ตอนที่ 763 สมควรได้รับการลงโทษ / ตอนที่ 764 หลายคำถาม

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 763 สมควรได้รับการลงโทษ 

 

 

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บนหน้าประวัติศาสตร์จะมีคนแบบซูหลีอยู่เสียที่ไหน!? 

 

 

คนเหล่านี้ต่างพากันปิดปากเงียบ ที่จริงแล้วหากจะประหารซูหลีเพราะเรื่องนี้ อย่างไรก็ไม่เหมาะสม 

 

 

ทว่าหากไม่ลงโทษอะไรเลย ก็จะเป็นเหมือนกับที่ไทเฮาตรัสไว้ นี่เป็นถึงอำนาจของราชสำนัก อีกทั้งพระพักตร์ของฮ่องเต้จะวางอยู่ที่ไหนกัน 

 

 

“ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าซูได้สร้างคุณูปการไว้มากก็จริง ทว่ากระหม่อมคิดว่า แม้จะสร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงไว้ขนาดไหน ซูหลีก็ถือว่าดูแคลนอำนาจสวรรค์ การโกหกปิดบังเช่นนี้อย่างไรก็ไม่ควรจะปล่อยไปเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” ป๋ายไต้ซือที่ดูสถานการณ์โดยไม่พูดอะไรตั้งแต่แรก 

 

 

ในที่สุดก็เปิดปากพูดในเวลานี้ 

 

 

เรื่องในวันนี้ในใจของทุกคนล้วนทราบดีว่า นี่เป็นเรื่องที่ป๋ายไต้ซือกระทำขึ้น ทว่าแม้ในใจรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ทว่าป๋ายไต้ซือของก็แสร้งทำเป็นไม่ทราบถึงเรื่องนี้ 

 

 

เพียงแต่เมื่อเห็นคนของสกุลเซี่ยอย่างเซี่ยอวี่เสียนโผงขึ้น อีกทั้งท่านอ๋องที่อยู่ด้านข้างก็ยังช่วยซูหลีพูด 

 

 

ทิศทางของสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในราชสำนัก ต่างก็มีเหตุผลที่แตกต่างประดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ป๋ายไต้ซือทราบเรื่องนี้อย่างชัดเจนที่สุด ดังนั้นเมื่อเห็นสถานการณ์ดังนี้เขาจึงลุกขึ้น 

 

 

เขาใช้น้ำพักน้ำแรงมากมายถึงเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางให้ซูหลีใช้คุณูปการมาทดแทนโทษให้ครานี้ 

 

 

“คำพูดของป๋ายไต้ซือถูกต้องที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!” หลิ่วเหอผู้นั้นเดิมรู้สึกเกรงกลัวทั้งสองคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนสกุลเซี่ยหรือว่าฉินม่อโจว ล้วนไม่ใช่คนที่เขาควรจะยุแหย่ 

 

 

ทว่าทันทีที่ป๋ายไต้ซือออกหน้าเช่นนี้ เขาก็เสมือนพบบุคคลที่เป็นแกนสำคัญ ในเวลานี้เขาจึงไม่รู้สึกกลัวพวกเขาแล้ว 

 

 

“ซูหลีกระทำผิดเช่นนี้ เป็นถึงโทษที่จักต้องสังหารทั้งครอบครัว นางไม่เพียงแต่ดูแคลนราชสำนัก อีกทั้งยังเห็นกฎหมายของราชวงศ์ต้าโจวเป็นเหมือนดังกระดาษเหลือทิ้งแผ่นหนึ่งเท่านั้น กระหม่อมคิดว่า ควรจะประหารซูหลีพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

“เสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!” ฉินม่อโจวคิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะถึงกับนั่งไม่ติด สีหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนไปในทันที เขายังต้องการจะพูดอะไรออกมา ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็พบกับสีหน้าที่ไม่น่าดูเป็นอย่างมาก 

 

 

ที่จริงแล้วเขานั้นพอจะเข้าใจอุปนิสัยของเสด็จพี่ของเขาดี 

 

 

ฉินเย่หานเผยสีหน้าเช่นนี้ออกมา แสดงว่าอารมณ์ของเขาไม่ดีเป็นอย่างมากแล้วจริงๆ 

 

 

ฉินม่อโจวถึงกับผงะไป ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเวลานี้ตนควรจะพูดต่อ ทว่าอย่างไรก็อย่าพูดต่อเลยดีกว่า เขาไม่รู้ว่าคำขอร้องของเขาจะกลายเป็นน้ำมันที่ราดบนกองเพลิงหรือไม่ อาจจะทำให้ฉินเย่หานเกรี้ยวกราดขึ้นมา 

 

 

ถึงกับขั้นทำให้ฉินเย่หานตัดสินใจบางอย่าง… 

 

 

เป็นเพราะความคิดเหล่านี้ จึงทำให้ฉินม่อโจวหยุดชะงักไป และไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก 

 

 

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” กลับเป็นซูหลีที่เปิดปากพูด 

 

 

นางมองที่เซี่ยอวี่เสียนด้วยสายตาลึกซึ้ง อย่างน้อยนางก็ไม่เสียดายที่ได้เป็นสหายกับเขา ในขณะที่ทุกคนต่างตีตัวออกหากจากนาง รวมถึงบิดาแท้ๆที่ให้กำเนิดนางก็เป็นเช่นนี้ ทว่าเซี่ยอวี่เสียนก็ออกมาช่วยนางพูด 

 

 

ซูหลีมองเห็นสายตาที่ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากของขุนนางคนอื่นจับจ้องที่เซี่ยอวี่เสียน คล้ายกับพวกเขาไม่พอใจที่เซี่ยอวี่เสียนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย 

 

 

ทว่าเซี่ยอวี่เสียนก็ยังออกตัวช่วยนาง 

 

 

น้ำใจนี้ นางจะจดจำไว้ 

 

 

“ที่ใต้เท้าทุกท่านพูดนั้นถูกต้องแล้ว การกระทำขุนนางต้องโทษอย่างกระหม่อมเป็นการสร้างความอับอายให้แก่พวกเราราชวงศ์ต้าโจว ทว่า…กระหม่อมมีคำพูดบางประโยคต้องการพูดพ่ะย่ะค่ะ” ซูหลีก้มศีรษะไม่มองฉินเย่หาน 

 

 

นางไม่มองฉินเย่หานตั้งแต่แรก 

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางไม่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองทำ หรือเป็นเพราะไม่เชื่อมั่นในตัวฉินเย่หาน 

 

 

ฉินเย่หานมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นจึงเอ่ยว่า “พูดเถอะ” 

 

 

น้ำเสียงของเขามีตึงเครียด ดูแตกต่างกับฉินเย่หานยามปกติ 

 

 

ซูหลีเงยหน้าขึ้นมองอย่างห้ามไม่ได้ และจึงเห็นใบหน้าดำทะมึนตึงของฉินเย่หานพอดี 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 764 หลายคำถาม 

 

 

หัวใจของซูหลีเต้นตึกตักอย่างห้ามไม่ได้ 

 

 

นี่เขาเป็นอะไรกัน เหตุใดฉินเย่หานถึงมีท่าทีเช่นนี้ 

 

 

ในยามปกติยามมีสีหน้าเยียบเย็นก็สามารถทำให้คนตกใจกลัวได้แล้ว นับประสาอะไรกับที่บัดนี้เขามีใบหน้าทะมึนตึงเช่นนี้ 

 

 

“…ความผิดของกระหม่อม ผิดที่ร่างกายของกระหม่อม ทว่าผิดที่สภาพสังคมเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” อย่างไรซูหลีก็สามารถหวนคืนสติกลับมาได้อย่างฉับไว 

 

 

นางไต่มาแต่ละก้าว อย่างไรก็ไม่อาจจะถูกผู้อื่นขัดขาจนต้องล้มเลิกทุกอย่างเช่นนี้ 

 

 

แม้ตัวตนที่แท้จริงของนางจะถูกเปิดเผย ทว่านางก็ไม่อยากละทิ้งทุกทุกอย่าง ในทางกลับกันนางยังอยากมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป ไม่อยากให้ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ต้องเสียเปล่า นางถึงได้เปิดเผยตัวตนของตนเองออกมา 

 

 

“หึ!” ทันทีที่เปิดปากพูด หลิ่วเหอผู้นั้นจะแค่นหัวเราะเสียงเย็นอย่างอดไม่ได้ และกล่าวด้วยวาจาถากถางว่า “ใต้เท้าซูหมายความว่าอย่างไร หรือเป็นสภาพสังคมเช่นนี้ถึงได้ทำให้เจ้ากระทำเรื่องที่เป็นข้อห้ามเช่นนี้” 

 

 

“ใช่!” แต่ที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือเมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ออกมาแล้ว ซูหลีกลับพยักหน้าและขานตอบ 

 

 

หรือว่าซูหลีจะเสียสติไปแล้ว 

 

 

“เป็นเพราะสภาพสังคมเช่นนี้ กระหม่อมถึงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษ กระหม่อมขอถามใต้เท้าทุกท่าน ขอทูลถามฝ่าบาท แม้กระหม่อมจะมีร่างกายเป็นสตรี ทว่าในเรื่องช่วยปกป้องแว่นแคว้น ในเรื่องของการสร้างเขื่อนโยธา ในเรื่องของความห่วงใยราษฎร กระหม่อมมีความผิดอะไรอีกหรือไม่” 

 

 

“สิ่งที่กระหม่อมกระทำทุกอย่าง ล้วนเป็นเรื่องหายนะของแว่นแคว้นใช่หรือไม่” ซูหลีย้อนถามเช่นนี้ เสมือนกับเสียงฟ้าร้องดังขึ้นข้างหูทุกคน 

 

 

“ความผิดของกระหม่อมที่มีมากที่สุดก็คือ การเกิดเป็นสตรีคนหนึ่ง ทว่าเกิดมาแล้วก็มีใจที่จะตอบแทนพระคุณของราชสำนักพระคุณของแผ่นดิน กระหม่อมจึงอยากจะใช้กำลังของสตรีคนหนึ่งเข้ามาช่วยงานอยู่ในราชสำนักที่มีแต่บุรุษ!” 

 

 

“ใต้เท้าซู!” นางพูดอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น สีหน้าของหลิ่วเหอพลันเปลี่ยนไป จากนั้นจึงแผดเสียงร้องด้วยโทสะออกมา 

 

 

“ใต้เท้าหลิ่วไม่จำเป็นต้องรีบโต้แย้งขนาดนี้ ข้าอยากจะถามท่านสักหน่อย ท่านเป็นจิ้นซื่อที่เข้ามาอยู่ในราชวงศ์ต้าโจวมายี่สิบเจ็ดปีแล้วใช่หรือไม่” ยามที่ซูหลีพูด สิ่งที่นางเกลียดที่สุดก็คือ มีคนขัดจังหวะนาง 

 

 

หลิ่วเหอมุ่งเป้าพูดให้ร้ายนางอย่างไม่หยุดหย่อน เช่นนั้นก็อย่าหาว่านางพูดจาไม่รื่นหูก็แล้วกัน 

 

 

หลิ่วเหอไม่เข้าใจว่าซูหลีหมายความว่าอย่างไร ทว่าเรื่องนี้เป็นดังที่กล่าวมาจริง ดังนั้นหลังจากซูหลีเอ่ยขึ้นแล้ว เขาจึงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นผงกศีรษะแล้วเอ่ยว่า 

 

 

“เป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า” 

 

 

“วันนี้ใต้เท้าหลิ่วเพิ่งจะทราบถึงตัวตนการเป็นสตรีของข้ากระมัง?” 

 

 

“ใต้เท้าซูปิดปังได้ดีถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้คงยากที่จะทราบถึงตัวตนของเจ้า!” หลิ่วเหอส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงเอ่ยตอบ 

 

 

“เช่นนั้นก็ขอถามใต้เท้าหลิ่วหน่อยว่า คำพูดทุกถ้อยคำทุกประโยคของท่านล้วนกล่าวว่า ซูหลีเป็นคนที่สุดจะทน ทว่าซูหลียังจำได้ว่า ข้าเป็นคนที่สอบได้อันดับ 3 ของการสอบอินเคอขั้นหนึ่ง ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเป็นถ้านฮวาด้วยตัวพระองค์เอง หากเทียบกับตำแหน่งจิ้นซื่อของใต้เท้าหลิ่วแล้ว ข้าแย่กว่าตรงไหนกัน?” 

 

 

หลิ่วเหอได้ยินเช่นนั้นใบหน้าจึงแดงด่ำไปด้วยความโกรธ ทว่าพูดไม่ออกสักประโยค 

 

 

ซูหลีเป็นสตรีแท้จริงอย่างแน่นอน ทว่าคะแนนการสอบเอินเคอนั้น มิใช่ผู้อื่นสอบแทนนาง! 

 

 

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมผิดที่มองสภาพสังคมเช่นนี้ไม่กระจ่าง เป็นคนที่มีความคิดความอ่านกว้างไกลอย่างไม่น่าให้อภัย แม้เพียงเป็นสตรีก็ยังยื่นยืนมายุ่งกับเรื่องบ้านเมืองและราชสำนัก แม้เป็นเพียงสตรีแต่เรื่องที่กระทำก็ล้วนเป็นเรื่องที่ดีต่อแว่นแคว้น” 

 

 

“กระหม่อมมิบังอาจถือว่าตนมีความดีความชอบ ทว่ากระหม่อมอยากจะถามทุกท่าน ก่อนข้ามีใครเคยรักษาและยับยั้งต้นตอของโรคระบาด สามารถจัดการเรื่องของอุทกภัยได้อย่างราบรื่นหรือไม่” 

 

 

ซูหลีถามติดต่อกันหลายคำถาม ทว่าภายในตำหนักกับตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครตอบคำถามของนาง 

 

 

หลังจากฉินม่อโจวได้ยินคำพูดของนางแล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก