ตอนที่ 767 ห้องขังเดี่ยวของซูหลี / ตอนที่ 768 โปรดสวมชุดนักโทษ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 767 ห้องขังเดี่ยวของซูหลี

 

 

ทันทีที่ซูหลีพูดจบ สีหน้าของหลี่ซื่อก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา

 

 

ไม่ได้มีท่าทางดุดันเหมือนดังเมื่อครู่นี้อีก

 

 

สีหน้าของซูไท่เปลี่ยนไป

 

 

“ซูหลี เจ้าพูดจาส่งเดชอะไรออกมา!?” ผ่านไปพักใหญ่กว่าหลี่ซื่อจะมีท่าทีตอบสนอง จากนั้นจึงชี้นิ้วก่นด่าซูหลีด้วยความโกรธ

 

 

“ไม่มีอะไร” ซูหลีฉีกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้ากลับแสดงท่าทีสบายๆ คล้ายกับไม่ได้กังวลการที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุกมิปาน

 

 

“ส่วนเรื่องเกี่ยวกับทายาท อย่างไรท่านพ่อก็ไม่อาจปล่อยให้คนหลอกลวงได้ง่ายๆ มีบางสิ่งหากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน จักต้องพบเบาะแสอย่างแน่นอน”

 

 

ซูหลีพูดจบก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก นางกลับหมุนกายเดินตามโจวเว่ยออกจากตำหนักอวิ๋นเซียวในทันที

 

 

เหลือเพียงเงาแผ่นหลังให้กับซูไท่เท่านั้น

 

 

ซูไท่เห็นซูหลีเป็นเช่นนี้ เพียงรู้สึกว่าในอกของตนกำลังอดกลั้นอารมณ์เอาไว้อยู่ ความรู้สึกนี้คล้ายกับมีอะไรค้างเติ่งอยู่ในลำคอ ไม่ขึ้นมาและไม่ลงไป ทำให้ใบหน้าที่อดกลั้นไว้ในแดงก่ำ!

 

 

“นายท่าน…ท่าน” ซูหลีเดินออกไปแล้ว หลี่ซื่อก็หมุนกายกลับมา อยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะเห็นใบหน้าที่ย่ำแย่ถึงเพียงเช่นนี้

 

 

นางถอยไปด้านหลังอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว

 

 

“ทางที่ดีเจ้าอย่ากระทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีก!” ซูไท่เอ่ยเช่นนี้ทั้งที่กัดฟันอยู่

 

 

สีหน้าของหลี่ซื่อพลันซีดเผือดในทันที

 

 

 

 

“ใต้เท้าซู เชิญขอรับ” โจวเว่ยพูดกับหัวหน้าผู้กุมขังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงนำซูหลีมาถึงหน้าประตูห้องขัง

 

 

ใบหน้าของซูหลีไม่มีริ้วอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปนัก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้าไปภายใน

 

 

ทว่าทันทีที่เข้าไป นางก็ถึงกับอึ้งไป

 

 

นี่มันใช่…ห้องขังจริงๆ หรือ

 

 

ห้องขังตรงหน้านี้ถูกคนทำความสะอาดจนสะอาดสะอ้าน ไม่มีความสกปรกเลยแม้แต่น้อย

 

 

บริเวณข้างกำแพงมีเตียงแบบชนชั้นสูงที่ใช้ไม้หลีฮวา บนเตียงนั้นมีฟูกและผ้าห่มผืนใหม่วางไว้

 

 

นี่ก็ช่างเถอะ ข้างเตียงยังมีโต๊ะเครื่องแป้งตั้งไว้ บนโต๊ะนั้นมีของใช้ส่วนตัวที่สตรีทั่วไปใช้กัน และยังมีชาด น้ำปรุง แป้ง และกระจกแบบถือที่ประดับด้วยการฝังหินปี้สี[1]เอาไว้

 

 

ที่แปลกก็คือ นอกจากของเหล่านี้แล้ว โต๊ะไม้แดงตัวหนึ่งปูไว้ด้วยผ้าปูโต๊ะ และยังมีของว่างที่ยังร้อนๆหลายจานวางอยู่บนโต๊ะ

 

 

“ใต้เท้าซู ที่นี่มีตำราหนังสืออยู่หลายเล่ม ท่านดูเถิดว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมข้าจะสั่งให้คนไปหยิบมาเพิ่ม” โจวเว่ยเดินเข้ามาเป็นคนแรก เขาชี้ไปที่หนังสือที่วางอยู่ในกล่องสีดำใบเล็กที่อยู่ข้างเตียงที่ซูหลีมองไปปราดหนึ่ง

 

 

ใบหน้าของนางยิ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

 

 

“ใต้เท้าซูไม่พอใจหรือ” โจวเว่ยเห็นซูหลีแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ในใจก็เริ่มมีความกังวล

 

 

ซูหลี…

 

 

“ใต้เท้าโจว นี่คงไม่ค่อยถูกกฎนักกระมัง” นางหันศีรษะมองที่โจวเว่ยปราดหนึ่ง

 

 

ห้องนี้ถูกตกแต่งจนดูสะดวกสบายอยู่มาก แม้จะของที่ใช้จะไม่หรูหรานัก ทว่าก็ล้วนเป็นของคุณภาพดี นี่เหมือนกับมาอยู่ในห้องขังเสียที่ไหนกัน นี่เป็นการมาพักร้อนมากกว่ากระมัง

 

 

ซูหลีหันศีรษะไปก็เห็นหน้าต่างช่องเล็กๆ พอดี

 

 

แม้ช่องหน้าต่างจะอยู่สูงมาก ทว่านั่นก็คือหน้าต่าง ในห้องขังจะมีของประเภทนี้ปรากฏได้อย่างไร

 

 

“นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่งขอรับ” โจวเว่ยเป็นคนซื่อสัตย์ เมื่อได้ยินซูหลีถามขึ้นเช่นนี้ เขาจึงเกาศีรษะ คล้ายรู้สึกละอายเล็กน้อย

 

 

“ด้านนอกเตรียมสาวใช้ไว้ 2 คน จะเป็นคนที่รับผิดชอบในการเตรียมอาหารและทำความสะอาด หากใต้เท้าซูมีอะไรที่ไม่สะดวก สามารถบอกพวกนางได้ตลอดเวลา!”

 

 

ซูหลี…

 

 

มีอะไรไม่สะดวก?

 

 

นี่จะไม่สะดวกอีกหรือ นี่เขาแค่ไม่ได้บอกนางตามตรงเท่านั้นว่าเขาให้นางมาเที่ยวที่นี่เฉยๆ!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] หินปี้สี หมายถึง ทัวร์มาลีน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 768 โปรดสวมชุดนักโทษ

 

 

“…เข้าใจแล้ว” อย่างไรนี่ก็เป็นความตั้งใจของฉินเย่หาน

 

 

ซูหลีไม่ใช่คนเขลา เส้นทางที่เดินเข้ามาทั้งสกปรกทั้งยุ่งเหยิงไปหมด มีแม้กระทั่งแมลงสาบ หนูเดินไปทั่วในห้องขัง

 

 

ถึงจะเป็นคุกหลวง แต่อย่างไรก็คือคุกอยู่ดี

 

 

ไม่ใช่สถานที่ที่ให้ความสุขแก่ผู้คน

 

 

อาหารที่เหล่านักโทษกินนั้นล้วนไม่ใช่ของดี ยิ่งไม่ต้องถึงเตียงที่สามารถนอนหลับได้ มีเพียงแค่กองฟางที่มัดกันเป็นกลุ่มๆใช้ปูนอนบนพื้น นั่นถือว่าไม่เลวแล้ว

 

 

เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง…

 

 

คำสั่งของฉินเย่หานนี้ ทำให้ซูหลีอยู่สบายกว่าเดิมไม่น้อย

 

 

แม้ของเหล่านี้ฉินเย่หานไม่ได้เตรียมให้ด้วยตนเอง คาดว่าเขาคงจะพูดกับโจวเว่ยเพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น ทว่าคำสั่งของเขานี้ก็ทำให้ซูหลีลำบากน้อยที่สุด

 

 

ซูหลีเห็นดังนั้นจึงอดรู้สึกอบอุ่นในหัวใจไม่ได้

 

 

“ทุกอย่างล้วนดีมาก ทำให้ใต้เท้าโจวลำบากแล้ว” ซูหลีดึงสติกลับมาและยิ้มให้กับโจวเว่ย

 

 

โจวเว่ยเห็นท่าทางที่เหมือนจะพอใจมาก จึงพยักหน้าและยิ้มให้นาง แล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นใต้เท้าซูพักผ่อนเถิด ท่านวางใจเถิดที่นี่ล้วนเป็นพี่น้องของข้า มีอะไรขอเพียงท่านเอ่ยออกมา”

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้น ความรู้สึกในใจมีความประหลาดยิ่งกว่าเดิม

 

 

นี่เท่ากับต้องการบอกซูหลีว่า นางมาอยู่ในคุกแล้ว ยังมอบองครักษ์หลายคนให้อีกด้วย?

 

 

คุกหลวงมีเรื่องน่าสนใจเช่นนี้เสียที่ไหนกัน!?

 

 

ทว่าซูหลีก็ยังผงกศีรษะตามน้ำและเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ขอบคุณใต้เท้าโจวมาก”

 

 

โจวเว่ยยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหมุนกายเดินออกไป

 

 

หลังจากเขาเดินออกไปแล้ว ห้องขังเล็กๆ ก็พลันเงียบสงัดลง ทว่าในช่วงเวลานั้นที่ซูหลีเป็นผู้ป่วยติดเตียง ก็ใช้ชีวิตเช่นนี้เหมือนกัน

 

 

ดังนั้นนางถึงไม่รู้สึกว่าทุกข์ทรมานนัก

 

 

เพียงแต่เมื่อนางมองไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ในห้องขังบานนั้น มีแสงแดดสีทองสาดส่องมาจากด้านนอก มีพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม นางจึงอดที่จะยิ้มบางออกมาไม่ได้

 

 

หัวใจนางแขวนเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศมาโดยตลอดในที่สุดก็ร่วงลง

 

 

นางพลันเข้าใจฉินเย่หานแล้วว่าทำไมถึงเจตนาสั่งให้ทำห้องขังเช่นนี้ให้แก่นาง นี่เขากำลังบอกซูหลีว่า ไม่ต้องเป็นกังวล

 

 

หากครานี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับซูหลีจริง สิ่งที่รอนางอยู่คงจะไม่ใช่ห้องขังเช่นนี้

 

 

การจัดการเช่นนี้ก็เพื่อต้องการให้นางสบายใจ

 

 

ซูหลีเป็นดังที่เขาหวังไว้ นางรู้สึกโล่งใจ ร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลายลง

 

 

“ใต้เท้าซู” ในขณะที่นางกำลังตะลึงงัน พลันได้ยินเสียงเช่นนี้ดังนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสาวใช้ซึ่งก้มหน้าก้มตาทั้งสองคนเดินเข้ามา

 

 

ยามที่สาวใช้ทั้งสองเคลื่อนไหวนั้น มิได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อย รูปโฉมก็ดูธรรมดาสามัญเป็นอย่างมาก

 

 

ซูหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นจึงผงกศีรษะ

 

 

“นี่คือชุดนักโทษของท่าน” มีสาวใช้คนหนึ่งก้าวมาด้านหน้า ยื่นอาภรณ์ชุดหนึ่งไปตรงหน้าซูหลี

 

 

ซูหลีเงยหน้ามองครู่หนึ่ง ใบหน้ายิ่งมีความสลดใจ

 

 

นี่คือชุดนักโทษหรือ

 

 

หากนี่คือชุดนักโทษ เกรงว่าคนภายนอกก็คงต่างแย่งชิงกันเข้ามาอยู่ภายในคุกแห่งนี้

 

 

ชุดนักโทษที่สาวใช้ส่งมานั้น เป็นชุดที่ขาวดุจหิมะ

 

 

ซูหลีจ้องมองอยู่ปราดหนึ่ง นางพบว่าเป็นชุดผ้าต่วนเสวี่ยนอวิ๋น ซึ่งเป็นผ้าที่เป็นที่นิยมให้เมืองหลวง ผ้าต่วนเสวี่ยอวิ๋นยามสัมผัสจะเย็นดุจน้ำแข็ง และเป็นผ้าที่ทำด้วยมือด้วยหลายกรรมวิธี กอปรกับผ้าต่วนสีขาวดุจหิมะนั่นเป็นผ้าที่หาได้ยากมาก ผ้าต่วนผืนนี้ราคาในตลาดด้านนอกคาดว่าคงจะราคาหลายพันตำลึง

 

 

และเมื่อดูอาภรณ์ชุดนี้แล้ว แม้ว่าจะไม่มีลวดลายอะไร ทว่าลายเมฆบนผ้าต่วนเสวี่ยอวิ๋นเดิมงดงามอยู่แล้ว กอปรกับเป็นงานปักมือที่ประณีตเป็นอย่างมาก ซึ่งถูกตัดเย็บจนกลายเป็นเสื้อตัวนอกตัวเล็ก ท่อนร่างเป็นกระโปรงทรงสุ่มที่มีจีบรอบสิบสองจีบ

 

 

ทันทีที่มือของซูหลีสัมผัสลงบนเนื้อผ้า ก็รู้สึกถึงอ่อนนุ่มของเนื้อผ้า นางคิดหากสวมอาภรณ์ชุดนี้คงจะสบายตัวเป็นอย่างมาก