บทที่ 435 จุดเริ่มสงครามการวิวาทะ

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 435 จุดเริ่มสงครามการวิวาทะ
ในอีกครึ่งเดือนต่อมา นอกเหนือจากการกำเนิดของดาวดวงใหม่ และ ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ ที่ทุกคนพูดถึงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างใน อัลลิน เรนทาโต แลนซ์ และเมืองอื่นๆ ก็ยังเงียบสงบ

ความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งปีนักบุญที่ 820 มาถึง ก็รู้สึกเหมือนว่าดาวดวงใหม่เป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ธรรมดา และไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากวันหยุดระยะสั้นได้ไม่นาน ลูเซียนก็เข้ามาที่ ‘สถาบันอะตอม’ พร้อมกับ ‘คทาแห่งตะวัน’ ที่เปลี่ยนเป็นไม้เท้าของสุภาพบุรุษ เขากำลังคิดถึงการเริ่มต้นของ ‘บริษัทโทรศัพท์และโทรเลขอัลลิน’ และการเผยแพร่อุปกรณ์การเล่นแร่แปรธาตุ

ก่อนที่ลูเซียนจะถอดหมวก และวางไว้บนชั้นวาง เขาก็ได้ยินเสียงของลาซาร์ “ดาว… ดาวเคราะห์เทียม?” เสียงของลาซาร์สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้

“ดาวที่สว่างไปครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าในคืนนั้นถูกสร้าง และเปิดตัวโดยท่านประธานดักลาส!” ไฮดี้ยังคงมีเสียงที่แหลมเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ตอนนี้มันแหลมมากขึ้น ดูเหมือนว่านางจะตกใจกับพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้

ลูเซียนทราบในทันทีว่าดักลาสได้เผยแพร่การทดลองเกี่ยวกับอาร์คานาแล้ว จากนั้นเขาก็ยิ้มทักทายลาซาร์ และไฮดี้ที่ยังอยู่ในอาการตกใจ

“เฮ้ ลาซาร์ เฮ้ เฮดี้ สวัสดีปีใหม่ ทั้งคู่มาเร็วมาก”

หลังจากที่ลาซาร์อยู่ในระดับสามแล้ว เขาก็รู้แล้วว่าเขาควรทำอะไรในฐานะนักเวทระดับกลาง เขาจะอ่านทุกประเด็นของ ‘อาร์คานา และเวทมนตร์’ ทันทีที่ถูกเผยแพร่ ก่อนหน้านี้ ลาซาร์แทบจะไม่เข้าใจบทความใดๆ ที่ตีพิมพ์ใน ‘อาร์คานา และเวทมนตร์’ เลย ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจที่จะซื้อมัน ส่วนใหญ่เขาจะยืมมาจากห้องสมุดอาร์คานา เขาสนใจ ‘ธาตุและอาร์คานาสามัญ’ มากกว่า แต่ตอนนี้ ลูเซียนไม่แปลกใจว่า ทำไมลาซาร์จะมาถึงเร็วเฉพาะในวันที่เผยแพร่วารสารทั้งสองฉบับทุกเดือน

สิ่งที่ทำให้ลูเซียนประหลาดใจคือไฮดี้ที่มักจะตื่นสายเสมอ กลับสามารถตื่นเช้าได้

“ท่านอีวานส์ แอนนิคกลายเป็นนักเวทอย่างเป็นทางการแล้ว!” ไฮดี้มองไปรอบๆ และตอบคำถามของลูเซียนอย่างไม่คิดมาก “ข้ามีแรงบันดาลใจ! ข้าจะตื่นแต่เช้า และนั่งสมาธิ ข้าจะต้องตื่นแต่เช้า และเข้าเรียน!” นางกำหมัดแน่น

ลูเซียนไม่รู้ว่าแอนนิคกลายเป็นนักเวทอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าดาวเทียมสื่อสารจะยังไม่เปิดตัว และไม่สามารถโทรทางไกลได้ แต่ลูเซียนก็ยังคงใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ในการริเริ่ม ‘บริษัทโทรศัพท์และโทรเลขอัลลิน’ และ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท เขามีเวลาสนทนากับนักเวทฝึกหัดในช่วงงานเลี้ยงปีใหม่เท่านั้น และไม่รู้ว่าแอนนิคก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ลูเซียนพิจารณามอบเรื่องนี้ให้กับมืออาชีพ หรือนักเวทที่ชอบทำธุรกิจหลังจากกำหนดทุกอย่างแล้ว เขาจะสามารถนั่งในตำแหน่งนั้น และรับส่วนแบ่งของเขาได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือการเลื่อนระดับอาร์คานา และเวทมนตร์ของเขา นอกจากนี้เขายังต้องการปรับปรุงอุปกรณ์การเล่นแร่แปรธาตุ

“เขาเลื่อนขั้นตั้งแต่เมื่อไร” ลูเซียนถามด้วยความยินดี

ไฮดี้กำหมัดแน่น

“เมื่อวานนี้ค่ะ! ช่วงนี้เขาทำงานวิจัยส่วนตัว ระหว่างปีใหม่เขาก็ไม่ยอมหยุด แล้วเมื่อวานเขาก็ทำได้สำเร็จ แล้วเขาก็พัฒนาโดยไม่ต้องใช้ยาวิเศษช่วยเลย ก่อนที่เขาจะมีพลังวิญญาณเพียงพอด้วยซ้ำ! ถ้าข้าไม่ได้บังเอิญไปถามปัญหาที่ข้าคิดไม่ตกจากเขา ข้าก็คงไม่รู้เรื่องนี้เข้าหรอกค่ะ!”

“ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนหลังจากเข้าพิธีผู้ใหญ่ แอนนิคก็ทำไม่ได้เลวเลยเมื่อเทียบกับนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน” ลูเซียนพยักหน้าพอใจ ดูเหมือนว่าแอนนิคจะมีความคืบหน้าในการตรวจสอบประสิทธิภาพเกี่ยวกับไฟฟ้าจากแสง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นอิเล็กตรอนที่ถูกปล่อยออกมา

จู่ๆ ลูเซียนก็นึกขึ้นได้ว่าเขาอาจจะได้ฝึกฝนผู้ชนะที่ได้รับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ (หรือ ‘เหรียญจันทราสีเงิน’) ในอนาคตมากมาย ซึ้งในอนาคตอาจจะมีประโยคแบบนี้ใน ‘ประวัติศาสตร์เวทมนตร์’ ว่า “‘สถาบันอะตอม’ สถานที่เล็กๆ ที่มีชื่อเสียงมากมาย และเป็นบรรพบุรุษที่คนรุ่นหลังควรเคารพนับถือ”

แม้ว่าจะใช้บทความของลูเซียน เกี่ยวกับการค้นพบการกระจายรังสีธรรมชาติที่ล่วงหน้า แต่แอนนิคอาจจะไม่ได้รับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ในครั้งนี้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะได้รับรางวัลในภายหลัง หากเขาสามารถสำรวจการวิจัยเกี่ยวกับธาตุอยู่ในระดับแนวหน้าได้

ไฮดี้กำหมัดอีกครั้ง “ข้ามั่นใจว่าทำได้ดีกว่าพวกเขาแน่นอน!”

ในขณะนี้ นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ มาถึงแล้ว ทุกคนดูมีฮึกเหิม และตื่นเต้น

“ยินดีด้วยแอนนิค ตอนนี้เจ้าเป็นนักเวทอย่างเป็นทางการแล้ว” ลูเซียนยิ้ม และกล่าวทักทาย

“อะไรน่ะ? เจ้ากลายเป็นนักเวทแล้วหรือ?” สปรินต์ตะโกนออกมา เขาคิดว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ได้ก้าวหน้าหมู่เพื่อนนักเวทฝึกหัด

เลย์เรีย และ แคทรีนามองไปที่แอนนิคด้วยความประหลาดใจ ยินดี ชื่นชม และหดหู่ พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าแอนนิคที่สงบเสงี่ยมตลอดเวลาจะกลายเป็นนักเวทอย่างเป็นทางการได้เร็วขนาดนี้

แอนนิคหน้าแดงจากการที่ได้รับความสนใจจากคนอื่นๆ “ความคืบหน้าในการทดลองของข้าเมื่อวานนี้ มาจากสภาพแวดล้อมการทำสมาธิของข้าเปลี่ยนไป ดังนั้นข้าจึงดื่มน้ำยา และพยายามสร้างเวทมนตร์ระดับหนึ่ง ข้าทดลองเพียงครั้งเดียว และข้าก็ทำได้” เสียงเขาดูเขินๆ

แอนนิคไม่เคยถูกจับจ้องแบบนี้ และเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาก้มศีรษะลงราวกับว่าเขาต้องการที่จะฝังตัวเองลงไปในพื้นดิน

“เจ้าตรวจสอบแล้วว่ามันคืออิเล็กตรอนหรือเปล่า” ลูเซียนถาม เขามีความสุขกับความสำเร็จของแอนนิค

แอนนิคพยักหน้า “ใช่”

“นั้นอาจทำให้เจ้าได้รับ ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ เลยนะ” ลูเซียนพูดแบบติดตลก

ไฮดี้ เลย์เรีย แคทรีนา และแม้แต่ลาซาร์ก็อ้าปากค้าง พวกเขานิ่งอยู่พักหนึ่ง และตระหนักว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่ แอนนิคจะได้รับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’

เมื่อวานนี้เขายังเป็นนักเวทฝึกหัดอยู่เลย แต่ตอนนี้เขามีโอกาสที่จะได้รับรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ฟังดูเหมือนเรื่องเหลือเชื่อมากกว่าตำนานที่แท้จริง แม้แต่ลูเซียนที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติที่สุด เมื่อตอนที่เขาอายุยังไม่ถึงสิบเก้าปี เขาก็ได้กลายเป็นนักเวทอย่างเป็นทางการมาเกือบปีแล้ว

แอนนิครู้สึกอึดอัดมากขึ้นหลังจากที่ เขาได้ยินสปรินต์พูด

“มันเป็นไปไม่ได้ ข้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าอิเล็กตรอนมาจากโลหะ แต่ไม่มีหลักฐานในทางปฏิบัติที่แสดงให้เห็นว่ามันมาจากภายในอะตอมของโลหะ มีโอกาสที่อะตอมจะดูดซับอิเล็กตรอนอิสระเมื่อรวมตัวกัน” แอนนิคส่ายหัว

จากนั้นแอนนิคก็ส่งเสียงพึมพำราวกับว่าเขากำลังพูดกับตัวเอง “ข้าไม่ต้องการรางวัล แม้ว่าข้าจะมีโอกาสได้รับก็ตาม”

“ทำไม?” ลูเซียนไม่ใช่คนเดียวที่อยากรู้อยากเห็น น่าแปลกที่ใครบางคนพยายามจะปฏิเสธเกียรติยศ เช่น รางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’

แอนนิคตอบว่า “ข้าไม่ชอบยืนอยู่ตรงกลางเวที ข้าสามารถศึกษา ทำการทดลอง และพัฒนาอย่างเงียบๆ ได้ใช่ไหม”

“หากวันหนึ่งเจ้ามีคุณสมบัติที่จะได้รับรางวัล แต่ยิ่งเจ้าปฏิเสธก็จะยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น นี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ลูเซียนยิ้ม และอธิบายว่าทำไมแผนของแอนนิคจึงเป็นไปไม่ได้

“เข้าใจแล้ว…” แอนนิคเข้าใจเหตุผลอย่างคาดไม่ถึง

ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดลาซาร์ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขายกวารสารอาร์คานาที่เขากำลังอ่าน และอุทานว่า“ทุกคนยังจำดวงดาวแรกเกิดที่ถูกทำลายจาก ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ เมื่อครึ่งเดือนก่อนได้ไหม”

“ใช่ ทำไม?” ความสนใจของสปรินต์ เปลี่ยนไปที่ลาซาร์อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ในคืนนั้นได้ทิ้งความประทับใจไว้ในใจของเขา

เลย์เรีย และแคทรีนาก็หันไปมองลาซาร์ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ดวงดาวที่ส่องแสงสวยงามยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ

ในขณะที่นักเวทฝึกหัดกำลังให้ความสนใจกับเรื่องอื่น แอนนิคก็โล่งใจ และสีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง จากนั้นเขาก็หันไปมองลาซาร์ในลักษณะเดียวกัน

ในอัลลิน นักเวททุกคนที่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังต่างก็ตกใจ หรืออย่างน้อยก็สนใจ การกำเนิดของดาวดวงใหม่

ขณะที่ลาซาร์กำลังจะอวดข่าวใหญ่ที่เขาพบ และบอกทุกคนว่าเขาตกใจ และนับถือมากแค่ไหน ไฮดี้ก็ถือโอกาสพูดก่อนว่า “ดาวดวงนี้ถูกสร้าง และเปิดตัวโดยท่านประธาน!”

“อะไร?!”

“เป็นไปไม่ได้!”

“มันเป็นของปลอม? ล้อเล่นหรือเปล่า?”

คำอุทานแสดงให้เห็นว่าทุกคนประหลาดใจเพียงใด

“มันเป็นความจริง! บทความแรกของฉบับนี้คือ ‘บทสรุปของการจำลองระบบดาราศาสตร์’ กับดาวเคราะห์เทียม จากท่านประธาน!” ลาซาร์โบกวารสารอาร์คานาในมืออย่างรวดเร็ว

“ข้อมูลการทดลอง ข้อมูลจริง การเปรียบเทียบของข้อมูลทั้งคู่ และคำอธิบายของวิถีวงโคจร นี้ต้องเป็นเรื่องจริง!”

ด้วยแนวคิดเรื่องดาวเคราะห์เทียม นี้จึงไม่เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ศึกษาระบบทฤษฎีของดักลาส และประสบความสำเร็จในการสร้างแบบจำลองทั้งหมดด้วยข้อมูลก่อนหน้านี้ ดังนั้นดักลาสจึงไม่พยายามปิดบังการทดลองของเขา สำหรับใครก็ตามที่เข้าใจการทดลองนี้ พวกเขาก็จะใช้เวลาไม่นานในการขบคิดทุกอย่างออกมา และสำหรับคนที่ไม่เข้าใจพวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าใจความจริงได้

แม้จะเห็นได้ชัดว่าเขาปิดบังสถานการณ์จริงไว้บางส่วน และแผนการของลูเซียนถูกกล่าวถึงในการสนทนาเล็กๆ เท่านั้น ดังนั้นศัตรูก็จะไม่ได้รับข้อมูลจากสื่อ

“ปะ… เป็นไปได้ยังไง?” เลย์เรียพึมพำ สำหรับนักเวทที่เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ ดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นตัวแทนของชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มีสติปัญญา ไม่มีใครเชื่อว่า ‘โชคชะตา’ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

สปรินต์ แอนนิค และแคทรีนา ต่างอยู่ในสภาพไร้ตัวตน ความภาคภูมิใจจากการพัฒนาทักษะ และความรู้ล่าสุดของพวกเขาถูกทำลายโดยความจริงที่น่าตกตะลึง

ลาซาร์สังเกตว่าลูเซียนยิ้มอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเขาไม่แปลกใจเลย ทันใดนั้นสัญชาตญาณบางอย่างก็กระตุ้นลาซาร์

“ลูเซียน อย่าบอกนะว่าท่านก็เข้าร่วมการทดลอง”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ลูเซียนทันที

“ข้าให้คำแนะนำบางอย่าง” ลูเซียนยิ้ม และพยักหน้า เขาไม่มีอะไรต้องซ่อนตราบเท่าที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มการทดลอง ท้ายที่สุดแล้วความสนใจของศาสนจักรจะอยู่ที่ผู้ที่ทำการทดลองสำเร็จ

ลาซาร์เดาะลิ้นของเขาสองครั้ง “ข้าไม่แปลกใจเลยเมื่อได้ยินว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง”

ไฮดี้พลิกหน้าวารสารอย่างรวดเร็ว และไม่แปลกใจเลยที่นางเห็นคำพูดของดักลาสในตอนท้าย

นางเริ่มอ่านด้วยเสียงกังวานที่ชัดเจน “ขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ช่วยข้าในระหว่างการทดลอง เฟอร์นันโด เบิร์กเนอร์ ลูเซียน อาร์ทิล ลูเซียนา นอร์แมน… ชื่อของอาจารย์อยู่ที่นี่จริงๆ…”

เป็นอีกครั้งที่พวกเขาตระหนักว่าลูเซียนมีความสามารถเพียงใด

“ขอข้าดูว่ามีอะไรอีกบ้างที่เผยแพร่เกี่ยวกับหัวข้อนี้” ลูเซียนยกมือขึ้น และหยิบวารสาร หัวข้อของเขาอาจอยู่ใน ‘สำนักงานของคณะกรรมการพิจารณาอาร์คานา’

ลูเซียนตรวจสอบชื่อเรื่อง และทันใดนั้นก็เห็นบทความที่เผยแพร่โดยอาร์ทิล ในตอนท้าย ชื่อของมันคือ ‘อีเธอร์มีอยู่จริงหรือไม่’ เป็นบทความเพื่อวัตถุประสงค์ในการอภิปรายเท่านั้น และไม่สามารถรับค่าชื่อเสียงอ้างอิงได้

ลูเซียนสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย และอ่านบทนำสั้นๆ เล็กน้อยซึ่งนี้ดูเหมือนเป็นการประกาศสงคราม

“…การทดลองดาวเคราะห์เทียมได้พิสูจน์ทฤษฎีของท่านประธานอย่างมาก และการทดลองความเร็วแสงตามทฤษฎีได้พิสูจน์แล้วว่าอีเธอร์ไม่มีอยู่จริง”

“…ข้าจะเสนอรางวัลห้าหมื่นคะแนนอาร์คานา สำหรับคำชี้แจงทางทฤษฎีอื่นๆ ของการทดลอง คำชี้แจงนี้รวมถึงอีเธอร์ด้วย!”

“จอมเวทที่ตั้งคำถามกับการทดลอง และเชื่อในการมีอยู่ของอีเธอร์โปรดใช้สติปัญญา และ ‘จินตนาการ’ ของท่าน!”

ลาซาร์ที่กำลังอ่านบทความอยู่ข้างๆ และเขาก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้นทันทีว่า “นั่นไง! ถึงเวลาที่ต้องทำให้คนที่เชื่อในทฤษฎีคลื่นต้องเผชิญกับความล้มเหลว!”

นักเวทธาตุ เช่น ลาซาร์ และร็อคมักจะเชื่อในทฤษฎีอนุภาคมากกว่า

หลังจากได้ยินคำพูดของลาซาร์ ลูเซียนรู้สึกเหมือนว่าสงครามการวิวาทะกำลังจะเริ่มขึ้น