ตอนที่ 361 เขาเป็นพ่อเด็ก
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าปิดบังเฝิงเยี่ยไป๋อยู่ หากให้เฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้า ไม่วุ่นวายจนตำหนักฉือหนิงนี้พลิกไปเลยถึงจะแปลก นางหันศีรษะมองไปนาฬิกาแดดที่วางอยู่ข้างนอก ยามนี้น่าจะยังไม่เลิกราชกิจ เฝิงเยี่ยไป๋ยังอยู่ในวัง ขอเพียงเขายังอยู่ในวัง นางก็พูดได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัว นางเชิดหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เรื่องใหญ่เช่นนี้ ยังต้องคุยกับท่านพี่ก่อนค่อยว่ากัน ท่านพี่ก็เป็นดั่งฟ้าของข้า หากเขาไม่ยอม ข้ายอมแล้ว หน้าเขาก็ดูไม่ดีนัก ไม่เช่นนั้นรอให้ท่านพี่เลิกราชกิจเสียก่อน ถามความเห็นจากเขาแล้วค่อยตัดสินใจเถิดเพคะ!”
ดีเหลือเกิน เอาเฝิงเยี่ยไป๋มาอ้างกับนาง เจ้าเด็กนี้ฉลาดแล้ว ครั้งก่อนที่มายังกล้าๆ กลัวๆ นี่เพิ่งผ่านไปนานเพียงใด ก็กลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เสียแล้ว รู้จักเถียงกับนางแล้ว หน้าไทเฮาเริ่มบูดบึ้งขึ้นมา “ข้าก็หวังดีกับเจ้า ผู้ชายของเจ้าทำงานใหญ่ เรื่องเช่นนี้ก็ไม่ต้องถามเขาแล้ว นี่เป็นเรื่องของพวกเราผู้หญิง ผู้ชายเพียงรออุ้มลูกก็พอ ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น”
เพิ่งจะบอกว่าท่านยายผู้นี้เป็นคนดีอยู่เลย ตอนนี้กลับทำเช่นนี้อีก ท่านยายรักหลาน บ่นนางว่าร่างกายอ่อนแอ จะเลี้ยงหลานรักของนางได้ไม่ดี รั้งนางเอาไว้ จะต้องต้มยามั่วซั่วบำรุงทุกวันให้นางกินให้ได้
ยามที่อยู่ในบ้านเฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้ปล่อยให้นางอยากกินอะไรก็กิน อยากกินเท่าใดก็กินเท่านั้น ทุกอย่างล้วนจัดตามเหมาะสม หากปล่อยให้ไทเฮาทำเช่นนี้ นางจะบำรุงจนมีสภาพเช่นไรเล่า
เฉินยางยิ้มไม่ออกอีกแล้ว นางถูมือ พูดช้าๆ ว่า “ลูกเป็นของเขา เขาไม่เป็นกังวลใครจะเป็นกังวล จะมีใครที่ไม่สนใจรออุ้มอย่างเดียว”
ไทเฮาหน้าบูดบึ้งอย่างสิ้นเชิง ตบโต๊ะตะคอกว่า “เหลวไหล! คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไร ดูแลสามีเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของเจ้า ผู้ชายของเจ้าอยู่ข้างนอกหาเงินเลี้ยงครอบครัว เจ้ากลับบ้านปรนนิบัติเขาดีๆ ไม่ได้ไม่ว่า ยังคิดจะสร้างปัญหาให้เขาอีกหรือ”
เฉินยางกลัวจนขาสั่น นางเม้มปาก ได้ยินไทเฮาพูดอย่างหนักใจอีกครึ่งประโยค “ปีนี้เขาก็อายุสามสิบแล้ว อายุเท่านี้แล้ว ตอนแรกก็ควรจะแต่งภรรยามีหลานได้แล้ว เขาเพิ่งจะได้มีลูกเป็นคนแรก มีลูกน้อยแล้วก็ไม่ดี เจ้าเข้ามาในวัง เขาก็ไม่ต้องกังวลมากมายนัก ในบ้านยังมีพระชายารองอีกสามคน ฉวยโอกาสดีๆ นี้ มีลูกเพิ่มอีกหลายคนถึงจะดี”
ไทเฮาคิดเช่นนี้ก็ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่ฟังอยู่ในหูเฉินยางแล้วกลับหายใจลำบาก นางอยากจะมีหลานยิ่งมากยิ่งดี แต่นางกลับอยากจะเฝ้าอยู่กับสามีตัวเอง ดีที่สุดคือครอบครัวสามคนอยู่กันไปนานๆ
ปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อย่างน้อยเรื่องการมีลูกนั้นพวกนางก็เห็นไม่ตรงกันแล้ว ในใจเฉินยางไม่พอใจ แต่กลับพูดออกมาไม่ได้ นอกจากพูดไม่ได้แล้ว ยังต้องแสร้งทำเป็นใจกว้าง
บางครั้งเฉินยางก็อยากจะเถียงไทเฮาอย่างไม่เกรงใจ ความสัมพันธ์ของนางกับเฝิงเยี่ยไป๋เป็นเช่นไรในใจนางไม่รู้อีกหรือ รู้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋แค้นนางที่เป็นแม่แต่ไม่คิดจะฟื้นฟูความสัมพันธ์แม่ลูก แถมยังทำแต่เรื่องที่ทำเอาเขาแค้นขึ้นไปอีก บอกว่าทำเพื่อเขา ก็ลองถามความเห็นของเขาดูสิ นางคิดว่าดีกับเขา เพียงแต่สุดท้ายแล้วมีแต่จะผลักลูกชายตัวเองไกลออกไปเรื่อยๆ แม่ลูกสองคนไม่ได้เจอกันมานานเท่าใดแล้ว ก่อนจะไปเฝิงเยี่ยไป๋ยังเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่อง กลับมาอีกครั้งเปลี่ยนเนื้อแท้ไปหมดแล้ว นางยังคิดว่าเขาเป็นเด็กที่เชื่อฟังคนนั้น ใช้วิธีเก่าๆ กับเขา ใช้ไม่ได้แล้ว
เพียงแต่คำพูดเหล่านี้นางก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ พูดออกมาก็คืออกตัญญู หากทำเอาไทเฮาโกรธจนเป็นอะไรขึ้นมาอีก ก็จบสิ้นแล้ว
——
ตอนที่ 362 แผนเล็กๆ
ไทเฮาเอาแต่ใจขึ้นมาใครก็ทำอะไรไม่ได้ นางเป็นผู้อาวุโสในวัง ต่อให้เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ถูกกับนาง ฮ่องเต้ไม่ถูกกับนาง ฐานะวางอยู่ตรงนั้น ใครจะทำอะไรนางได้
เฉินยางเกิดความรู้สึกอ่อนแรงลึกๆ ขึ้นมา นางไม่อยากอยู่ในวัง นางอยากอยู่กับเฝิงเยี่ยไป๋ อยู่กับเฝิงเยี่ยไป๋นางรู้สึกสบายใจ นางไม่ได้กลัวว่าเขาจะไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ หากเขาอดทนไม่ได้ไปหาผู้หญิงคนอื่น ถึงเวลามีลูกแล้ว นั่นก็เป็นลูกของเขา นางจะพูดอะไรได้? ให้เขาทิ้งลูกไปหรือ เช่นนั้นก็ไม่ได้
นางกลัวตัวเอง ชีวิตในวังไม่ง่ายนัก นางอยู่ในสายตาของไทเฮาอีก แม้ว่าจะมีลูกในท้องจึงไม่ต้องถูกตี เพียงแต่ตั้งครรภ์สิบเดือนต้องอยู่ในวัง ยังต้องดื่มยาบำรุงวันละสามมื้อ นางก็ดีใจไม่ลง แถมนางยังร้อนรนอีก ก็ไม่รู้ว่าเพราะร้อนหรือเครียด หน้าผากนางมีเหงื่อซึมออกมา มือของนางก็เกาจนแทบขาด สุดท้านนางนั่งไม่อยู่ บอกว่าจะออกไปเดินเล่น
ไทเฮาตอบรับ ให้หงอวี้ตามนางไป ปากบอกว่ากลัวนางไม่คุ้นที่ในวัง อย่าได้ทำผิดระเบียบในที่ที่ไม่ควรเข้า ที่จริงแล้วก็คือเฝ้าจับตานาง กลัวนางตุกติกวิ่งไปฟ้องเฝิงเยี่ยไป๋
หงอวี้นำทางอยู่ข้างหน้า เฉินยางจงใจเดินช้าลงอยู่หลายก้าว ถามซั่งเหมยเสียงต่ำว่า “พวกเจ้าไม่ใช่ว่ามาจากในวังหรือ น่าจะคุ้นกับที่ทางในวังมากกว่า จากที่นี่ไปที่ประชุมราชกิจไกลเพียงใด”
ซั่งเหมยตกใจ กล่อมนางว่า “นายหญิง หากท่านคิดไปไปหาท่านอ๋อง เช่นนั้นบ่าวขอบอกท่านว่ารีบล้มเลิกความคิดนี้เสีย ในวังเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา ทุกประตูมีองครักษ์ต้องห้ามเฝ้าอยู่ อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้แต่ฮองเฮาก็ยังไม่อาจไปที่ใดก็ได้ ท่านรีบเลิกคิดเสียเถิด หากเดินผิดที่แล้วถูกจับได้ ก็จะถูกประหารเอา”
เพียงแค่เดินผิดที่แล้วถูกจับได้ก็ต้องถูกประหาร นางรู้ว่าในวังมีระเบียบอยู่มาก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ นางไม่ได้คิดจะไปหาเฝิงเยี่ยไป๋ตรงๆ นางเพียงอยากจะฝากคนส่งจดหมายให้เขา เพียงแต่พอเป็นเช่นนี้ ก็กลัวจะทำร้ายคนอื่นเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง แผนเล็กๆ สุดท้ายนั้นจึงเป็นอันล้มเลิกไป
ซั่งเซียงกล่อมอยู่ข้างๆ ว่า “ท่านอย่าได้เป็นกังวลเลย ท่านอ๋องกลับไปแล้วหากไม่เห็นท่าน จะต้องมาตามหาในวัง ถึงยามนั้นมาขอคนจากไทเฮา ไทเฮาจะไม่ให้ได้หรือ”
ความสามารถในการพูดเรื่องเท็จนางเคยเห็นมาแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋จะมา จะต้องมีความวุ่นวายไม่น้อยอีกครั้ง ครั้งที่แล้วก็ทรมานแล้วครั้งหนึ่ง มาอีกครั้งหนึ่ง ใครจะทนได้?
นางเดินไปพลางถอนหายใจไปพลาง โทษก็ต้องโทษนางเองที่โง่ เรื่องมาถึงยามนี้ก็ยังคิดหาวิธีเอาตัวรอดไม่ได้ พวกเขาออกจากตำหนักฉือหนิง เดินผ่านทางเดินสายหนึ่ง ภาพตรงข้างหน้าค่อยๆ เปิดกว้าง ทั้งดอกไม้ใบหญ้า สีสันสวยงาม ภาพเช่นนี้ ช่างตรงกับประโยคที่ว่าชาตินี้ยากจะได้เจอไม่กี่ครั้ง
หงอวี้ก้าวเท้าช้าลง พานางเดินเล่นอยู่ในสวน ตอนแรกพูดว่าไทเฮาดีอย่างไร เห็นใบหน้าของนางเพียงเลือนราง ดูไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ คิดว่าในใจคงไม่ชอบนางย่อมฟังไม่เข้าหู ก็ไม่พูดอีก พอเงียบไปครู่หนึ่ง หงอวี้เปลี่ยนเรื่องแล้วถามนางว่า “บ่าวได้ยินว่าพระชายากับท่านหมออิ๋งโจวรู้จักกัน ท่านหมออิ๋งโจวนั้นเป็นลูกชายของเจ้าสำนักหมอหลวงอิ๋งหง วิชาหมอล้ำเลิศ บ่าวเคยได้ยินไทเฮาพูดถึง เพียงแต่ไม่เคยเจอตัวจริงเลย เพียงแต่คิดว่าน่าจะเป็นเหมือนใต้เท้าอิ๋ง ล้วนเป็นท่านหมอดีๆ ที่ช่วยชีวิตคน!”
พูดถึงอิ๋งโจว สีหน้าของเฉินยางถึงได้ดีขึ้น แล้วพูดตามนางต่อ “กูกูพูดได้ถูกต้องนัก ท่านหมออิ๋งโจวช่วยชีวิตคนมากมาย เป็นท่านหมอดีๆ ที่หาได้ยากนัก”