ตอนที่ 765 เอาขังคุกหลวง!
ตั้งแต่ซูหลีรับราชการก็ยุ่งมากจริงๆ สาละวนจัดการกับทุกเรื่องที่นางต้องรับผิดชอบ แต่เรื่องพวกนี้นั้นนางทุ่มเทกายใจทำจริงๆ
นอกจากตำแหน่งขุนนางระดับหนึ่งแล้ว นางไม่ได้อะไรทั้งสิ้น
คนบอกว่าควรทำเพื่อบ้านเมืองเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
แต่คนอื่นทุ่มเทล้วนแต่ได้รับรางวัลตามคุณงามความดีที่สร้าง ส่วนนางนั้นสร้างประโยชน์มาก็มากมายไม่ได้รางวัลอะไรก็ยังไม่ว่า ตอนนี้ยังโดนคนดูหมิ่นเพียงเพราะเป็นผู้หญิง
เรื่องประเภทนี้ต่อให้เป็นผู้ชายคิดว่าก็คงรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งยวด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิง
แต่ทว่าในตอนที่ซูหลีต้องเผชิญกับคำดูหมิ่นเหล่านี้ นางกลับไม่ปิดปากเงียบ ไม่พูดจา ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด แต่เพราะแบบนี้ถึงได้ทำให้คนยิ่งสงสารนาง
เพราะอะไรทำคุณงามความดีมามากมายขนาดนี้ แต่จะทอดทิ้งนางเพียงเพราะแค่เป็นอิสตรีเท่านั้นหรือ?
อย่าว่าแต่ซูหลีเลยที่จะโทษสวรรค์ไม่ยุติธรรม กระทั่งฉินม่อโจวก็ยังรู้สึกว่าชะตาเช่นนี้ทำให้คนสงสารจริงๆ
“วันนี้ฝ่าบาทจะลงโทษกระหม่อม กระหม่อมไม่มีอะไรจะพูด กระหม่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์แล้ว แต่กระหม่อมอยากจะบอกว่าในใต้หล้านี้ไม่ได้เป็นโลกของบุรุษ สตรี…” ซูหลีพูดถึงตรงนี้ก็ปรายตามองอิสตรีทั้งหมดในพระตำหนัก
อิสตรีที่ปรากฏกายที่นี่ต่างมาเพื่อทำร้ายนาง
แต่พวกนางก็ต้องฟังคำพูดของนางเอาไว้ให้ดีเช่นกัน!
“ก็สร้างราชวงศ์ต้าโจวแห่งนี้ ขาดคนเหล่านี้ไปไม่ได้เช่นกัน!!!”
ถึงเสียงนางจะดังแต่กลับเหมือนสายอสนีบาต ฟาดลงในโสตประสาทคนฟังสะท้องก้องไปไม่จบสิ้น
กระทั่งไทเฮาที่ไม่ทรงโปรดนางนัก พระพักตร์ยังเปลี่ยนสีน้อยๆ
ส่วนป๋ายถานที่ยืนด้านหลังนั้นใบหน้าพิกลอย่างยิ่ง
ซูหลีคนนี้เก็บเอาไว้ไม่ได้จริงๆ
ท่าทางเช่นนี้ บวกกับความฉลาดขนาดนี้ ภายหน้าจะต้องกลายเป็นหายนะแน่!
“กระหม่อมขอฝ่าบาทรงลงโทษด้วย!” คำพูดที่ควรจะต้องพูดนางก็พูดไปหมดแล้ว นางเชื่อว่าคำพูดที่นางพูดที่นี่วันนี้ จะต้องแพร่ออกไปที่ด้านนอกในชาวบ้าน ซึ่งนี่เป็นวิธีที่นางจะช่วยตัวเองอย่างหนึ่งด้วย
ที่จริงแล้วสถานภาพของผู้หญิงในวิถีชาวบ้านนั้นสูงค่ากว่าชาติกำเนิดและความร่ำรวยเสียอีก
ครอบครัวพวกนั้นไม่ได้อาศัยผู้ชายมาคอยคุ้มครองดูแล ผู้หญิงก็ร่ำรวยทำงานสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?
ก้มหน้าค้าขายก็มีไม่น้อย
ซูหลีไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงใคร หรือเปลี่ยนแปลงอะไร แต่วันนี้ในเมื่อพูดออกมาแล้วเช่นนั้นพวกเขาก็จงรอดูเอาไว้ให้ดีเถอะ
คอยดูฟ้าของต้าโจวจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะนางคนเดียวหรือไม่!
“ใครก็ได้เข้ามา” หลังจากซูหลีพูดจบ จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสขึ้น
เขานิ่งเงียบฟังมาตลอด นอกจากสีพระพักตร์บึ้งตึงแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่น
แต่ใครก็รู้ว่าเรื่องวันนี้ จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับฮ่องเต้
ความคิดของใครก็ไม่สำคัญเท่าฮ่องเต้
“กระหม่อม” ในตอนที่พวกซูหลีโวยวายนั้น โจวเว่ยก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก ตอนนี้พอได้ยินฮ่องเต้ทรงตรัส เขาก็รับคำทันที
“เรามีพระบรมราชโองการ ซูหลีแต่งตัวเป็นชาย หลอกลวงเบื้องสูงจับเข้าคุกหลวง!”
ทันทีที่ตรัสจบ รอบบริเวณก็ตกตะลึงกันทันที
ดังนั้นดูจากท่าทางโอรสสวรรค์ แปลว่าจะทรงลงโทษซูหลี?
ดูแล้วคำพูดทั้งหมดของซูหลีคงไร้ประโยชน์
อย่าว่าแต่ความคิดของคนเหล่านี้เลย กระทั่งตอนที่ซูหลีได้ยินพระสุรเสียงเย็นชนาใจนางยังสั่นระรัว!
ทว่า…
รออยู่นานก็ไม่ทรงตรัสอะไรต่อ
ทุกคนมองหน้ากันปริบๆ
ตอนที่ 766 จัดการ
แต่ละคนต่างตกอยู่ในความงุนงงกันทั้งสิ้น
มันควรจะเป็นจับเข้าคุกหลวงสอบสวนอย่างหนักมิใช่หรือ?
หรือว่าจะยังมีอย่างอื่นอีก
แต่จะทรงตรัสแค่ว่าจับเข้าคุกหลวงเท่านั้นหรือ?
“พ่ะย่ะค่ะ!” คนอื่นงุนงง โจวเว่ยเองก็เช่นกัน ใช้เวลานานกว่าเขาจะรับคำ
“ฝ่าบาทคนอย่างซูหลีเป็นคนก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายให้กับราชวงศ์ ควรจะโดนลากออกไปจัดการให้เรียบร้อย เหตุใดถึง…” ทันทีที่ได้ยินหลิ่วเหอได้ยินกระแสรับสั่งฮ่องเต้ ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
ส่งเข้าคุกหลวง?
แล้วจะจัดการอย่างไร?
แต่ทว่าเขาพูดไปเพียงครึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกว่าทั้งร่างหนาวสั่น เมื่อเหลือบตาดูก็ประสานสบตาเข้ากับพระเนตรเย็นชาขององค์ฮ่องเต้ที่จับจ้องมายังเขา
ราวกับจะทรงมองทะลุส่วนลึกในใจเขาอย่างไรอย่างนั้น
ชวนให้เย็นจับขั้วหัวใจ
“คำพูดของหลิ่วเหอช่างไม่เห็นใครในสายตาจริงเชียว เสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์ งดเบี้ยหวัดครึ่งปี ลดตำแหน่งหนึ่งขั้น!” ไหนจะกล้าคิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่รุนแรงที่สุด หลังจากที่ฝ่าบาททรงทอดเนตรจ้องเขาแล้วก็ตรัสเช่นนี้ออกมา
“พลั่ก!” หลิ่วเหอมองอย่างงุนงง แข้งขาอ่อนยวบยาบ ลงกองกับพื้น ใบหน้าซีดเผือด ดูไปแล้วน่าจะตกใจพอตัวเลยทีเดียว
พวกขุนนางก็เป็นเช่นนี้ ทุกคำพูดคำจาล้วนแต่บีบคั้นองค์ฮ่องเต้
แต่ตั้งแต่ฉินเย่หานขึ้นครองราชย์ก็ใกล้จะ 3 ปีแล้ว นอกจากวิธีการที่ออกจะอำมหิตในตอนที่เพิ่งครองราชย์แล้ว ก็ถือว่าทรงประนีประนอมกับเหล่าขุนนางมาโดยตลอด
ทรงประนีประนอมจนมีบางคนไม่รู้ตำแหน่งของตนเอง…
ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสเช่นนี้แล้วก็แสดงให้เห็นท่าทีที่ทรงมีต่อเรื่องของซูหลี แต่หลิ่วเหอก็ยังจะดันทุรังเข้าขวาง เพียรพยายามจะคัดค้านกับฝ่าบาท ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะคืออะไร?
อย่าว่าแต่หลิ่วเหอคนนี้เลย กระทั่งคนที่อยู่ด้านข้างยังตัวสั่นระริกเพราะความหวาดกลัวนานกว่าจะได้สติและเอ่ยประสานเสียงกัน
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา!”
ไม่ว่าในใจจะคิดเช่นนี้หรือไม่ ตอนนี้ก็ตอบได้เพียงเท่านี้
ไม่เห็นหรือว่าคำพูดพล่อยๆ เพียงคำเดียวของหลิ่วเหอก็ยึดตำแหน่งขุนนางที่เขาพยายามอย่างหนักมานานเช่นไร?
ขุนนางพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเจ้าเล่ห์ เวลาแบบนี้พวกเขารู้ดีไม่ยอมไปแตะต้องโอรสสวรรค์ แต่ตอบรับด้วยน้ำเสียงพร้อมเพรียงแทน
“เลิกประชุมได้!” ฉินเย่หานกวาดสายตามองคนเหล่านี้ด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นแววพระเนตรก็หยุดลงที่ซูหลีที่อ้าปากค้าง จากนั้นก็หมุนพระวรกายสาวพระบาทเดินออกจากตำหนักอวิ๋นเซียว
“เลิกประชุม” หวงเผยซานนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะได้สติ แล้วตะโกนเสียงดัง หลังจากเดินตามหลังฉินเย่หาน รีบร้อนเดินออกจากตำหนักอวิ๋นเซียว
“ใต้เท้าซู เชิญ” โจวเว่ยเกาศีรษะ เขาไม่เข้าใจความหมายของฮ่องเต้ แต่ทำตามกระแสรับสั่งก็เพียงพอแล้ว
“ตกลง” ซูหลีนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตกปากรับคำ และเตรียมเดินตามโจวเว่ยไป
“ซูหลี…” ซูไท่เห็นซูหลีจะจากไปก็เรียกบุตรีอย่างอดไม่ได้ แววตาเขาสับสนขณะมองซูหลี แต่ก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไรบ้าง
ซูหลีชะงักนิ่ง มองเขาเล็กน้อยจากนั้นก็ปรายตามองหลี่ซื่อครู่หนึ่ง
หลี่ซื่อในเวลานี้จ้องนางอย่างโกรธแค้น เหมือนว่านางเป็นคนเลวระยำอย่างไรอย่างนั้น
ซูหลีหัวเราะเยาะ นางเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วก็เอ่ยออกมาอย่างกะทันหัน “ท่านพ่อเรื่องวันนี้ข้าไม่โทษท่านหรอกนะ อย่างไรเสียข้าก็ปิดบังท่าน แต่ท่านพ่อเอาแต่ช่วยคนนอกสายเลือดทำให้ข้าใจสั่น”
“จริงสิ ได้ยินมาว่าน้องชายข้าผู้นั้นคลอดออกมาแล้ว?”
“ซูหลี เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?” หลี่ซื่อส่งเสียงแหลมแสบแก้วหู
“ไม่ทำอะไร” ซูหลีหัวเราะเสียงแผ่วและเอ่ย “ท่านพ่อ ข้าจำได้ ตอนที่หลี่ซื่อท้องน้องชาย เหมือนว่าท่านพ่อไม่ได้อยู่บ้านช่วงหนึ่งเลย!”