ตอนที่ 363 พระชายาก็อยู่ตำหนักฉือหนิง / ตอนที่ 364 ภรรยาตัวเองยังอุ้มไม่ได้หรือ

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 363 พระชายาก็อยู่ตำหนักฉือหนิง

 

 

 

 

หงอวี้เดินช้าลงเล็กน้อยตามอยู่ข้างๆ เฉินยาง พูดเหมือนดั่งคุยเรื่องทั่วไปว่า “ใต้เท้าอิ๋งกับไทเฮาของพวกเรารู้จักกัน เมื่อก่อนท่านอ๋องป่วยหนัก ตอนแรกบอกว่าจะส่งหมอหลวงไปที่จวน เพียงแต่ได้ยินว่าอิ๋งโจวก็พักอยู่ที่จวนท่านอ๋องแล้ว ก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย ใต้เท้าอิ๋งเป็นคนดี ท่านหมออิ๋งโจวก็ใช่”

 

 

เฉินยางถูกนางพูดใส่จนงง ไม่รุ้ว่านางคิดอะไรอยู่ ก็ไม่กล้าตอบ จึงได้แต่พูดไปตามนางว่า “ท่านหมออิ๋งโจวเป็นคนดีอยู่จริง”

 

 

ก็ไม่รู้ว่านางฟังไม่ออกหรือแกล้งไม่รู้เรื่อง คนปกติได้ยินแล้วไม่ใช่ว่าควรถามไทเฮากับพ่อของอิ๋งโจวรู้จักได้อย่างไร เป้าหมายจะแสดงจนชัดเจนไม่ได้ ไทเฮาจะรั้งนางไว้อยู่ที่ตำหนักฉือหนิง หลังจากนี้ก้มศีรษะไม่เจอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอ หากนางค่อยๆ รู้เรื่องขึ้นมา นิสัยเช่นนี้ พูดอะไรไม่รู้จักปิดบัง พอถามไทเฮา ไทเฮาเป็นคนขี้สงสัย จะต้องคิดมากแน่นอน

 

 

หงอวี้ก็ไม่พูดแล้ว ค่อยๆ เดินเป็นเพื่อนนาง พูดบ้างเป็นบางครั้ง ก็ล้วนเกี่ยวกับดอกไม้ดอกหญ้า เวลาส่วนมากก็นิ่งเงียบ ในสวนมีสีสันสวยงาม เพียงแต่ที่มุมมักจะเผยความหนางเหน็บออกมา ช่วงเดือนที่ร้อนที่สุด นางกลับขนลุกไปทั้งตัว

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ถึงแล้วก็ไม่ได้ปัดงานที่ถูกคนด่า ความสามารถที่เก่งที่สุดของฮ่องเต้ก็คือเอาแต่ใจ เจ้าปฏิเสธ ฮ่องเต้ไม่ฟัง เดี๋ยวก็ไอเดี๋ยวก็ปดวศีรษะ ไม่เช่นนั้นก็คือบอกไม่สบาย เจ้าพูดของเจ้า ฮ่องเต้ก็ยังคงออกราชโองการ เฝิงเยี่ยไป๋มีความสามารถมากมายเพียงใดก็ไม่มีที่ใช้ ก็เหมือนดั่งชกใส่นุ่น ไม่เกิดเสียงเลย

 

 

พอเลิกราชกิจ เขาเดินไปข้างนอกคนเดียว ล้วนรู้ว่าเขาไม่พอใจ ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา เดินผ่านข้างกายเขา ก็พูดเพียงว่า ท่านอ๋องดี จากนั้นก็หลบไปไกลๆ

 

 

สามคนที่ครั้งก่อนถูกเขาจับผิดนั้น ก็ตามอยู่ข้างหลังเขาด้วยความหวาดกลัว บนราชกิจไม่อาจช่วยพูดให้เขาได้ ทั้งสามคนนี้ต่างหวาดระแวง กลัวเขาจะโทษลงมา เป็นเรื่องแน่ๆ

 

 

เพิ่งออกจากตำหนักไท่เหอ ขันทีผู้ดูแลใหญ่ในตำหนักไทเฮาก็มาเชิญเขา บอกว่าไทเฮามีเรื่องจะพูดกับเขา

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่แม้จะคิดก็ปฏิเสธไป ยกมือขึ้นมา ก็ผลักจนขันทีเซล้ม

 

 

“ท่านอ๋อง ท่านฟังบ่าวเสียหน่อย…” ยังดีที่ขันทีอายุไม่มาก ถูกผลักแล้วยังสามารถลุกขึ้นยืนได้ เขาวิ่งเหยาะๆ ขึ้นไป “พระชายาก็อยู่ที่ตำหนักฉือหนิง ท่านไม่ไปดูหรือ”

 

 

คำพูดนี้มีประโยชน์กว่าคำพูดเป็นร้อยพัน เฝิงเยี่ยไป๋หยุดทันที สีหน้าบูดบึ้ง “ไฉนนางถึงอยู่ที่นั่นได้”

 

 

เรื่องที่พระชายาตั้งครรภ์ไทเฮารู้แล้ว เรื่องเป็นอย่างไร บ่าวก็ไม่ทราบ อย่างน้อยท่านไปดูเสียหน่อย เห็นใจความลำบากของบ่าว”

 

 

ไทเฮาพบเฉินยางจะมีเรื่องดีอะไรได้ คงจะหาวิธีอะไรทำให้พวกเขาสามีภรรยาทะเลาะอีกแน่ๆ วันนี้จมูกข้างหนึ่งหายใจไม่สะดวก อีกข้างก็ถูกคนอุดไว้อีก เขาหักข้อนิ้วดังเปรี๊ยะๆ ขันทีที่อยู่ข้างๆ ตกใจหดไหล่ เขาเดินไป ขันทีต้องวิ่ง คนที่ฝึกวิชามาหลายปีเพียงเดินใต้เท้าก็มีลม ไร้วิชาที่เท้า ก็ตามเขาไม่ทันจริงๆ

 

 

เฉินยางเดินเล่นเสร็จกลับมาที่ตำหนักฉือหนิง ชนเข้ากับเฝิงเยี่ยไป๋พอดี กำลังแปลกใจอยู่ว่าเขามาได้อย่างไร เฝิงเยี่ยไป๋กลับอ้าปากด้วยความร้อนรนว่า “ชนเจ้าเข้าให้แล้ว ไม่ได้เจ็บใช่หรือไม่”

 

 

นางทำหน้านิ่ง “ข้าไม่ใช่ตุ๊กตาดินเผาเสียหน่อย ชนก็แตกแล้ว… ไฉนท่านถึงมาแล้ว”

 

 

“ข้ายังจะถามเจ้าอยู่เลย ใครเรียกเจ้ามา”

 

 

นี่ไม่ใช่ถามทั้งๆ ที่รู้หรือ ไม่ใช่ไทเฮาส่งคนมารับ นางว่างจนเบื่อเข้าวังมาเองหรือ

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 364 ภรรยาตัวเองยังอุ้มไม่ได้หรือ

 

 

 

 

ที่ไทเฮาเกลียดที่สุดก็คือท่าทางของเฝิงเยี่ยไป๋ที่ปกป้องเฉินยางอยู่ตลอด โดยเฉพาะได้ยินว่าถูกตัวเองเรียกมา ก็เหมือนดั่งภรรยาเขาตกลงไปอยู่ในรังหมาป่าเช่นนั้น กังวลจนออกหน้าเกินไป

 

 

สีหน้าไทเฮาบูดบึ้งลง พูดเสียงเย็นชาว่า “ต่อหน้าคนมากมายกอดกันไปมาใช้ได้อย่างไร ปล่อยมือ!”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋กุมมือนางแน่นขึ้นไปอีก พูดเสียงดังว่า “ภรรยาของข้าข้ายังกอดไม่ได้หรือ ไม่ได้ขโมยผู้หญิงเสียหน่อย กอดแล้วจะเป็นอะไรไป ข้าจะดูว่าใครกล้านินทา”

 

 

เหล่านางกำนัลและขันทีที่ปรนนิบัติอยู่ในตำหนักตัวสั่นเล็กน้อย คำพูดนี้คือพูดกับคนใช้เพียงแต่ที่พูดอยู่นั้นแท้จริงแล้วเป็นไทเฮา ลูกชายคนนี้ ไม่ได้ให้หน้าผู้เป็นแม่เลย ไทเฮาขายหน้ายิ่งนัก โกรธจนหน้าสั่น

 

 

เฉินยางกระตุกแขนเสื้อของเขา กลัวว่าไทเฮาจะโกรธจนเป็นอะไรขึ้นมา เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นนางจิ้งจอกยั่วสวาทแล้ว

 

 

ไทเฮาดื่มชาไป คิดแล้วก็ช่างเสียเถิด จะคิดมากมายกับเขาทำไมกัน หลังจากที่สงบอารมณ์ได้แล้ว ก็เรียกคนให้ที่นั่งเขา

 

 

“ไอเจีย[1]ถามเจ้า ภรรยาของเจ้าตั้งครรภ์แล้ว ไฉนเจ้าถึงไม่บอกไอเจีย”

 

 

ผู้เป็นแม่ มีคนใดที่ไม่รู้สึกลูกชายได้ลูกแล้วยังปิดบังนางอีก เพียงแต่นางอยู่ในวัง เขาอยู่นอกวัง ความห่างไกลทำให้ไม่อาจดูแลได้ ต่อให้ในใจจะโทษเขา บนปากก็ไม่อาจตำหนิจนหนักเกินไป กลัวว่าเขาออกไปแล้ว ก็จะไม่ก้าวเข้ามาประตูตำหนักของนางนี้อีก

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปิดบังนาง เขาจงใจแทงเรื่องใจเจ็บของนาง “นี่เป็นเลือดเนื้อตระกูลเฝิงของพวกเรา เกี่ยวอะไรกับไทเฮาหรือ บอกไทเฮาจะมีประโยชน์อันใดหรือ”

 

 

ไทเฮาเจ็บอยู่ในใจ ปวดจนขมวดคิ้ว “ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับไอเจียหรือไม่ ไอเจียก็เป็นแม่แท้ๆ ที่คลอดเจ้าเลี้ยงเจ้ามา เด็กคนนี้เป็นหลานของไอเจีย ไอเจียมีสิทธิ์ที่จะรู้”

 

 

“ไอเจีย? ไทเฮาคงจะจำผิดเสียแล้วกระมัง ข้าแซ่เฝิง ไม่ได้แซ่อวี่เหวิน ไม่ใช่เชื้อสายของฮ่องเต้องค์ก่อน และก็ไม่มีแม่ที่เป็นไทเฮา”

 

 

เมื่อก่อนเขาไม่ยอมรับนาง เหตุผลก็ต่างรู้อยู่แก่ใจ เพียงแค่ไม่พูดออกมา มักรู้สึกว่ายังมีโอกาสที่จะแก้ไขได้ เพียงแต่วันนี้พูดออกมาแล้ว โอกาสสุดท้ายก็ไม่มีแล้ว ไทเฮาพิงไปที่เก้าอี้ เหมือนแรงถูกสูบจนหมดสิ้น “ไอเจียคลอดเจ้าเลี้ยงเจ้ามา นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้ว…”

 

 

ที่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ชอบที่สุดก็คือได้ยินนางเรียกตัวเองว่า ไอเจีย ด้านหนึ่งก็คิดจะคืนดีกับเขา อีกด้านก็ยืดติดกับฐานะปล่อยวางไม่ลง พูดไอเจียอยู่ทุกคำ ตัวเองก็ไม่ยอมละทิ้งฐานะที่ว่าข้าเป็นใหญ่นั่น เขาจะยอมรับก็คือยอมรับแม่ ไม่ใช่เชิญไทเฮากลับบ้านไปถวายเช้าเย็น

 

 

วันนี้เฝิงเยี่ยไป๋หงุดหงิดบนราชสำนัก นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ที่ไทเฮานี้ก็ทำเอาโกรธเสียอีก จึงอยากจะพาคนกลับไปก่อนที่ไทเฮาจะอ้าปาก นี่ช่างเป็นแม่แท้ๆ ของเขาเสียจริง คิดทุกวิธีให้เขากับภรรยาแยกออกจากกัน เหมือนดั่งเขาไม่สงบ นางก็ดีใจเช่นนั้น

 

 

ครั้งนี้ท่าทีของเขาแข็งกร้าว แววตาลุกเป็นไฟ “หากไทเฮาไม่มีเรื่องใดจะสั่ง ข้าขอพาภรรยากลับไปก่อนแล้ว”

 

 

ครั้งนี้ไทเฮาก็ตัดสินใจไว้แล้ว ไม่ยอมล้มเลิก ไม่ปล่อยคน “ไม่สนว่าเจ้าจะยอมรับไอเจียเป็นแม่เจ้าหรือไม่ ลูกที่อยู่ในภรรยาของเจ้า อนาคตก็ต้องเรียกข้าว่าย่า ภรรยาของเจ้าร่างกายอ่อนแอ จวนท่านอ๋องก็ไม่มีหมอหลวง เจ้าเป็นผู้ชาย จะอยู่ตลอดด้วยก็ไม่ได้ เจ้าจะกลับไปก็กลับไปเถอะ ทิ้งเจ้าเด็กนี้ไว้ ลูกในท้องของนางเห็นหลานของไอเจีย ไอเจียไม่ปฏิบัติกับนางแย่นัก เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพียงรอข่าวก็พอ!”

 

 

 

 

——

 

 

[1] ไอเจีย เป็นคำเรียกแทนตัวเองของฮองเฮาหรือไทเฮาที่พระสวามีสวรรคตแล้ว