บทที่ 127
ประสบการณ์การขึ้นรถเมล์
เด็กหนุ่มเองก็ยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่คาดคิดทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าเขาหล่อมากแต่ก็เพียงแค่รู้สึกประทับใจเฉยๆ เขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาๆ “ของกินในเมืองหลวงดังมากเลยนะ เพียงแค่ว่าร้านค่อนข้างจะหายากสักหน่อย มีหลายร้านที่เป็นร้านดั้งเดิมและคนที่ไม่คุ้นเคยก็จะหาร้านไม่ค่อยเจอ…”
โม่อ้ายลี่เงียบลง อาหารที่รักของเธอ!!! “นายหมายถึงเราจะหาไม่เจองั้นเหรอ?! งั้นจะพูดออกมาทำไมตั้งแต่แรกเนี่ย?”
มู่หรงเสวี่ยตกใจเล็กน้อย ความหลงใหลในเรื่องอาหารเป็นธรรมชาติของโม่อ้ายลี่แต่อ้ายลี่ก็พูดตรงเกินไปซึ่งก็น่ารักดี แต่จะพูดกับคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งกับคนที่มีน้ำใจแบบนี้ “อย่าถือสาเพื่อนฉันเลยนะคะ หวังว่านายจะไม่โกรธ” เธอขอโทษชายหนุ่มอย่างอายๆเล็กน้อย
ชายหนุ่มยิ้มอย่างไม่สนใจ เขาไม่ได้โกรธ “ถ้าพวกเธอไม่รังเกียจ ฉันเป็นไกด์ให้ได้นะ ฉันคุ้นเคยกับเมืองหลวงดี แล้ววันนี้ฉันก็ไม่มีเรียนด้วย…”
“ดี ดีเลย นายพาพวกเราไปได้…” โม่อ้ายลี่พูดอย่างมีความสุข
อีกครั้งที่มู่หรงเสวี่ยรีบดึงโม่อ้ายลี่มาอยู่ข้างหลังเธอ เด็กคนนี้ไม่ช้าไม่นานจะต้องถูกหลอกเพราะอาหารแน่ๆ “นี่เป็นเรื่องสนุกหรือไง?! เรายังไม่รู้จักเขาเลยนะ…” ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลวอะไรแต่ใครจะรู้ ยังไงก็ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า อีกอย่างตัวตนของอ้ายลี่ก็ไม่ธรรมดาด้วย ถึงแม้จะถูกปิดบังเป็นความลับไว้อย่างดีแต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ถ้ามีใครเจอเบาะแสและพยายามที่จะมาเข้าใกล้
เด็กหนุ่มรีบส่ายหัวและยกมือขึ้นมา “คือ…อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉัน…ฉันไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย…ดูสิ นี่บัตรประจำตัวฉัน…” เด็กหนุ่มเองก็รีบหยิบบัตรประจำตัวขึ้นมาและส่งให้ มู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยหัวเราะเบาๆ ถ้าเด็กหนุ่มมีเจตนาไม่ดีจริงๆงั้นทักษะการแสดงของเขาก็ต้องเป็นระดับนักแสดงรางวัลเลยล่ะ แต่เธอก็ยังมองไปที่บัตรประจำของเขาและหยิบขึ้นมาดู เขาชื่อ หลิวฮัวลี่ อายุ 19 ครอบครัวของเขาอยู่ในชุมชนที่ถนนวงแหวนรอบสามของเมืองหลวงซึ่งธรรมดามาก
อีกครั้งที่มู่หรงเสวี่ยดึงแขนโม่อ้ายลี่มาด้านหลังและคืนบัตรประจำตัวให้หลิวฮัวลี่และถามออกไปว่า “เราไม่รู้จักกัน แล้วนายมาช่วยเราแบบนี้ทำไม?”
หลิวฮัวลี่รู้สึกเขินเล็กน้อย “คือ ฉันแค่อยากที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเธอ ถ้าฉันรบกวนก็ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกก็เลย…”
มู่หรงเสวี่ยถามเพราะเธอรู้สึกกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอยากจะเข้ามาเป็นเพื่อนกับเธอ แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องรายงานของหนังสือพิมพ์ออก สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นายรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?” บางนี้เขาอาจจะเคยเห็นเธอจากตามรายงานข่าวก็ได้
หลิวฮัวลี่มีสีหน้างุนงง “ฉันไม่รู้จักแต่ก็อยากจะที่จะรู้จักแต่เมื่อเธอพูดขึ้นมาฉันก็ว่าเธอหน้าคุ้นๆนะ ฉันเคยเห็นเธอจากที่ไหนหรือเปล่า…” เขาก้มหัวเล็กน้อยและพยายามคิดอย่างจริงจัง
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกวางใจมากขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆก็ได้ เธอขัดความคิดของเขา “ไม่หรอก พวกเราเพิ่งมาที่เมื่อหลวงและก็ยังไม่เคยออกมาเที่ยวที่นี่มาก่อนเลย อีกอย่างฉันลืมที่จะแนะนำตัวเลย ฉันชื่อเสี่ยวเสวี่ยและเธอชื่อเสี่ยวลี่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ งั้นช่วยนำทางพวกเราทีนะ…” ยังไงซะเธอก็ยังมีมิติลับและเธอก็สามารถปกป้องโม่อ้ายลี่ได้ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา นอกจากนี้อ้ายลี่ก็มองเธออย่างกระหายด้วยจึงไม่อยากที่จะทำให้เธอต้องผิดหวัง
โม่อ้ายลี่ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย เธอจะมีความสุขมากเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้กินอาหารอร่อยๆ
หลิวฮัวลี่ยิ้มและพูดออกมา “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน รถมาแล้วไปกันเถอะ” เขาชี้ไปที่รถเมล์ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล
มู่หรงเสวี่ยหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋าและพบว่าในกระเป๋าเธอไม่มีเหรียญเลย
หลิวฮัวลี่เห็นจึงรีบเอื้อมมือออกไปจับมือมู่หรงเสวี่ยทันที “เธอไม่ต้องจ่ายเงินเยอะขนาดนั้นหรอก…”
มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างใสซื่อ “แต่ฉันไม่มีเศษเลยนะ…” แล้วเธอก็มองไปที่มือที่กำลังจับข้อมือเธออยู่
หลิวฮัวลี่รีบดึงมือกลับ “ฉันขอโทษ ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…ฉันมี เดี๋ยวฉันช่วยออกให้เอง…” สีหน้าเขาออกจะแดงเล็กน้อยแม้แต่ใบหูก็ยังแดงระเรื่อด้วยเล็กน้อย
“งั้นเดี๋ยวฉันจ่ายคืนให้นะ” มู่หรงเสวี่ยเก็บแบงก์หนึ่งร้อยหยวนเข้ามา จับไปที่ด้านข้างของโม่อ้ายลี่และเดินเข้าไปข้างใน เธอเพิ่งเห็นว่าโม่อ้ายลี่เองก็หยิบแบงก์หนึ่งร้อยหยวนออกมาด้วยเหมือนกัน เมื่อเธอเดินเข้าไปและมองรอบๆ รอบๆตัวเธอมีคนอยู่มากมายกระจัดกระจายไปทั่วรถ เธอดึงโม่อ้ายลี่มาและเลือกที่นั่งที่ทั้งสองจะนั่งด้วยกันได้ หลังจากที่พวกเขานั่งลง หลิวฮัวลี่เองก็เดินมานั่งตรงข้ามพวกเธอด้วยเหมือนกัน
กลิ่นบนรถเมล์ไม่ค่อยดีเท่าไร ถึงแม้จะไม่ได้เหม็นมากแต่ก็ยังมีกลิ่นแปลกๆอยู่ดี แต่เพื่อไม่ให้เป็นสนใจมากเกินไปเธอจึงพยายามที่จะปรับตัว ก็มันช่วยไม่ได้นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ขึ้นรถเมล์นี่ เธอไม่รู้ว่ารถเมล์เป็นยังไง มันมีที่นั่งเป็นเหล็กเย็นๆ และสั่นเล็กน้อยเมื่อรถออกตัว โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้วจึงเปิดหน้าต่างได้และลมเย็นๆก็พัดผ่านเข้ามาได้บ้างจึงทำให้รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย
โม่อ้ายลี่ยังคงไม่สนใจ เธอเอนพิงมาที่มู่หรงเสวี่ย ใช้ไหล่ของมู่หรงเสวี่ยเป็นหมอน เธอหลับตาลงและพยายามที่จะนอนหลับ มู่หรงเสวี่ยเองก็ให้เธอพิง เดาว่าเธอคงรีบแวะมาหาเธอทันทีหลังจากที่ลงจากเครื่องเธอเลยรู้สึกเพลียเล็กน้อย ปล่อยให้เธอพักไปก่อนแล้วพอถึงค่อยปลุกเธอก็ได้
มู่หรงเสวี่ยหันมาหาหลิวฮัวลี่และพูดพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณนะ หลิวฮัวลี่”
หลิวฮัวลี่แปลกใจ “รุ่นเดียวกันงั้นเหรอ?”
“ใช่ อาทิตย์หน้าก็จะเริ่มเรียนแล้วและฉันก็เป็นเด็กใหม่ที่มหาลัยเดียวกับนายด้วยเหมือนกัน”
“นี่บังเอิญจังเลยแต่เธอยังดูเด็กอยู่เลยนะ?! ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งแล้ว?” หลิวฮัวลี่พูดด้วยความประหลาดใจเพราะ มู่หรงเสวี่ยดูท่าทางน่าจะอายุประมาณ 15 เท่านั้น ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้ใหญ่มาก แต่ท่าทางก็ยังดูเด็กและไร้เดียงสาอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า ฉันเพิ่งจะฉลองวันเกิดครบ 16 ไปเอง ฉันไม่เด็กแล้วนะ อีกอย่างหลิวฮัวลี่เรียนคณะไหนเหรอ?”
“ฉันมาจากคณะการแพทย์แผนจีน เสี่ยวเสวี่ยล่ะ?” เขาถามอย่างสงสัย
มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ “บังเอิญจังเลยนะ ฉันเองก็เรียนคณะการแพทย์แผนจีนด้วยเหมือนกัน งั้นรุ่นพี่ ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนแพทย์ให้ฟังบ้างได้ไหม?”
“ได้สิ…”
“…”
ยิ่งพวกเขาคุยกันมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งรู้จักกันมากเท่านั้น เหตุผลหลักก็เพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นหมอแผนจีนโบราณจึงคุยกันเรื่องหัวข้อการแพทย์แผนจีนซะส่วนใหญ่ หลิวฮัวลี่รู้สึกประหลาดใจ ทั้งๆที่เธอยังไม่ได้เข้าไปเรียนเลยด้วยซ้ำแต่ความรู้ของเธอกลับดีกว่าเขาซะอีก เธอได้เรียนรู้อะไรมามากมายและการประเมินของมู่หรงเสวี่ยก็ได้เพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรจนพวกเขามาถึง มู่หรงเสวี่ยเขย่าโม่อ้ายลี่ที่หลับอยู่ แล้วทั้งสามก็ลงจากรถมาด้วยกัน
มู่หรงเสวี่ยมองสถานที่หลังจากลงมาจากรถเมล์แล้ว นี่เป็นถนนโบราณ ตึกที่อยู่รอบๆก็จะดูเก่าๆหน่อยและที่ถนนก็มีคนเดินเท้ากันมากมาย แล้วก็ยังมีพวกนักท่องเที่ยวมาเพื่อเดินเที่ยวและถ่ายรูปด้วยเหมือนกัน ถนนทั้งสองข้างมีต้นนุ่นปลูกอยู่เป็นแถวยาวและกลีบดอกไม้ก็กระจายไปทั่วถนนพร้อมด้วยกลิ่นของดอกไม้ที่พัดไปตามสายลมด้วย เป็นสถานที่ที่ดีจนทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกสดชื่นอย่างมาก เธอไม่รู้เลยว่าในเมืองหลวงจะมีสถานที่แบบนี้ด้วย เธอคิดว่าเมืองหลวงจะมีแต่สถานที่อย่าง วิลล่าที่เธอพักอาศัยอยู่เท่านั้นซึ่งมีแต่ตึกสูงๆและแสงแดดร้อนๆ
“สวยมากเลย นี่เป็นถนนเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงเลยนะ ตรงข้างหน้านี้ก็ยังมีร้านขนมด้วยนะ ในนี้มีร้านอาหารอร่อยๆเยอะเลยแล้วราคาก็ไม่แพงด้วยล่ะ…” หลิวฮัวลี่พูดพร้อมรอยยิ้ม
ทันทีที่โม่อ้ายลี่ได้ยินเกี่ยวกับของกิน เธอก็สดชื่นขึ้นมาทันที ทั้งๆที่เมื่อกี้เธอยังง่วงนอนอยู่เลยแต่อยู่ดีๆก็สดชื่นราวกับปลาได้น้ำอย่างงั้นแหละ “งั้นมัวรออะไรกันอยู่อีกล่ะ? รีบไปเร็ว” เธอจับมือมู่หรงเสวี่ยและรีบออกเดินอย่างเร็ว เธออยากที่จะเดินไปร้านขายขนมแล้ว
มู่หรงเสวี่ยยิ้มให้หลิวฮัวลี่อย่างช่วยไม่ได้และพูดออกไปว่า “รีบไปเถอะ วันนี้เสี่ยวลี่ยังไม่ได้กินอะไรมาเลย เธอน่าจะหิวแล้ว…” อันที่จริงตอนที่โม่อ้ายลี่อยู่ที่บ้านเธอ เธอกินข้าวไปแล้วตั้งสามถ้วยจนบนโต๊ะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว ก่อนที่จะออกมาเธอก็ยังกินผลไม้ไปอีกด้วย
หลิวฮัวลี่เองก็ยิ้ม พูดตามตรงเขาชอบความไม่สมบูรณ์แบบของเสี่ยวเสวี่ย เขารู้สึกว่าเธอเป็นธรรมชาติและสบายๆ เขารู้สึกดีมากที่เป็นคนเริ่มที่จะเข้ามาทำความรู้จักสองคนนี้ ถึงแม้พวกเธอจะสวยมากๆแต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย เขาชอบที่จะหาเพื่อนใหม่และเพราะท่าทางที่สดใสมากๆของเขาทำให้เขามีเพื่อนมากมาย
พวกเขาเดินไปร้านขนมที่หลิวฮัวลี่บอกอย่างเร็ว โม่อ้ายลี่เดินเข้าไปในร้านด้วยความตื่นเต้น มู่หรงเสวี่ยและหลิวฮัวลี่เองก็เดินตามเข้าไปด้วย ร้านด้านในจัดแบบสไตล์ย้อนยุค ซึ่งถึงแม้ร้านจะดูเก่าๆแต่ก็สะอาดอย่างมาก
หลังจากที่สั่งขนมไปเป็นสิบอย่างแล้ว โม่อ้ายลี่ก็พูดกับสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆว่า “นั่งลงสิ จะยืนทำอะไรกันล่ะ?”
“ก็เธอแหละ ฉันคิดว่าเธอจะจำได้แค่เรื่องกินแล้วลืมพวกเราไปจนหมดแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยพูดประชดประชัน
โม่อ้ายลี่พูดอย่างอายๆ “ฉันจะลืมเธอได้ยังไงล่ะ? ดูสิ ฉันสั่งอันนี้…”
“ฉันคิดว่าเธออยากแต่จะกิน…”
“ในละครเขาพูดกันว่าไงนะ?! เวลาที่คนเขาจะขอโทษกันอ่ะ…”
“โอเค ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว อีกอย่างตอนที่เธอหลับไปเลยไม่รู้ว่าหลิวฮัวลี่เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยฉันด้วยนะ เขาเองก็เรียนคณะแพทย์แผนจีนด้วยเหมือนกัน ส่วนเสี่ยวลี่มาจากวิทยาลัย อลิซ”
“อลิซงั้นเหรอ?! โรงเรียนขุนนางอ่ะนะ?” หลิวฮัวลี่ถามอย่างประหลาดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าพวกเธอก็คงเหมือนกับเขาและพวกเธอก็ท่าทางนิสัยดีเข้ากับคนง่ายด้วย เพราะเสี่ยวเสวี่ยและเสี่ยวลี่ทั้งคู่ต่างก็แต่งตัวด้วยชุดลำลองธรรมดาๆ พวกเธอไม่ได้สวมเครื่องประดับอะไรเลยด้วยซ้ำแล้วพวกเธอก็มีขึ้นรถเมล์ด้วย…ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะทำเรื่องที่พลาดไปแล้ว