมาทันทีจนโทรศัพท์ของเขาตกลงกับพื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารีบวิ่งออกมาทันที เขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากจะเจอเสี่ยวเสวี่ยในทันที ความตระหนกในหัวใจเขาไม่อาจหยุดได้ เขาจะต้องเสียเสี่ยวเสวี่ย

เขากลับไปที่วิลล่าและตรงเข้าไปในห้อง อย่างไรก็ตาม มู่หรงเสวี่ยออกไปนานแล้ว เขารีบตรงไปที่วิลล่าของมู่หรงเสวี่ยทันทีพร้อมทั้งกดกริ่งที่หน้าประตู ใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าที่ประตูจะเปิดแต่เขากลับรู้สึกนานเป็นศตวรรษ

ชางกวนโม่รีบเข้าไปและเห็นใบหน้าเย็นชาของเสี่ยวเสวี่ยที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ดวงตาของเธอเย็นชาราวกับไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “เสี่ยวเสวี่ย…”

มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาเบาๆ “อย่าเรียกฉันว่าเสี่ยวเสวี่ย…”
ชางกวนโม่นิ่งอึ้ง ความตื่นตระหนกในหัวใจเขาขยายไปอย่างไม่สิ้นสุดซึ่งค่อยๆจมความสงบของเขาจนหมด “เสี่ยวเสวี่ย ฟังฉันอธิบายก่อน…”

มู่หรงเสวี่ยเปิดโทรศัพท์และโยนไปตรงหน้าชางกวนโม่ “อธิบายเหรอ?! ฉันว่าไม่จำเป็นนะ สิ่งที่คุณทำทำให้ฉันอยากจะอ้วก…”

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเลื่อนดูทีละรูปๆ สีหน้าของเขาซีดขึ้นเรื่อยๆในจังหวะดที่เลื่อนไปทีละรูปๆ มือเขาเริ่มที่จะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้… “เสี่ยวเสวี่ย…นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ…” นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เมื่อวานเขาดื่มไวน์ไปแค่แก้วเดียวเอง

มู่หรงเสวี่ยแสยะ ไม่อยากจะเชื่อว่าหลักฐานที่อยู่ตรงหน้ายังจะทำให้เขากล้าที่จะโกหกได้อีก “เข้าใจผิดงั้นเหรอ?! ชางกวนโม่ ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นผู้ชายที่หน้าไม่อายขนาดนี้…ถึงจุดนี้แล้วคุณยังกล้าที่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอีก…”
ชางกวนโม่อยากที่จะเดินเข้ามา “เสี่ยวเสวี่ย เธอใจเย็นก่อนนะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ…”

“อย่าขยับนะ อย่าเข้ามาใกล้ฉัน…” มู่หรงเสวี่ยหยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา เธอยังลืมครั้งล่าสุดที่ชางกวนโม่บังคับขังเธอไว้

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้วเขาก็หยุด เสี่ยวเสวี่ยทำกับเขาถึงขนาดนี้เลยเหรอ “เสี่ยวเสวี่ย ฉันไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจริงๆนะ ฉันแค่ดื่มไวนืไปแก้วเดียวแล้วก็สลบไป ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย…เธอสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะเชื่อฉัน…”

เชื่อเขางั้นเหรอ?! เธอเคยเชื่อเขามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว เธอเชื่อเขามาไม่รู้กี่ครั้งแล้วแต่แล้วเธอก็ต้องใจสลายซ้ำแล้วซ้ำอีก “โอเค ถึงแม้รูปพวกนั้นจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด งั้นฉันขอถามคุณ ไป๋เสวี่ยหลี่ท้องจริงหรือเปล่า?”

ชางกวนโม่เงยหน้าขึ้นมาทันที เธอรู้แล้ว
ความเงียบกระจายตัวระหว่างคนทั้งสอง หัวใจของ มู่หรงเสวี่ยเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ จากท่าทางของเขาก็ไม่จำเป็นต้องตอบแล้วว่าไป๋เสวี่ยหลี่ท้องจริงหรือเปล่า?! เธอเองก็คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ช่างเป็นความรักที่น่าขำจริงๆ

“คุณไปซะเถอะ ต่อไปเราไม่เคยรู้จักกันอีก…” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาอย่างเย็นชา

เธอเกลียดเขาหรือเปล่า?! เธอไม่รู้ แต่ถึงแม้เธอจะไม่ได้เกลียด แต่ในหัวใจเธอก็ไม่พอใจ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอได้ลิ้มรสชาติการทรยศของความรัก หลังจากนั้นเธอก็กลัวว่าตัวเองจะไม่เชื่อในเรื่องความรักอีก…ถึงแม้ความรักจะมีอยู่จริง มันก็คงไม่ใช่ของเธอ หัวใจเธอแตกเป็นสองส่วนและไม่สามารถที่เติมเต็มได้อีกแล้ว

ดวงตาของชางกวนโม่แดงระเรื่อและมือก็กำแน่น ยังไงซะเขาก็ปิดบังไม่ได้แล้ว เธอรู้ทุกอย่างแล้ว แต่หัวใจที่พยายามขัดขืนก็ยังรักเธออย่างมากจนเขาปล่อยไปไม่ได้และทำไม่ได้ด้วย เขาเดินเข้าไปและอยากที่จะให้มันกลับไปเหมือนเดิม

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไป เธอยกมีดขึ้นมาและเล็งไปที่หัวใจของเธอโดยตรง “ถ้าคุณอยากที่จะพาฉันกลับไปกับคุณ งั้นคุณก็เอาศพฉันกลับไปแล้วกัน…ตอนนี้แค่ฉันเห็นคุณก็รู้สึกจะอ้วกแล้ว ฉันยอมตายดีกว่า…”

เธอรู้สึกว่าบางทีชางกวนโม่อาจจะไม่ได้รักเธอจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่อยากที่จะบังคับเธอตลอด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของเธอก็เริ่มที่จะเจ็บอีกแล้ว และดวงตาเธอก็แวบประกายเยาะเย้ย เธอไม่คิดว่าหัวใจจะยังสามารถเจ็บได้อีก

ชางกวนโม่ทรุดลงและนิ่งไม่ขยับ เธอพูดคำขาดออกมา มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ…ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ชางกวนโม่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องเสียเธอไป ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำให้ความเจ็บปวดในหัวใจเบาลงไปได้ยังไง

“มู่หรงเสวี่ย…”
“ฉันบอกว่าอย่ามาเรียกฉันว่ามู่หรงเสวี่ย…” มู่หรงเสวี่ยพูดออกไป ตอนนี้เรื่องความรักมันไม่สำคัญอีกแล้ว ไป่เสวี่ยหลี่กำลังท้องลูกของเขาและชีวิตก็ถูกลิขิตให้ต้องอยู่กับชางกวนโม่ เธอทนรับเรื่องทะเลาะของคนสามคนไม่ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าที่ความตายของเธอซะอีก ความรักของเธอถึงแม้จะไม่บริสุทธิ์แต่ก็เป็นรักเดียว ถึงแม้การสูญเสียจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดแต่เธอก็ยอมที่จะกลับมารักตัวเองด้วยความนับถือของตัวเอง

ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ความรักอยู่แล้ว!
“คุณไปซะเถอะ แล้วอย่ามาเจอกันอีก…” มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากที่สั่นเทิ้ม ยังไงซะเธอก็รักเขามากเหลือเกิน ถึงแม้เธอจะตัดสินใจเดินออกมาแต่มันก็ยากที่จะทนความปวดใจในตอนนี้

ชางกวนโม่เปิดปาก อยากที่จะพูดอะไรออกมาแต่ในตอนนี้กลับหาคำไหนมาพูดไม่ได้เลย ความตระหนกของการสูญเสียไหลไปทั่วร่างกายและนี่กลายเป็นเรื่องจริง มัน…ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้แล้ว

ดวงตาของเขาพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมานานหลายปีแล้ว สุดท้ายเขาก็ออกมาจากวิลล่าของมู่หรงเสวี่ยด้วยร่างกายที่เหนื่อยอ่อนและตรงไปที่บ้านของไป๋เสวี่ยหลี่ บางคนจะต้องได้รับบทเรียนอย่างหนักที่กล้ามาทำแบบนี้กับเขา

มู่หรงเสวี่ยวางมีดปอกผลไม้ลงและทรุดลงไปนั่งกอดเข่า
ลาก่อนความรักของเธอ
ไป๋เสวี่ยหลี่ต้อนรับเขาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “พี่โม่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”

ชางกวนโม่มองไปที่ไป๋เสวี่ยหลี่ สีหน้าเขาเย็นชาและดูโหดร้ายมากราวกับว่าเป็นปีศาจที่พร้อมจะเขมิบคนเข้าไปได้ทุกเมื่อ

ความรู้สึกภายในของชางกวนโม่ปั่นป่วนไปหมดเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของไป๋เสวี่ยหลี่ เธอพูดออกมาด้วยความกลัว “พี่โม่…พี่โม่ เกิดอะไรขึ้น…ฉัน…เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันดื่มไวน์เข้าไป…วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาและอยากที่จะหาป้าฟางแต่ก็หาตัวไม่เจอเลย…”

ท่าทางเธอดูสงสัยไม่เหมือนคนที่แกล้งทำเลยแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครอีกที่ส่งรูปพวกนั้นไปให้เสี่ยวเสวี่ยถ้าไม่ใช่ไป๋เสวี่ยหลี่ และเมื่อคืนเธอก็เป็นคนที่ชวนให้เขาดื่ม…เขาไม่อยากจะคิดว่าน้องสาวที่น่ารักของเขาจะเป็นคนแบบนั้น

ชางกวนโม่มองเธออยู่นาน ท่าทางเธอยังมีความสงสัยและความกลัวปรากฎขึ้นมาบนใบหน้า นี่เขาเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า?

“ป้าฟางอยู่ไหน?” ชางกวนโม่ถาม ป้าฟางเป็นหญิงแก่ เขาเคยสืบเรื่องเธอมาก่อนแล้ว ไม่มีเบื้องหลังที่น่าสนใจอะไร เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้แต่ทุกอย่างก็ต้องมีข้อยกเว้น

ไป่เสวี่ยหลี่ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็นเหตุผลเลย เมื่อวานเธอยังปกติอยู่เลย ช่วงนี้ฉันไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย…ว่าแต่พี่โม่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันเมาไป?”

“เธอคิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ?” ดวงตาของชางกวนโม่เย็นชา

นิ้วเล็กของไป่เสวี่ยหลี่ดึงที่เสื้อผ้าและพูดออกมาด้วยความอับอาย “ฉันไม่รู้…แต่ฉันตื่นมาเมื่อเช้าและเห็นว่า…แล้วก็หาป้าฟางไม่เจอด้วย…”