แดนนิรมิตเทพ บทที่ 697
ลุงสุ่ยหันกลับมามองมู่หรงเค่อด้วยความประหลาดใจ ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ หันหลังแล้วเดินกลับมา

อย่างไรก็ตาม ดวงตาของลุงสุ่ยเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

ที่มุมห้องโถง ตอนแรกชายหนุ่มยืนขึ้นแล้ว แต่เขานั่งลงอย่างช้า ๆ อีกครั้ง และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก มองซุนบาเทียนที่กำลังโอ้อวดอยู่บนเวที แล้วเจตนาฆ่าก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของเขาเล็กน้อย

หวงเจิ้นหลงหัวเราะด้วยความลำพองใจ “มู่หรงเค่อ คุณสามารถสละสิทธิ์นัดนี้ได้ แต่นัดต่อไปล่ะ? คุณคิดจะสละสิทธิ์ด้วยเหรอ?”

สำหรับงานพันธมิตรสี่ฝ่ายแล้ว แต่ละฝ่ายมีโอกาสต่อสู้สามครั้ง และต้องต่อสู้ให้จบสิ้น เพราะนี่เป็นกฎบังคับ

ถึงแม้ว่ามู่หรงเค่อจะแพ้ติดต่อกันสองนัด แต่ยังต้องต่อสู้อีกหนึ่งนัด

มู่หรงเค่อเพิกเฉยต่อการยั่วยุของหวงเจิ้นหลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “บอกมาเถอะว่าคุณต้องการอะไร?”

หวงเจิ้นหลงหัวเราะเยาะ ทันใดนั้นเขาก็กล่าวด้วยสีหน้าชั่วร้ายว่า “ผมต้องการเจียงหนานของคุณครึ่งหนึ่ง!”

“อะไรน่ะ!”

กู้เฟิงผู้ทรงอิทธิพลเจียงเป่ยแห่ง กับเสิ่นฉีเซิ่งผู้ทรงอิทธิพลแห่งไห่ซี จ้องหวงเจิ้นหลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ

เจียงหนานครึ่งหนึ่ง หวงเจิ้นหลงช่างโลภมากจริง ๆ!

นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาและข้อพิพาทอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการสะเทือนรากฐานของตระกูลมู่หรง!

นี่เท่ากับการประกาศสงครามกับตระกูลมู่หรงแล้ว!

คนที่มาชมเพื่อความสนุกต่างเริ่มสนทนากัน ทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงสนทนา และคนส่วนใหญ่ต่างบอกว่าหวงเจิ้นหลงโลภมากเกินไปแล้ว

มู่หรงเค่อโกรธจนหน้าแดงก่ำ เขาชี้ไปที่หวงเจิ้นหลงและตะโกนด้วยความโมโหว่า “หวงเจิ้นหลง อย่ารังแกคนมากเกินไป!”

หวงเจิ้นหลงพ่นลมออกมาอย่างเย็นชาและไม่ยอมลดราวาศอก “ผมจะรังแกคุณ แล้วคุณจะสามารถทำอะไรผมได้?”

“ถ้าคุณแน่จริงก็ส่งคนออกมาต่อสู้ ถ้าสามารถเอาชนะคุณซุนได้ ผมหวงเจิ้นหลงจะมอบไห่ตงทั้งหมดให้คุณ!”

“คุณ…….” มู่หรงเค่อชี้หวงเจิ้นหลง แต่ไม่สามารถพูดอะไรหักล้างได้ หวงเจิ้นหลงรู้ว่าเขาไม่มีคนที่สามารถออกมาต่อสู้ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงกล้าพูดแบบนั้น

“เฉินไต้ซือน่ะเฉินไต้ซือ คุณคิดจะเฝ้ามองไปถึงเมื่อไหร่?” ไม่มีเวลาไหนที่มู่หรงเค่ออยากจะพบเฉินโม่มากไปกว่าตอนนี้

ตอนนี้ มู่หรงเค่อรู้สึกเสียใจที่ตนเองหลอกใช้มู่หรงยานเอ๋อร์เพื่อเรียกเฉินโม่มา ถ้าเขารู้แต่แรกว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เขาก็จะไปขอให้เฉินโม่ช่วยเหลือด้วยตนเอง

หวงเจิ้นหลงหัวเราะด้วยความลำพองใจ “มู่หรงเค่อ ผมเอาไห่ตงทั้งหมดมาเดิมพันกับเจียงหนานครึ่งหนึ่งของคุณ คุณยังต้องการอะไรอีกล่ะ? คุณอย่าเป็นเหมือนเต่าหดหัวอยู่แต่ในกระดอง เพราะเช่นนั้นมันจะทำให้ทุกคนดูถูกเหยียดหยามตระกูลมู่หรง!”

มู่หรงเค่อเกือบจะระเบิดด้วยความโกรธออกมา เขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่โลดแล่นอยู่ในเจียงหนานมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เป็นผู้นำของตระกูลมู่หรง คนอื่นเรียกขานว่ากู้เฟิงแห่งเจียงเป่ย มู่หรงเค่อแห่งเจียงหนาน และเขาไม่เคยได้รับความอับอายขายหน้าเช่นนี้มากก่อน?

“หวงเจิ้นหลง คุณอย่าจองหองมากเกินไป ถ้าเฉินไต้ซือลงมือ คุณก็รอมอบไห่ตงทั้งหมดให้ผมเถอะ!”

“เฉินไต้ซือ? เฉินไต้ซืออะไร ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ขอเพียงแค่มีคุณซุนอยู่ ถึงจะมีเฉินไต้ซือสิบคนหรือร้อยคน ก็ไม่พอให้คุณซุนชกด้วยหมัดเดียวหรอก!” หวงเจิ้นหลงกล่าวประจบ

บนเวที ตอนแรกซุนบาเทียนที่หรี่ตาอยู่ ตอนนี้เขาลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองมู่หรงเค่อและกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “เฉินไต้ซือที่คุณพูดถึงก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”

มู่หรงเค่อกล่าวว่า “ถูกต้อง เพียงแต่ผมทำให้เฉินไต้ซือรู้สึกไม่พอใจ จึงทำให้เขาไม่ยอมลงมือช่วยเหลือ!”

“ถ้าเช่นนั้นมันก็เป็นเรื่องง่าย!” ซุนบาเทียนยิ้มแปลก ๆ กระโดดลง แล้วปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามู่หรงเค่อทันที มือข้างหนึ่งจับตัวมู่หรงเค่อเอาไว้ จากนั้นเขาก็ขยับร่างกาย แล้วก็ปรากฏตัวอยู่บนเวที

“ปล่อยผู้นำตระกูล!” ลุงสุ่ยตะโกนด้วยความโกรธ จากนั้นพาคนของตระกูลมู่หรงล้อมเวทีไว้ทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ทุกคนรู้สึกตกตะลึง แม้แต่กู้เฟิงและเสิ่นฉีเซิ่ง รวมถึงหวงเจิ้นหลงเองก็รู้สึกสับสนกับภาพนี้เช่นกัน