สิ้นเสียงเขา น้ำเสียงเย็นเยียบของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้น “คุณชายใหญ่ ท่านกล้าแตะต้องผู้หญิงของข้า ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่?”

 

 

คุณชายใหญ่ตะลึงงัน

 

 

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นยืนนิ่งไม่กล้าขยับ

 

 

บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท

 

 

แม้แต่หยาผอก็อ้าปากค้าง มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสีหน้าเด็ดขาด แฝงความดุดัน ดวงตากลมโตคู่งามนั้น จ้องคุณชายใหญ่อย่างเยียบเย็น

 

 

ข่าวลือเมื่อหลายวันก่อน คุณชายใหญ่เองก็ได้ยินแล้ว เมื่อครู่ที่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็พอจะคาดเดาได้ ถึงยอมถอยให้หนึ่งก้าว แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับกัดเขาไม่ปล่อย เขาถึงเลือดขึ้นหน้า คิดจะให้คนสั่งสอนนางสักยก กลับถูกหวงฝู่อี้เซวียนตำหนิถามจนคุณชายใหญ่งุนงงอ้าปากค้างพูดไม่ออก

 

 

ชายที่ยืนไม่พูดอะไรมาตลอดด้านหลังคุณชายใหญ่ เห็นเขาตะลึงจังงัง รีบเดินไปเบื้องหน้าหวงฝู่อี้เซวียน น้อมคำนับเขา พูดอธิบาย “ซื่อจื่ออย่าเพิ่งโมโห คุณชายใหญ่ของพวกเราด้วยเพราะโมโหถึงพูดเช่นนั้นออกไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย” ว่าแล้ว ก็แอบขยิบตาให้คุณชายใหญ่

 

 

คุณชายใหญ่พอมีปัญญาบ้าง เห็นเขาขยิบตาให้นึกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ของตัวเอง จึงเก็บคืนโทสะ ทำท่าอ่อนน้อมยอมความ พูดว่า “ข้าไม่ทราบว่านางเป็นผู้หญิงของซื่อจื่อ ล่วงเกินท่านแล้ว ขอซื่อจื่อโปรดอภัยด้วย”

 

 

สถานะของคุณชายใหญ่ก็หาได้ต่ำต้อย การที่เขายอมขอขมาหวงฝู่อี้เซวียนต่อหน้าธารกำนัล ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว หากเขายังรั้นไม่ยอมความ ก็ดูจะใจแคบเหมือนไส้ไก่เกินไป

 

 

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะต้องปล่อยผ่านเรื่องนี้ หวงฝู่อี้เซวียนกลับหันศีรษะ ทำหน้าปะเหลาะเอาใจถามเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่หลังจากร้องก่นด่าเขาในใจนับครั้งไม่ถ้วน ถึงคลี่ยิ้มตอบกลับ “ในเมื่อ คุณชายใหญ่มีความจริงใจเช่นนี้ เรื่องนี้ก็คงต้องจบเพียงเท่านี้”

 

 

คุณชายใหญ่และชายข้างกายเขาโล่งอกไปหนึ่งเปราะ

 

 

ไม่คิดว่าเสียงเมิ่งเชี่ยนโยวจะดังขึ้นอีกครั้ง “ทว่า จะปล่อยอันธพาลระรานคนพวกนี้ไปไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาล้อมรถม้าและบ่าวของข้าไว้ หาได้เห็นข้าอยู่ในสายตาไม่”

 

 

ชายฉกรรจ์พวกนี้ล้วนเป็นคนของคุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่สั่งให้พวกเขาล้อมรถม้าไว้ พวกเขาย่อมต้องปฏิบัติตาม กลุ่มคนได้ฟังก็รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวต้องการหาเรื่องกลั่นแกล้งเขา

 

 

คุณชายใหญ่ก็ฟังนัยแฝงของนางออก ให้โทสะปะทุขึ้นอีกครั้ง

 

 

ชายข้างกายเขาเห็นเขาโมโหเดือดดาล รีบหันไปส่ายหน้าให้เขา

 

 

คุณชายใหญ่สูดลมหายใจลึกหลายครั้ง ถึงฝืนข่มกลั้นเพลิงโทสะลงไปได้

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนฉีกยิ้มหวาน ถามอย่างโจ่งแจ้ง “เช่นนั้นเจ้าต้องการจัดการพวกเขาเช่นไรเล่า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อนตอบเขาว่า “เมื่อพวกเขาเป็นคนของคุณชายใหญ่ คงจะโบยพวกเขาจนตายไม่ได้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้คนกล่าวหาว่าท่านระรานใช้อำนาจ ไม่เช่นนั้นก็ให้คนของข้าที่มีอยู่วัดกับพวกเขาดูสักตั้ง หากพวกเขาชนะ ภายหน้าข้าพบคุณชายใหญ่จะเดินอ้อมไปอีกทาง หากพวกเขาแพ้ จะต้องคลานร้อง เหมือนสุนัขวนรอบรถม้าของข้าสิบรอบ”

 

 

เงื่อนไขนี้ของเมิ่งเชี่ยนโยวเท่ากับเป็นการตบหน้าคุณชายใหญ่เข้าอย่างจัง

 

 

คุณชายใหญ่ข่มกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว อ้าปากพูดท้าทาย “ได้ ว่าตามที่แม่นางพูด ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังจะเพิ่มให้อีกหนึ่งเงื่อนไข หากคนของข้าแพ้ นอกจากคลานวนเหมือนสุนัขสิบรอบแล้ว ข้ายังจะขายเศษสวะพวกนี้ให้แก่หยาผอด้วย และหากคนของเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องทำตาม ขายสวะชั้นต่ำพวกนี้ทิ้ง เจ้ากล้าหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ตอบรับ แต่หันไปถามพวกเหวินเปียวและกัวเฟยทั้งสี่คน “พวกเราจะรับข้อเสนอของพวกเขาหรือไม่?”

 

 

ทั้งสี่คนตื้นตันใจเป็นอย่างมาก เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นนาย พวกเขาเป็นบ่าว ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางสั่งพวกเขาจะปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อยกเว้น ทว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับซักถามความเห็นพวกเขาต่อหน้าคนมากมาย แสดงว่าไม่ได้เห็นพวกเขาเป็นบ่าวแม้แต่น้อย ทั้งสี่คนรับคำพร้อมเพรียง “แม่นาง พวกเรารับคำท้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ดี รีบจัดการโดยไว พอกลับถึงจวนข้าจะลงครัวทำอาหารให้พวกเจ้ากินด้วยตัวเอง”

 

 

คุณชายใหญ่ถือว่ามีคนมาก มั่นใจในชัยชนะ ได้ยินวาจาของเมิ่งเชี่ยนโยวโมโหจนจมูกเบี้ยว เปล่งเสียงปลุกใจคนของตัวเองเช่นกัน “พวกเจ้าตั้งใจฟังให้ดี อย่าได้ใจอ่อน สู้ให้ถึงแก่ชีวิต ขอเพียงพวกเขาเอาชนะได้ ข้าจะตบรางวัลให้หนึ่งพันตำลึงเงิน”

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์ขานรับเสียงดังกังวาล

 

 

หยาผอกลับดีใจหน้าบาน ไม่ว่าใครชนะ นางก็จะได้ชายฉกรรจ์กำยำ สินค้าชั้นดีเข้าร้าน ขายต่อออกไปจะต้องทำเงินได้อย่างงาม นี่เป็นเรื่องดีที่สวรรค์บันดาลให้โดยแท้

 

 

เหวินเปียวและกัวเฟยมอบบังเ**ยนรถม้าให้หวงฝู่อี้

 

 

กลุ่มคนมุงกลัวตนเองจะโดนลูกหลงไปด้วย ต่างถอยร่นออกไป ล้อมเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ให้พวกเขา

 

 

พวกเหวินเปียวและกัวเฟยทั้งสี่คนเดินมายังที่ว่างตรงกลาง กลุ่มชายฉกรรจ์สิบกว่านายเข้าล้อมพลัน

 

 

ด้วยถือว่ามีอิสรภาพทางกาย ทุกคนต่างเอาจริงเอาจัง ไม่แม้แต่จะทักทาย ชายฉกรรจ์ทั้งสิบกว่าคนนั้นก็จู่โจมเข้าหาทั้งสี่คนทันที

 

 

ทั้งสี่คนใบหน้าไร้ความขลาดกลัว รับมือเต็มกำลัง

 

 

คุณชายใหญ่ติดเรื่องสถานะ ส่งเสียงโห่ร้องไม่ได้ ได้แต่กำหมัดทั้งสองข้างแน่น ขอเพียงคนของพวกเขาได้รับชัยชนะ จะได้ควงหมัดโบกสะบัดอย่างสะใจ

 

 

ชายที่ยืนข้างเขากลับหาได้มองแง่ดีเช่นเขา เอาแต่กลัดกลุ้มมองคนที่ต่อสู้ในสนาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนมองการต่อสู้ด้วยสีหน้าเบาสบาย ไร้ซึ่งความกังวล

 

 

เหวินเปียวและกัวเฟยรวมถึงองครักษ์อีกสองนาย ในตอนแรกยังจับกระบวนท่าของอีกฝ่ายไม่ได้ ถูกอัดไปหลายครั้ง หลังจากสู้กันหลายกระบวนท่า พวกเขาก็เริ่มจับทางได้ จึงไม่ออมมืออีก ใช้กระบวนท่าดุดันเข้าโต้กลับ ไม่นานก็ถีบชายฉกรรจ์คนหนึ่งลอยกระเด็นออกไป

 

 

คุณชายใหญ่โมโหโทโส ชี้หน้าบ่าวร้องก่นด่า “เศษสวะไม่ได้เรื่อง คนมากเช่นนี้ยังจัดการคนสี่คนไม่ได้ มีพวกเจ้าจะมีประโยชน์อะไร?”

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์ได้ยินเสียงก่นด่า ยิ่งให้ตกใจกลัว สติเสียขวัญกระเจิง ชายสี่คนฉวยโอกาสนี้กระโดดถีบใส่

 

 

คนสิบกว่าชีวิตเหลือเพียงสามสี่คนในพริบตาเดียว ชายฉกรรจ์ที่เหลือไม่กี่คนก็สติแตก พวกกัวเฟยออกแรงเล็กน้อย ก็ล้มคว่ำพวกเขาได้

 

 

กลุ่มคนที่มามุงดูเรื่องสนุกส่งเสียงโห่ร้องชื่นชมพวกเหวินเปียวทั้งสี่คน

 

 

คุณชายใหญ่ปั้นหน้าไม่ถูกแล้ว เดินขึ้นหน้า เข้าไปเตะชายฉกรรจ์ที่นอนร้องครวญครางที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุด “เศษสวะ ข้าเลี้ยงดูพวกเจ้าเป็นอย่างดีมาตลอด ในตอนนี้พวกเจ้ากลับทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเตือนเขาด้วยความหวังดี “คุณชายใหญ่ ตอนนี้พวกเขาเป็นคนของหยาผอแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติกับพวกเขาเช่นนี้อีก”

 

 

คุณชายใหญ่โมโหสติหลุด เข้าไปเตะชายฉกรรจ์ทีละคนเพื่อระบายแค้น แล้วมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างท้าทาย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา หันไปพูดกับหยาผอ “ท่านรีบไปเขียนสัญญาทาสมา ให้พวกเขาประทับลายนิ้วมือ ประเดี๋ยวถูกคนซ้อมจนตาย ท่านจะเสียกำไรไปโดยเปล่า”

 

 

หยาผอได้สติกลับมา ฉีกยิ้มจนใบหน้ายับย่น “ขอบคุณแม่นางที่เตือน ข้าจะไปเอาสัญญาทาสมาเดี๋ยวนี้” ว่าแล้ว ก็ไม่เดินนวยนายแล้ว วิ่งเหยาะๆ เข้าไปในบ้านด้านหลังเรือน

 

 

หยาผอทำการค้ามนุษย์มานานหลายปี ในห้องมีสัญญาทาสเตรียมไว้จำนวนมาก นางคว้ามาหนึ่งปึก หยิบน้ำหมึกพู่กันแล้วรีบวิ่งกลับมา เดินมาหยุดตรงหน้าคุณชายใหญ่ เอ่ยปากถามเขา “คุณชายใหญ่ ท่านจะให้ราคาพวกเขาเท่าใดเจ้าคะ?”

 

 

คนมากมายเช่นนี้ยังเอาชนะคนสี่คนไม่ได้ คุณชายใหญ่แทบอยากจะฆ่าพวกเขาทิ้งแล้ว ไฉนเลยยังจะมีอารมณ์มาเจรจาราคาค่างวดของพวกเขา จึงโบกมือพูดพลัน “เจ้าเอาไปเถอะ อยากจะทำยังไงกับพวกเขาก็เชิญ”

 

 

หยาผอถูกโชคดีนี้ทุ่มใส่หัวจนมึน ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย ถึงตั้งสติได้ กล่าวขอบคุณคุณชายใหญ่ไม่ขาดปาก “ขอบคุณคุณชายใหญ่ ขอบคุณคุณชายใหญ่”

 

 

คุณชายใหญ่โบกมือปัดความรำคาญ

 

 

หยาผอรีบวิ่งไปตรงหน้าชายฉกรรจ์ที่นอนฟุบอยู่ จับนิ้วโป้งของพวกเขาขึ้น จุ่มน้ำหมึกแล้วประทับลงบนสัญญาทาส

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์ไม่กล้าขัดขืน มองดูตัวเองถูกขายให้หยาผอตาปริบๆ

 

 

หยาผอดีใจหน้าบาน ชายที่ยืนข้างคุณชายใหญ่กลับจะร่ำไห้แล้ว กว่าจะฝึกซ้อมคนพวกนี้มาได้ไม่ง่าย คุณชายใหญ่กลับให้คนอื่นๆ โดยง่าย กลับไปจะตอบคำถามนายท่านและฮูหยินเช่นไร

 

 

หยาผอประทับลายนิ้วมือคนทั้งหมดเสร็จ เก็บสัญญาทาสไว้อย่างดี ก่อนที่จะหันไปตวาดพวกชายฉกรรจ์ที่นอนร้องโอดโอยบนพื้น “เลิกนอนกลิ้งให้ขายหน้าคนอื่นได้แล้ว รีบลุกขึ้นแล้วไสหัวเข้าไป”

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์ตะเกียกตะกายลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซเข้าไปในเรือน เพิ่งจะลุกเดินได้สองก้าว เสียงก้องกังวานของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ช้าก่อน!”

 

 

กลุ่มคนมุงล้อมตกใจมองนาง

 

 

หยาผอก็ทำหน้าชะงักอึ้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มอ่อน พูดกับหยาผอ “คำท้าของข้ากับคุณชายใหญ่ยังไม่บรรลุผล”

 

 

หยาผอกะพริบตาปริบ พลันนึกได้ว่าเหล่าชายฉกรรจ์ยังไม่ได้คลานร้องเหมือนสุนัขวนรอบรถม้าสิบรอบ ลอบมองคุณชายใหญ่แวบหนึ่ง เห็นเขาหน้าดำหน้าแดง มีควันลอยพุ่งจากกลางกระหม่อม จึงหยั่งเชิงพูดตอบเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “แม่นาง คนพวกนี้ถูกขายให้ข้าแล้ว คำท้าของพวกท่านพอจะยกเลิกได้หรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายหน้า น้ำเสียงราบเรียบ กลับทำให้คนที่มุงล้อมได้ยินทั้งหมด “หยาผอ เมื่อพวกเขาถูกขายให้ท่านแล้ว ข้าย่อมต้องเห็นแก่หน้าท่าน เอาเช่นนี้เถอะ ไม่ต้องคลานรอบรถม้าสิบรอบ แต่ให้พวกเขาคลานร้องเหมือนสุนัขเขาไปในเรือนก็พอ”

 

 

ด้านหนึ่งคือคุณชายใหญ่จวนราชครู อีกด้านเป็นแม่นางที่ซื่อจื่อฉีโปรดปราดที่สุด หยาผอครุ่นคิดทบทวน โอนเอียงไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว จึงกัดฟันสั่งชายฉกรรจ์ทั้งหมด “พวกเจ้าได้ยินวาจาแม่นางแล้วหรือไม่? ไม่อยากถูกเฆี่ยนก็จงปฏิบัติตาม”

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์ไม่กล้าขัดขืน ย่อตัวลงคลานร้องเอ๋งๆ เข้าไปในเรือน

 

 

กลุ่มคนมุงล้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากลั่น

 

 

คุณชายใหญ่อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ใบหน้าบวมแดงเหมือนตับหมู โมโหสะบัดแขนเสื้อไม่หยุด พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างแค้นเคือง “นังตัวดี ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันข้าจะให้เจ้าได้เห็นดี”

 

 

พูดจบก็เดินสะบัดแขนเสื้อเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป ชายมีอายุตามไล่หลังเขาไปทันที

 

 

คนทั้งหมดเห็นสีหน้าพ่ายแพ้ของเขา ยิ่งให้หัวเราะครืน

 

 

หยาผอร้อนรนร้องเรียกไล่หลัง “คุณชายใหญ่ ท่านจะไปแล้วหรือเจ้าคะ? ช่วงที่ผ่านมาข้าควานหาหญิงสาวชั้นดีจำนวนไม่น้อยมาให้ท่านแล้ว”

 

 

คุณชายใหญ่ชะงักฝีเท้าเล็กน้อย แล้วขึ้นนั่งบนรถม้าโดยไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับ ส่งเสียงสั่งคนรถให้รีบบังคับรถม้าออกไปให้เร็วที่สุด

 

 

กระทั่งชายฉกรรจ์ทั้งหมดคลานเข้าไปในเรือน เสียงร้องเอ๋งๆ หยุดลง เสียงหัวเราะของคนที่มุงล้อมก็หยุดลง ต่างจับกลุ่มแยกย้ายกัน เดินวิพากษ์อย่างสนุกปากจากไป

 

 

ด้านหน้าเรือนพลันสงบเงียบ

 

 

หยาผอได้ประโยชน์ก้อนโตเช่นนี้ ย่อมเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจต่อเมิ่งเชี่ยนโยว ยกยิ้มเดินมาเบื้องหน้านาง พูดประจบสอพลอ “แม่นางเป็นดาวโชคดีของข้าโดยแท้ มาถึงก็ทำให้ข้าได้ลาภก้อนโตเช่นนี้โดยเปล่า ข้าขอบคุณแม่นางมากจริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก ข้ามีเรื่องจะถาม แต่เจ้าต้องตอบตามสัตย์จริง”

 

 

หยาผอยกยิ้มรับคำ “แม่นางถามมาได้เลย ขอเพียงข้ารู้ ข้าจะต้องบอกท่านทั้งหมด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อ้อมค้อม ถามไปตามตรง “คุณชายใหญ่มักจะมาซื้อคนที่นี่?”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าหยาผอแข็งค้าง แววตาสะท้อนล่อกแล่ก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองปฏิกิริยาของนาง ไม่พูดอะไร

 

 

หยาผอยิ้มแห้งพูดว่า “แม่นาง คือ คือ ข้าบอกท่านไม่ได้จริงๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แสดงว่าเข้าใจ

 

 

หยาผอโล่งใจลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดต่อว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขายชายฉกรรจ์พวกนั้นให้ข้าเถอะ คนละสองตำลึง ข้าจ่ายเงินให้ทันที”

 

 

หยาผอจุกอกเกือบหายใจไม่ออก ชายฉกรรจ์พวกนั้นล้วนได้รับการฝึกฝนมา บ้านขุนนางเศรษฐีต่างยินซื้อพวกเขาไปเฝ้าเรือน อย่าว่าแต่สองตำลึง ต่อให้ยี่สิบตำลึงก็ไม่ถือว่าแพง ตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวกลับต้องการซื้อพวกเขาเพียงคนละสองตำลึง เห็นชัดว่าต้องการบีบนางให้พูดเรื่องของคุณชายใหญ่

 

 

หยาผอยืนนิ่งใคร่ครวญ

 

 

น้ำเสียงไม่เห็นด้วยของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้น “ให้สองตำลึงมากเกินไปแล้ว หากไม่เพราะเจ้า นางก็คงไม่ได้ชายฉกรรจ์พวกนั้นมาโดยเปล่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ทั้งหมดให้นางสิบตำลึงก็พอ”

 

 

หยาผอเริ่มยืนโงนเงน เกือบจะล้มทั้งยืน เคยได้ยินว่าซื่อจื่อฉีสุภาพอ่อนโยนดั่งหยกใส เห็นอกเห็นใจบ่าวไพร่ ล้วนเป็นคำโป้ปดโดยสิ้น คนตรงหน้าช่างใจดำอำมหิต ไร้ซึ่งความอ่อนโยนปรานีแม้แต่น้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบยกนิ้วโป้งให้หวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มประจบตอบนาง

 

 

หยาผอที่เงยหน้ามาเห็นรอยยิ้มของเขาพอดี พลันได้สติขึ้นทันที ซื่อจื่อฉีโปรดปรานแม่นางตรงหน้าคนนี้มาก หากวันนี้นางไม่พูดเรื่องของคุณชายใหญ่ เกรงว่าต่อไปจะไม่ได้อยู่เป็นสุข

 

 

จึงไม่ลังเลอีก มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีคน จึงเดินเข้าไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวสองก้าว พูดกระซิบเสียงแผ่ว “เรื่องนี้ข้าจะบอกเพียงแม่นางและซื่อจื่อ ขอพวกท่านห้ามพูดออกไปเด็ดขาด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับประกัน “วางใจ ข้าเพียงแปลกใจสอบถาม จักไม่โพนทะนาออกไป นำความเดือดร้อนมาให้ท่านเด็ดขาด”

 

 

หยาผอถึงวางใจพูดว่า “คนที่อยู่ข้างกายคุณชายใหญ่เมื่อครู่ก็คือพ่อบ้านจวนราชครู เมื่อก่อนเขาจะมาที่นี่ทุกสามเดือน ทุกครั้งจะมาซื้อสตรีที่มีประวัติขาวสะอาดสิบกว่าคนไป บอกว่าเอาไปเป็นสาวใช้ในจวน ตอนนั้นข้าไม่สนใจอะไร ราชครูเป็นครอบครัวขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ซื้อสาวใช้จำนวนหนึ่งไปหาได้ผิดแปลก แต่ข้าค่อยๆ ค้นพบสิ่งผิดปกติ ทุกครั้งเขาจะมาซื้อเด็กสาวใบหน้าสะสวยหมดจด อายุสิบสามสิบสี่ปี และเด็กสาวพวกนี้หลังจากถูกซื้อไป ก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวอีกเลย ข้าทนความใคร่รู้ไม่ไหว สอบถามกับพ่อบ้าน กลับถูกพ่อบ้านด่าตะเพิดกลับมา นับแต่นั้นมาข้าก็ไม่กล้าถามอีก ต่อมา ทุกครั้งที่มาซื้อคน คุณชายใหญ่จะมาเลือกเฟ้นด้วยตัวเอง ข้าเลียบๆ เคียงๆ ถามผู้ติดตามเขาถึงได้ความออกมาว่า ที่แท้คุณชายใหญ่เป็นพวกวิตถาร ตั้งใจซื้อเด็กสาวพวกนี้กลับไปทรมาน เด็กสาวที่ถูกเขาซื้อตัวไปไม่ถึงสามเดือนก็จะถูกเขาทรมานตายทั้งเป็น ดังนั้น พวกเขาจึงมาซื้อคนใหม่กลับไปทุกสามเดือน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว “เมื่อท่านรู้เรื่องแล้ว กลับยังขายคนให้เขา?”

 

 

หยาผอตบหน้าขาฉาดใหญ่ “ปัดโธ่ แม่นาง ข้ามีอาชีพค้ามนุษย์ ลูกค้าเข้ามาซื้อคน ข้าไม่มีเหตุผลไม่ขายให้พวกเขา อีกอย่าง พ่อแม่ของเด็กยังไม่รักขายพวกนางทิ้ง ข้ามีสิทธิ์อะไรเห็นใจพวกนาง ต้องโทษพวกนางที่โชคร้ายเอง ดันไปต้องตาต้องใจคุณชายใหญ่ ต้องตายกลายเป็นผีน่าสังเวช”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเงียบงัน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่พูดอะไร

 

 

หยาผอเห็นสีหน้าผิดปกติของคนทั้งสอง กำชับพวกเขาอีกครั้ง “ข้าบอกสิ่งที่รู้กับแม่นางแล้ว ท่านห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด หากให้คุณชายใหญ่รู้ว่าข้าพูดกับท่าน เขาได้ให้คนมาถลกหนังข้าเป็นแน่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ล้วงเงินยี่สิบตำลึงออกมาจากอกเสื้อมอบให้หยาผอ “เมื่อข้ารับปากแล้ว จักไม่พูดออกไปเด็ดขาด นี่เป็นเงินซื้อตัวพวกเขาทั้งหมด ท่านรับไว้ แล้วเอาสัญญาทาสของพวกเขามาให้ข้าด้วย”

 

 

หยาผอรับเงินมา รีบเดินไปหลังเรือน หาสัญญาทาสของคนพวกนั้นออกมา นำตัวเด็กสาวทั้งสามตัวมามอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บสัญญาทาสไว้อย่างดี สั่งเด็กสาวทั้งสามคนไปนั่งด้านหลังรถม้า แล้วหันมาพูดกับหยาผอ “ทางที่ดีท่านจงรีบขายชายฉกรรจ์พวกนั้นทิ้ง ไม่เช่นนั้นคุณชายใหญ่กลับถึงบ้าน ได้สติกลับมา ท่านจะดีใจเก้อ”

 

 

หยาผอนิ่งอึ้ง รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณแม่นางที่เตือน ข้าจะให้คนส่งข่าวบอกผู้ซื้อ ให้พวกเขารีบมารับคน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูดอะไร เดินกลับมาขึ้นรถม้าพร้อมหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

เหวินเปียวบังคับรถม้า หวงฝู่อี้นั่งบนคานรถม้าอีกด้าน มุ่งหน้าไปฝั่งใต้ของเมือง

 

 

คนที่ถูกซื้อตัวมาเบียดเสียดกันอยู่ด้านหลังห้องโดยสาร กัวเฟยบังคับรถม้า องครักษ์อีกสองนายนั่งเบียดกันอยู่บนคานรถด้านหน้า ตามหลังรถม้าคันหน้าไป

 

 

หยาผอมองพวกเขาจากไปไกล ถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วรีบยักย้ายร่างกลับเรือน สั่งการบ่าวสองสามคน “พวกเจ้ารีบส่งข่าวไปในตัวจังหวัด บอกว่าข้ามีคนที่เหมาะสมที่พวกเขาต้องการ ให้พวกเขารีบมารับคนไป หากชักช้าจะไม่มีเหลือ”