ถังซีตัวแข็ง ใช่ เธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงทุกอย่างของเฉียวเหลียงดีอยู่แล้ว ยังจะถามอะไรอีก ถังซี หลับตาลง แล้วลืมตามองเฉียวเหลียงพร้อมกับกล่าวเสียงต่ำ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติกับตัวฉัน ฉันรู้จักตัวตนคุณดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังถามคำถามโง่ๆ นี้กับคุณ…”
“ซีซี คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี “แม่บอกว่าคุณดูไม่ปกติที่บ้านผม คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร ฉันแค่ไม่ต้องการให้คุณมีส่วนร่วมในโครงการหุ่นยนต์นี้ ฉันไม่ต้องการให้คุณตกอยู่ในอันตราย”
เฉียวเหลียงชะงัก พิจารณามองถังซีอย่างใคร่ครวญ ประโยคสุดท้ายคือสิ่งที่คุณอยากพูดใช่ไหม เพราะเธอรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา เธอจึงดูไม่ปกติ ในจิตใต้สำนึกของเธอองค์การหลงเซี่ยวเป็นองค์กรที่เป็นอันตราย และชีวิตของสมาชิกตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา…
“คุณคิดมากเกินไป ไม่มีอะไรเป็นอันตรายหรอก” เฉียวเหลียงลูบผมเธอ “และนั่นยังเป็นแค่แผนในอนาคต ลู่หลีจะหาข้อมูลและวิเคราะห์เพิ่มเติม ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่”
ถังซีขมวดคิ้ว เธอรู้ประเด็นนี้ดี แต่…
บางทีเธออาจไม่ต้องการเห็นเซียวเหยาและเฉียวเหลียงเป็นศัตรูกัน… เอาละ คงต้องปล่อยให้เป็นไป เธอไม่สามารถบังคับให้เฉียวเหลียงเลิกอาชีพของเขาได้ และไม่สามารถห้ามเซียวเหยาไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ ถึงตอนนี้ลู่หลีก็เดินถือโทรศัพท์เข้ามา เขาลากเก้าอี้มานั่งลงแล้วมองหน้าเฉียวเหลียง “ฉันขอให้อาเก้าตรวจสอบข้อมูล เขาบอกว่าแหล่งที่มาของหุ่นยนต์ของหลิวกรุปไม่สะอาด เราควรอยู่ให้ห่างจะดีกว่า ปล่อยให้หลิวกรุปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง…” จบคำลู่หลีก็หัวเราะเย้ยหยันเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ขอให้พวกเขาโชคดี ไม่ตกเป็นเป้าขององค์การตำรวจสากล”
เฉียวเหลียงพาถังซีกลับบ้านหลังอาหารค่ำ ส่วนลู่หลีกลับไปที่โรงแรม ก่อนขึ้นรถถังซีขอบคุณเขาสำหรับอาหารค่ำ ลู่หลีมองตามรถของทั้งคู่ที่แล่นออกไปแล้วยักคิ้วพร้อมกับยิ้ม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหลินหย่วน หลินหย่วนกำลังรอสายจากเขาอย่างใจจดใจจ่อ และรับสายทันทีที่สัญญาณเชื่อมต่อ ลู่หลีไม่คิดว่าเขาจะรับสายรวดเร็วขนาดนี้ เขายิ้ม “คุณทำงานเสร็จแล้วเหรอ”
“ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น เล่าให้ผมฟังเดี๋ยวนี้เลย แฟนเขาเป็นยังไง” หลินหย่วนแทบรอไม่ไหว เป็นครั้งแรกที่เฉียวเหลียงมีแฟนหลังจากเวลาผ่านไปหลายปีมากๆ!
ลู่หลียิ้ม เดินไปยังโรงแรมที่พักขณะกล่าวว่า “เธอเหมือนถังซีมาก”
ทางปลายสายอีกด้านเงียบไปนาน แล้วหลินหย่วนก็ร้องอุทานออกมาหลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง “เขาพบตัวแทนถังซีแล้วใช่ไหม”
ลู่หลียิ้ม จู่ๆ เขาก็หันกลับไปมองด้านหลัง หรี่ตาลง แต่น้ำเสียงยังคงสงบและราบเรียบ “บางทีสิ่งที่เขาพยายามตามหาอาจมีเพียงถังซีเท่านั้น… เอาล่ะ ผมมีบางอย่างต้องทำ วางสายก่อนนะ”
ลู่หลีวางสายโทรศัพท์และเดินไปหาหญิงสาวในชุดราตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา หญิงสาวคนนั้นจ้องมองมาที่เขา เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาดวงตาเธอก็เปล่งประกายเย้ยหยัน ลู่หลีก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอเช่นกัน เขายิ้มให้เธอเล็กน้อย แต่สายตาเขาไร้ความรู้สึก เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้วมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ สารวัตรเหวิน”
หญิงสาวคนนี้มีผมสีดำสนิทกับใบหน้าอันงดงาม ในชุดราตรีสีดำเธอดูเหมือนนางไซเรนที่เดินออกมาจากความมืด ผู้ชายจะถูกมนตร์สะกดให้หลงใหลเมื่อมองเธอแวบแรก แต่ในจำนวนนั้นไม่รวมลู่หลี
เหวินนิ่งจับจ้องลู่หลีอย่างพิจารณา แล้วเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือและยิ้มให้เขา “ฉันมาที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจ และพิกัดภารกิจนี้บังเอิญอยู่ที่อาคารหลังนี้ ไม่คิดว่าคุณลู่หลีจะมาทานอาหารค่ำที่นี่ ตอนนี้ฉันคงต้องระมัดระวังตัวให้มาก”
ลู่หลีเค้นเสียงใส่เธอ “ทีแรกผมคิดว่าสารวัตรเหวินคงมาที่นี่เพื่อมาหาผม แต่ในเมื่อไม่ใช่ ผมก็ขอตัวก่อน” จากนั้นเขาก็หันหลังจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” เหวินนิ่งคว้าข้อมือลู่หลีไว้ จากนั้นเธอก็รู้สึกตัวว่าออกจะเป็นการหุนหันพลันแล่นไปสักหน่อย และประกายความเศร้าเสียใจไหวระริกในดวงตาเธอ แต่เพียงแค่แวบเดียวเธอก็ยิ้มให้เขาด้วยท่าทางมั่นใจ เธอปล่อยมือจากลู่หลี แล้วเลิกคิ้วขึ้นกล่าวว่า “ในเมื่อเราได้พบกันที่นี่แล้ว คุณช่วยเข้าร่วมภารกิจนี้กับฉันด้วยได้ไหมคะ คุณลู่”
“ขอโทษนะ ผมเข้าร่วมภารกิจกับคุณไม่ได้” ลู่หลีหันหลังกลับ ดวงตาแสนสวยของเหวินนิ่งฉายแววเศร้า เธอกระทืบเท้าแล้วรีบตามเขาไป เพื่อขัดขวางไม่ให้เขาเดินจากไปอย่างนี้ เธอฝืนยิ้มถามว่า “คุณกลัวใช่ไหม”
ลู่หลีมองตาเธอลึกลงไป อยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน เหวินนิ่งเงยหน้ามองลู่หลีและยิ้มให้เขา ลู่หลีมองดูชุดราตรีสีดำประดับเลื่อมแพรวพราว เหวินนิ่งไม่เคยสวมชุดแบบนี้มาก่อน เพราะดูหรูหราเกินไปสำหรับเธอ และไม่เหมาะกับอาชีพของเธอ แม้แต่เมื่อต้องไปงานเลี้ยงตอนกลางคืนเธอก็จะเลือกชุดที่ง่ายต่อการเคลื่อนไหว และไม่เคยเลือกชุดราตรียาวกรุยกราย ขณะนี้เธออยู่ในชุดราตรีแสดงว่าภารกิจนี้ต้องพิเศษมาก
ด้วยรูปร่างสูงเพรียวสมส่วน เหวินนิ่งยิ่งดูสง่างามมากขึ้นในชุดนี้ ขณะที่เวลาผ่านไป ผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำก็เริ่มเพิ่มจำนวน และมีรถยนต์จำนวนมากเข้ามาจอดด้านหลังคนทั้งสอง ในไม่ช้าทั้งสองก็ได้รับความสนใจอย่างมากด้วยรูปร่างหน้าตาที่สะดุดตา ลู่หลีไม่สนุกกับการอยู่ภายใต้การเป็นจุดสนใจ เขาขมวดคิ้ว แต่เหวินนิ่งไม่สนใจ เธอจ้องมองลู่หลีและยิ้ม “ว่าไงคะ”
ลู่หลีมองเธอ ท่าทางเธอมั่นใจแต่ดูน่ารัก ทันใดนั้นร่างเด็กสาวที่เคยเดินตามเขาเมื่อครั้งอยู่ในวิทยาลัยการทหารก็ผุดขึ้นมาในใจ… เขาจับแขนเธอแล้วหันหลังเดินเข้าไปในโรงแรม
เหวินนิ่งไม่คาดคิดว่าลู่หลีจะทำแบบนี้ เธอชะงัก แต่แล้วก็ยิ้มออกมา
รู้สึกเหมือนกับว่า ชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักมานานหลายปี จู่ๆ ก็ชวนเธอไปดูหนัง และเธอมีความสุขมาก
ถังซีกับเฉียวเหลียงกลับมาเอากระเป๋าที่เธอลืมไว้ เมื่อทั้งคู่เห็นภาพนี้ก็ตกตะลึง ถังซีพึมพำ “โอ พี่ลู่นี่สุดยอดจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เขามาเมือง A แต่มีหญิงสาวมาฉกเขาไปแล้ว! แล้วก็เป็นหญิงสาวแสนสวยเสียด้วย!”
เฉียวเหลียงอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นถังซีตื่นเต้นมาก เขาอธิบายว่า “ผู้หญิงคนนั้นคือเหวินนิ่ง เธอจบการศึกษาจากวิทยาลัยการทหารของประเทศ M ในเวลานั้นเธอเป็นนักเรียนของลู่หลี และลู่หลีแอบรักเธอ แต่เธอรักคนอื่น ทั้งสองห่างหายกันไปนานนับสิบปี ช่างบังเอิญจริงๆ ที่ทั้งคู่มาเจอกันที่นี่”
“โอพระเจ้า! พี่ลู่เป็นผู้ชายที่มีเรื่องราวในอดีตด้วย!” ถังซีกะพริบตาปริบๆ แล้วหันมาเบิกตากว้างมองเฉียวเหลียง “เมื่อกี้คุณบอกว่าพี่ลู่เป็นครูของเธอใช่ไหม เขาเป็นทหารเหรอ”