ตอนที่ 365 อย่างน้อยข้าก็เป็นสามีเจ้า / ตอนที่ 366 แต่งเข้ามาก็คือนายหญิง

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 365 อย่างน้อยข้าก็เป็นสามีเจ้า

 

 

 

 

เฉาเต๋อหลุนรู้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋และไทเฮาไม่ถูกกัน และก็รู้ว่าฐานะอันสูงส่งของเฉินยางที่อยู่ในใจเขา หากปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้แน่ๆ ท่านอ๋องกลับมาโกรธจัด ไม่มีใครรอดพ้นได้ เขาคิดไปคิดมา ยังมีใครสามารถกล่อมได้อีกหรือ

 

 

เว่ยหมิ่น!

 

 

หลานสาวแท้ๆ ของไทเฮา ทั้งสองฝ่ายสามารถคุยกันได้ ไปหานางเหมาะสมที่สุดแล้ว

 

 

เรื่องนี้เขาต้องไปทำเอง เขาควบม้าไปที่จวนท่านหญิง แล้วพูดให้เว่ยหมิ่นฟัง ให้นางรีบเข้าไปดูในวังเสียหน่อย หากสายแล้วทั้งสองแม่ลูกทะเลาะกันขึ้นมา ถึงยามนั้นจะทำให้เรื่องสงบได้ยากนัก

 

 

เว่ยหมิ่นได้ยินข่าวที่เฉินยางตั้งครรภ์ยังอึ้งอยู่เล็กน้อย ท้องแล้วหรือ เร็วเช่นนี้? ครั้งก่อนยังเห็นนางหงุดหงิดกับเฉินยางอยู่เลย ยังเป็นเฝิงเยี่ยไป๋ที่ว่องไว มีทั้งภรรยาและลูกเร็วเช่นนี้แล้ว

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์ได้ยินก็เจ็บปวดยิ่งนัก ด้านหนึ่งก็เจ็บใจตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ร่วมหอเลย อีกด้านก็เจ็บใจแทนเฝิงเยี่ยไป๋ เส้นทางความรักอุตส่าห์ได้มีวี่แววแล้ว แม่ของตัวเองกลับเข้ามาแทรกอีก ไม่ต้องคิดก็รู้ ในใจเขานั้นรู้สึกอย่างไร!

 

 

“ไทเฮาก็ทำเกินไป พวกเขาสองสามีภรรยามีชีวิตอยู่ด้วยกันดีๆ นางก็ยังจะเข้าไปยุ่งให้ได้” เว่ยหมิ่นว่าไทเฮามากไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็เป็นป้าของนาง หลายปีมานี้นางก็ดูนางผ่านมาเช่นนี้ ไม่ง่ายนัก เพียงแต่… นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างร้อนรนเกินไปเสียจริง ทำเอาเสียเรื่องไปหมด

 

 

เฉาเต๋อหลุนทำหน้าเคร่งเครียดพูดว่า “นิสัยท่านอ๋องเป็นอย่างไรท่านรู้ดีที่สุดแล้ว ไม่กลัวอย่างอื่น กลัวเพียงว่าหากสองแม่ลูกทะเลาะกันขึ้นมา ไทเฮาโกรธจัดจนเป็นอะไรขึ้นมาอีก ถึงยามนั้นก็จะแก้ไขยากเสียแล้ว”

 

 

“พอแล้ว ข้ารู้แล้ว ข้าจะเข้าวังตอนนี้ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ดูพระชายารองที่อยู่ในจวนของเจ้าให้ดีๆ อย่าได้เกิดเรื่องใดขึ้นมาอีก”

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์กอดเสาเอาไว้แล้วบ่นว่า “เมื่อก่อนไทเฮาเป็นคนที่ตามใจคนนัก ตอนยังเด็กข้าทำผิด ขอเพียงหลบอยู่ข้างหลังนาง ไม่ว่าอาวุธใดๆ ก็ต้องวาง ตอนนั้นข้าอิจฉาเฝิงเยี่ยไป๋นัก แม่ของนางทั้งสวยทั้งอ่อนโยน ข้ายังอยากจะแลกกับเขาเลย ไฉนตอนนี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ เหมือนดั่งได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเสียแล้ว”

 

 

เว่ยหมิ่นดุใส่เขา “พูดอะไรเหลวไหล เจ้าไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในวัง ไม่รู้ความลำบากที่อยู่ข้างใน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ อย่าว่าแต่ไทเฮาเลย ต่อให้เป็นพระแม่นักบุญอยู่ในวังสิบกว่าปีก็สามารถฝึกจนกลายเป็นนางมารที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้าได้”

 

 

“ประหลาดได้ถึงเพียงนั้นเลยหรือ” เหลียงอู๋เย่ว์เป็นผู้ชายอกสามศอก กอดเสาเอาไว้ส่ายไปส่ายมา เหมือนดั่งเด็กที่ยังไม่โตอยู่เช่นนั้น

 

 

เว่ยหมิ่นถีบเขา “ยังยืนอยู่ที่นี่ทำไมอีก ยังไม่รีบไปเตรียมเกี้ยวให้ข้า!”

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์ส่งเสียงร้อง “อย่างน้อยข้าก็เป็นสามีเจ้า มีใครที่ปฏิบัติต่อสามีดั่งเจ้าเช่นนี้หรือ”

 

 

เว่ยหมิ่นชูกำปั้นให้เขา “ข้าเป็นท่านหญิง เจ้าเป็นจวิ้นหม่า นายบ่าวต่างกันรู้หรือไม่ ยังไม่รีบไปอีก!”

 

 

เขานี่คือแต่งได้ภรรยาเสียที่ใด เขาแต่งได้เจ้านายมาต่างหาก ชีวิตปกติต้องรักษาระยะห่างจากนาง จะขอร่วมหอก็ถูกตี ได้นอนอยู่ห้องเดียวกันแล้วก็ดีใจเสียเปล่า นางชี้ไปที่เตียงข้างหน้าต่าง เอาผ้าห่มผืนหนึ่งให้เขาแล้วบอกว่า “เจ้านอนข้างนอก” ใจเขาแทบสลายไปเลย ความรักที่ร้อนแรงเพียงใดก็ทนน้ำเย็นของนางที่สาดใส่แต่ละครั้งมิได้ อีกอย่างก็มีการกระตุ้นจากเฝิงเยี่ยไป๋นี้ ในใจก็ยิ่งไม่สงบ เขาถูกนางถีบ ด้านหนึ่งก็ไปเรียกคนเตรียมรถม้าให้นาง อีกด้านก็คิดอยู่ในใจว่าตัวเองก็ต้องเร่งมือเข้าแล้ว จัดการภรรยาให้เรียบร้อย ใช้ชีวิตอย่างสงบถึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

 

 

 

 ——

 

 

ตอนที่ 366 แต่งเข้ามาก็คือนายหญิง

 

 

 

 

เว่ยหมิ่นนั่งรถม้ามาถึงในวัง สองแม่ลูกนั้นยังตั้งแง่ใส่กันอยู่เลย คนที่คอยปรนนิบัติอยู่ในตำหนักล้วนถูกไล่ออกมาแล้ว เรื่องน่าอายในบ้านไม่อาจให้คนอื่นรู้ พวกเขายืนอยู่ที่ไกลๆ หากใครกล้าแอบฟัง ก็จะถูกลากออกไปประหารทันที แม้แต่หงอวี้ก็ถูกสั่งให้อยู่นอกประตู

 

 

เว่ยหมิ่นมองเข้าไปในตำหนักแล้วถามหงอวี้ว่า “นี่คือเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไฉนถึงได้ไล่คนออกมาหมดเสียแล้ว”

 

 

หงอวี้โค้งคำนับพูดว่า “เรียนท่านหญิง ข้างในกำลังทะเลาะกันอยู่ คนหนึ่งจะไปไม่อยู่ต่อ อีกคนก็จะต้องให้อยู่ต่อให้ได้ไม่ให้ไป ไม่มีใครยอมใคร จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดออกมา พวกเราที่เป็นบ่าวก็ไม่ให้เข้าไปปรนนิบัติจึงได้แต่รอ ท่านมาก็ดีแล้ว รีบเข้าไปกล่อมเสียเถิด!”

 

 

นางได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว สะบัดแขนเสื้อเข้าไปข้างใน เพิ่งจะเข้าประตูตำหนักไป ก็ได้ยินไทเฮาตบโต๊ะตะโกนใส่เขาว่า “ลูกทรพี ข้าท้องเจ้ามาสิบเดือน ต่อให้เจ้าเกลียดแค้นข้าเพียงใด ก็ไม่อาจลืมบุญคุณที่ข้าเลี้ยงดูเจ้าได้”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ก็เป็นคนหัวดื้อ ต่อหน้าไทเฮาไม่มีการอ่อนข้อแม้แต่น้อย “ตอนนี้ท่านมาทวงบุญคุณการเลี้ยงดูกับข้า? ท่านเลี้ยงข้ามากี่ปี? ท่านพ่อของข้าจนถึงตายก็ยังคิดถึงท่าน แล้วท่านล่ะ เคยได้เขียนจดหมายสักฉบับให้เขาหรือไม่ ไม่เคยถามไถ่เลย ยามที่พวกเราพ่อลูกอยู่ที่เมืองหรู่หนานใกล้ตายอยู่นั้น ท่านกลับใช้ชีวิตมีความสุขอยู่ในวัง ในเมื่อตั้งใจแล้วว่าจะไม่สนใจเรื่องของพวกเรา ตอนนี้จะมายุ่งอะไรอีก! มีลูกชายเพิ่มหนึ่งคนทำให้ท่านมีความสุขได้เช่นนั้นหรือ”

 

 

เฉินยางอยู่ระหว่างกลางช่างลำบากยิ่งนัก นางหันศีรษะกลับไปเห็นเว่ยหมิ่น ก็เหมือนดั่งเห็นผู้ช่วยชีวิตเช่นนั้น แววตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที

 

 

เว่ยหมิ่นส่งสายตาที่ให้นางวางใจได้ แล้วขึ้นไปคำนับไทเฮา “เว่ยหมิ่นน้อมทักทายไทเฮา”

 

 

นางมีนิสัยที่ไม่แยแสสิ่งใดๆ ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เข้าวังไปก็ไม่แก้นิสัยนี้ สถานการณ์ที่ดื้อดึงทั้งสองฝ่ายนี้ให้นางมาเจรจาเหมาะสมที่สุดแล้ว เว่ยหมิ่นส่งสายตาให้เฝิงเยี่ยไป๋ บอกให้เขาเป็นนัยว่าพูดน้อยลงหน่อย แล้วก็ไปกล่อมไทเฮา นางคุกเข่าลงที่พื้น แล้วนวดขาให้ไทเฮา “นี่คือเป็นอะไรหรือ ท่านคือไม่อยากพบข้าหรือไม่อยากพบเฝิงเยี่ยไป๋ ไฉนข้ามา ท่านถึงหงุดหงิดเช่นนี้ คือคิดว่าข้าไม่ได้มาเยี่ยมเยือนท่านนานแล้วจึงโกรธข้าหรือ”

 

 

ไทเฮาดึงนางขึ้นมา “เจ้าไปนั่งลงข้างๆ เสียก่อน เรื่องของข้ากับพี่ชายของเจ้ายังไม่จบเลย!”

 

 

หากยังคุยเรื่องนี้ต่อไปเมื่อใดถึงจะได้จบ เว่ยหมิ่นขยับไปอยู่ข้างๆ ไทเฮาด้วยท่าทางเอาใจพูดว่า “ท่านกับเขายังมีอะไรต้องพูดอีกหรือ ตอนนี้เขาได้รับราชโองการแล้ว อีกสองวันก็ต้องไปที่เมืองหมองแล้ว ไปเยี่ยมเยือนประชาชนที่ทุกข์ยาก แล้วก็ไปล่วงเกินอ๋องซู่เสียหน่อย เขายุ่งมากเลย”

 

 

นี่ก็เป็นเรื่องที่นางได้ยินเหล่าขันทีน้อยพูดคุยกันระหว่างทาง คนโง่ก็ยังฟังออกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ฮ่องเต้ดันส่งเขาไปทำ ไม่ใช่มีจุดประสงค์อื่นคืออะไรได้อีก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เอามาเบี่ยงเบนความสนใจของไทเฮาได้พอดี ต่อให้ทะเลาะกับลูกชายรุนแรงเพียงใด ก็เป็นลูกชายของนาง ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กังวล

 

 

ว่าแล้ว หลังจากที่ไทเฮาได้ยิน ก็เปลี่ยนความคิด หัวเรื่องก็เปลี่ยนไปทันที “เรื่องนี้เป็นอย่างไรหรือ ในราชสำนักมีขุนนางมากมายให้ใช้ได้ ไฉนถึงต้องส่งเจ้าไปทำราชโองการที่ที่ไม่สงบเช่นนั้น”

 

 

เฉินยางยืนนานแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋ประคองนางหนั่งลง ลูกชายตระกูลเฝิงของพวกเขารักภรรยา ผู้หญิงข้างนอกไม่เกี่ยว ที่แต่งเข้าบ้านก็คือนายหญิง ดูแลขึ้นมานั่นเรียกว่าละเอียดทุกอย่าง การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถทำให้อบอุ่นถึงหัวใจ เฉินยางแอบกุมชายเสื้อของเขา แล้วดึงเขาให้นั่งลง ไม่เช่นนั้นตัวเองนั่งลงเช่นนี้ก็จะสะดุดตาเกินไปเสียหน่อย