ตอนที่ 1656 ร่วมอวยพรวันเกิด (4)
“ข้าให้เวลาท่านคิด 5 นาที” จวินอู๋เสียพูด
“……..” ประมุขวิหารหยกวิญญาณเกิดความรู้สึกอยากจะบีบคอจวินอู๋เสียให้ตายคามืออีกครั้ง
[ไป? เขาจะไปได้ยังไงกันเล่า?]
ก่อนที่วิหารหยกวิญญาณจะตกต่ํา เขาไม่เคยไปงานไหนเลยด้วย “สภาพที่ไม่เหมือนใคร” ของเขา มาขอให้เขาไปที่วิหารหยกวิญญาณและเบียดอยู่ในฝูงชนที่มีพวกผู้ชาย.แค่คิดก็ทําให้ประมุขวิหารหยกวิญญาณขนลุกซู่แล้ว
[เจ้าเด็กนี่ก็รู้อยู่แล้วชัดๆ ยังจะวิ่งมาถามเขาอีก คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่!]
“ท่านประมุข!” เสียงที่ไพเราะนุ่มนวลดังขึ้น
ไม่รู้ว่าจื่อจินปรากฏตัวในห้องโถงใหญ่ตั้งแต่เมื่อไร นางเดินช้าๆเข้ามาตรงหน้าประมุขวิหารหยกวิญญาณและคุกเข่าลง
“จื่อจินยินดีไปที่วิหารจิงหงกับคุณชายจวินเจ้าค่ะ” จื่อจินกล่าวอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับก้มหัวลง
การกดขี่ข่มเหงที่วิหารหยกวิญญาณได้รับมาตลอดหลายปี จื่อจินรู้แจ้งแก่ใจอย่างชัดเจนจนไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว ถ้าสิ่งที่จวินอู๋พูดเป็นความจริง ว่าเขาสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสิบสองวิหารได้ นางก็อยากไปเห็นด้วยตาของตัวเอง
ประมุขวิหารหยกวิญญาณเลิกคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่จื่อจินซึ่งก้มหัวอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสีย
“จื่อจินไปแทนข้าได้ไหม?”
จวินอู๋เสียพยักหน้า นางแค่เสนอตัวเลือกให้สําหรับความร่วมมือกันของพวกเขา ใคร จะเป็นคนไปนั้นไม่ได้สําคัญสําหรับนางเลย
ประมุขวิหารหยกวิญญาณหันกลับไปมองจื่อจิน
“จื่อจิน งั้นข้าจะสั่งให้เจ้าไปที่วิหารจึงหงกับคุณชายจวิน แต่มีอย่างหนึ่งที่เจ้าต้องจําให้ขึ้นใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องไม่ทําอะไรบ่มบ่ามผลีผลาม สิ่งที่เจ้าทําไม่เพียงเกี่ยวข้องกับตัวเจ้าเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิหารหยกวิญญาณด้วย” เสียงเอื่อยๆเนือยๆของประมุขวิหารหยกวิญญาณฟังดูเข้มงวดจริงจังขึ้นมาทันที
จื่อจินเป็นคนที่เขาเลี้ยงมากับมือ นิสัยของจื่อจินเขารู้ดีที่สุด
จื่อจินเป็นคนซื่อตรงไม่ซับซ้อนแต่ใจร้อนมาก การที่นางไม่สามารถคุมอารมณ์ได้คือจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของนาง เมื่อพวกเขาเข้าไปในวิหารจิงหง พวกเขาจะเป็นเหมือนลูกแกะในฝูงหมาป่า หากก้าวพลาดเพียงนิดเดียว พวกเขาจะถูกกินจนไม่เหลือกระดูกแน่
“จื่อจินเข้าใจแล้ว” จื่อจินตอบรับอย่างเชื่อฟัง
ประมุขวิหารหยกวิญญาณยังคงกังวลเล็กน้อย เขาอดพูดกับจวินอู๋เสียไม่ได้ว่า “เจ้ามา กินดื่มอยู่ที่วิหารหยกวิญญาณของข้านานมากแล้ว วันนี้ข้าให้จื่อจินไปกับเจ้า ข้าจะถือว่าเราตกลงกันแล้วว่าไม่ว่าเจ้าจะทําสําเร็จหรือไม่ก็ตาม เจ้าต้องพานางกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่งั้นการร่วมมือกันของเราจะสิ้นสุดลง”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
ประมุขวิหารหยกวิญญาณเตือนจื่อจินอีกสองสามคํา จากนั้นก็อนุญาตให้พวกจวินอู๋เสียออกไปได้
เมื่อเดินออกจากวิหารหยกวิญญาณ แสงแดดสาดส่องลงมาบนพื้น ท้องฟ้าปลอดโปร่งอากาศก็ดีมาก
เมื่อเทียบกับวิหารหยกวิญญาณที่เป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี รู้สึกว่าภูเขาฟูเหยาหนาวกว่าเล็กน้อย จื่อจินที่ตามหลังพวกจวินอู๋เสียมารู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง อุณหภูมิที่ต่ําลงอย่างกะทันหันทําให้นางตัวสั่นระริก
ตอนนั้นเอง เสื้อคลุมตัวหนาก็ถูกยัดใส่มือของนาง จื่อจินเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ และสบตาเข้ากับสายตาเย็นชาและเฉยเมยของจวินอู๋เสีย
“ใส่ซะ” จวินอู๋เสียพูดอย่างไร้อารมณ์ พูดจบก็หันกลับไปเดินต่อทันที
จื่อจินอ้าปากค้างเล็กน้อย นางมองเสื้อคลุมในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ด้านหลังของจวินอู๋เสีย ดวงตากลมโตของนางทอประกายแวววาว
เย่ฉาและเย่กูที่เดินตามหลังจวินอู๋เสียหันไปมองจื่อจินที่ตกไปอยู่ด้านหลัง และเห็นแววตาแปลกๆของนาง
เย่กูนั้นยังดี เขาคิดแค่ว่าคุณหนูของเขาช่าง “อ่อนโยนและเอาใจใส่” จริงๆ
แต่แววตาของเย่ฉานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าความรู้สึกในแววตาของจื่อจินที่เขาได้เห็นนั้นเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขาเคยเห็นในดวงตาของฉูหลิงเย่..