ตอนที่ 367 ดึงดูดเกินไป

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 367

ดึงดูดเกินไป

ตูม!! ในยามค่ำคืนภายในวังหลวงของอาณาจักรไป๋ ยามนี้เหล่าหทารยามต่างทำงานกันอย่างขันแข็งหลังจากวังหลวงโดนบุกอย่างต่อเนื่อง แม้รอบนี้จะไม่ได้บุกเข้าไปถึงสวนด้านในเหมือนพวกอสูรเมื่อวันก่อนทำ แต่ก็มีอสูรจำนวนหนึ่งพยายามบุกเข้าไปในวังหลวงตลอดเวลา แน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถผ่านยามเฝ้าประตูได้เลย

“อย่างที่เห็นขอรับองค์หญิง คงต้องหยุดพาองค์ชายไปเที่ยวในตลาดก่อน”ชิงชิวที่พาไป๋หลินมาดูเหตุวุ่นวายด้วยตนเองพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

เปรี้ยง!! ร่างของอสูรปักษาตนหนึ่งโดนทหารยามที่เป็นอสูรปักษาเช่นกันจับกระแทกลงกับพื้นแล้วล็อคตัวเอาไว้ไม่ให้ไปไหน ความจริงมีเหล่าอสูรพยายามเข้าไปในวังหลายครั้งแล้ว แต่พวกยามก็ยังไม่ทราบสาเหตุจนกระทั่งชิงชิวจับพวกลักลอบเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้เมื่อวานได้ถึงได้ทราบเสียทีว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้

เหตุผลหลักๆก็คือความสามารถดึงดูดเหล่าอสูรขององค์ชายไป๋ชินอี้ ท่าทางพลังดึงดูดเหล่าอสูรของท่านจะมากกว่าพี่สาวอย่างไป๋หลินมาก เพราะก่อนหน้านี้ไป๋หลินเดินเล่นในตลาดก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ น่ากลัวว่าจะมากกว่าพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินเสียอีก

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมอสูรเหล่านี้ถึงพยายามบุกเข้าวังหลวง นั่นเพราะไป๋หลินพาไป๋ชินอี้ไปเดินเล่นในตลาดอยู่บ่อยๆ ทำให้เหล่าอสูรได้สัมผัสความสามารถดึงดูดเหล่าอสูรขององค์ชาย จนอยากจะอยู่ใกล้ชิดองค์ชายเป็นอย่างมากจนกระทั่งทนไม่ไหวต้องพยายามหาทางเข้ามาหาองค์ชายใกล้ๆให้ได้

“ช่วยไม่ได้นะ”ไป๋หลินเห็นสภาพวุ่นวายตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ยอมรับ นางไม่คิดเลยว่าการพาน้องชายไปเดินเล่นข้างนอกจะมีผลแบบนี้

“ความสามารถของตระกูลไป๋นี่สามารถควบคุมได้หรือเปล่าขอรับ”ชิงชิวถามพลางหันไปมองไป๋หลิน แต่ถึงจะถามออกมาแบบนั้นไป๋หลินก็ไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรดี

“ข้าไม่เคยควบคุมมันด้วยสิ เรื่องนี้อาจจะต้องปรึกษาท่านพ่อดู”ไป๋หลินตอบพลางเดินกลับลงไปจากกำแพง เมื่อถึงยามเช้าไป๋หลินก็เข้าไปพบไป๋จูเหวินก่อนจะเข้าประชุมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับพลังดึงดูดเหล่าอสูรของตระกูลตนเองทันที

“เรื่องนั้นพ่อเองก็ไม่รู้”คำตอบของไป๋จูเหวินเองก็เป็นไปตามคาด ทั้งตัวไป๋จูเหวินทั้งตัวไป๋หลินเองไม่เคยคิดจะหยุดใช้พลังดึงดูดเหล่าอสูรอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องลดระดับพลังเลย จะควบคุมมันอย่างไรไป๋จูเหวินยังไม่ทราบเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ไป๋ชินอี้มีพลังดึงดูดเหล่าอสูรที่แรงมาก ทั้งๆที่ไม่มีพลังวิญญาณเสียด้วยซ้ำ แม้จะไม่ได้เป็นผลร้ายอะไร แต่การมีอสูรจำนวนมากบุกเข้ามาในวังก็เป็นเรื่องที่ไม่สู้ดีนัก นอกจากจะต้องลงโทษเหล่าอสูรพวกนั้นแล้วทหารยามยังทำงานหนักกันอีกด้วย

“ท่านพี่ พาชินอี้ไปอาณาจักรชูกับเราด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ อย่างน้อยถ้าพวกอสูรข้างนอกรู้ว่าลูกชินอี้ไม่อยู่อาจจะไม่บุกเข้ามาก็ได้”เหม่ยหลินเสนอเพราะอีกไม่นานก็จะเป็นวันเกิดขององค์ชายชูซูองค์ชายพระองค์ใหม่ของอาณาจักรชูพอดี จดหมายเชิญเองก็ถูกส่งมาแล้ว ตอนแรกไป๋จูเหวินกะจะไปกับไป๋หลินเท่านั้นส่วนเหม่ยหลินจะอยู่กับไป๋ชินอี้ที่วัง แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้การพาไป๋ชินอี้ไปด้วยก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

“ได้ ข้าจะให้ทหารประกาศเรื่องการเดินทางออกไปให้ชาวเมืองได้ทราบด้วย”ไป๋จูเหวินตอบพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย คงต้องให้ชินอี้ออกไปจากเมืองสักพักเพื่อความสงบ แม้แต่ไป๋หลินเองยังยอมไม่พาน้องออกไปข้างนอกแล้วเลย

.

.

“พี่ไป๋ จะให้แปลงร่างตรงนี้เลยเหรอ”หลินหลินผู้รับหน้าที่พาหนะถามพลางแปลงร่างเป็นแมงมุมยักษ์ตามที่ไป๋จูเหวินบอก

“รอบนี้ต้องทำให้คนในเมืองเห็นด้วย ก็เลยต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ในวังเลย”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา เพราะต้องการให้อสูรในเมืองเห็นว่าขบวนเสด็จได้ออกไปแล้ว ไป๋จูเหวินเลยต้องให้หลินหลินที่ใครๆก็ทราบว่าเป็นเหมือนราชรถของราชวงศ์ไป๋ออกเดินทางตั้งแต่ในวังออกไปถึงเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนจะประกาศให้รู้ว่าองค์ชายได้เดินทางออกไปแล้วนั่นเอง

“ชินอี้ มานั่งกับพี่สิ”ไป๋หลินว่าพลางชวนให้น้องชายมานั่งกับตนเอง ซึ่งตัวชินอี้เองก็ไม่ได้ถือตัวแต่อย่างไร มันเดินมานั่งบนตักของพี่สาวพลางเหม่อลอยมองวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆขณะเดินทางไปยังอาณาจักรชู ดูเหมือนความกังวลของไป๋หลินตอนชินอี้พึ่งเกิดจะเสียเปล่าเสียแล้ว เพราะชินอี้มีท่าทีจะชอบอยู่กับพี่สาวมากทีเดียว

“พี่หญิง ข้าง่วงจังเลย”ชินอี้ว่าพลางเอนหลังพิงตัวไป๋หลินเพื่อนอนหลับไปทั้งๆแบบนั้น ไป๋ชินอี้ยังไม่มีพลังวิญญาณทำให้มันเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่งไม่มีผิด ทั้งการกินและนอนยังต้องการเท่าคนธรรมดา ทำให้การนั่งบนหลังหลินหลินเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้มันง่วงได้แล้ว

“เข้าใจอ้อนพี่สาวนะ”เหม่ยหลินว่าพลางเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆบุตรชายและบุตรสาวของตน เพราะไป๋หลินเอาใจชินอี้มากที่สุดชินอี้ก็เลยชอบอ้อนไป๋หลินมากกว่าเหม่ยหลินกับไป๋จูเหวินเสียอีก

“ชินอี้ตอนหลับน่ารักจังเลย”ไป๋หลินยิ้มพลางมองใบหน้าน้องชายที่กำลังหลับอยู่บนตัดของตนเองด้วยท่าทีมีความสุข ทำให้เหม่ยหลินและไป๋จูเหวินที่อยู่ข้างๆได้แต่อมยิ้มมองลูกๆอย่างอบอุ่น

แต่ถึงอย่างนั้นไป๋จูเหวินก็แอบกังวลเรื่องพลังดึงดูดเหล่าอสูรของชินอี้อยู่นิดหน่อย เพราะครั้งหนึ่งมันเคยโดนอสูรตตะขาบพยายามดึงตัวไปอยู่ในรังของมันมาแล้ว แม้จะมีไม่มากที่อสูรจะทำแบบนั้น แต่พลังของชินอี้รุนแรงมากจนไป๋จูเหวินกังวลว่าจะมีอสูรบางตนพยายามจะลักพาตัวชินอี้ไปอยู่กับมัน

ส่วนความรุนแรงของพลังดึงดูดเหล่าอสูรนั้นไป๋จูเหวินได้สอบถามจากพวกขุนพลที่ช่วงนี้เอาแต่พยายามตามชินอี้อยู่ไม่ห่างมาแล้ว พวกมันบอกว่ายามอยู่ใกล้ๆองค์ชายพวกมันจะมีความสุขอย่างมาก แม้จะเพียงเดินตามเวลาที่องค์ชายและองค์หญิงเดินตลาดก็ตาม แต่เท่านั้นพวกมันก็มีความสุขมากๆแล้ว ส่วนพวกท่านน้าที่อยู่กับไป๋จูเหวินมานานกลับไม่เป็นแบบนั้น พวกท่านยังรักชินอี้ในฐานะหลานเหมือนเดิม แน่นอนว่าพวกท่านชอบโอ๋ชินอี้เช่นกัน แต่ก็เป็นอาการปกติของพวกท่านน้าอยู่แล้ว ดูเหมือนอสูรที่อยู่กับไป๋จูเหวินและไป๋หลินมานานจะคุ้นเคยกับพลังดึงดูดเหล่าอสูรเสียแล้ว อย่างพวกท่านน้า หลินหลิน ปิงปิง หงเยว่ ไป๋ไป่ เองก็ไม่มีท่าทีจะอยากเข้าใกล้ชินอี้ขนาดนั้น พวกนางยังทำตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย

“ไป๋หลิน”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางบุตรสาวที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการจ้องหน้าน้องชายตนเองไม่เลิก

“เราไปเยี่ยมท่านย่ากันต่อดีไหม”ไป๋จูเหวินว่าพลางนึกถึงแม่แท้ๆของตน บางทีนางอาจจะทราบอะไรบ้าง

“ดีเจ้าค่ะ ชินอี้ยังไม่เคยเจอท่านย่าเลยนี่นา”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มกว้าง เพราะชินอี้ไม่มีพลังวิญญาณไป๋จูเหวินก็เลยยังไม่ฝืนพาชินอี้เดินทางไกลๆเท่าไหร่ ทำให้ตอนนี้ชินอี้ยังไม่เคยเดินทางออกนอกอาณาจักรไป๋เลยเสียด้วยซ้ำ

“แต่ก่อนอื่นต้องไปงานขององค์ชายชูซูก่อนนะ”เหม่ยหลินว่าพลางลูบหัวไป๋หลินเบาๆ

“ค่า…”ไป๋หลินตอบพลางทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย พิธีฉลองวันเกิดขององค์ชายก็ย่อมเป็นงานที่เชิญองค์ชายองค์หญิงจากต่างอาณาจักรมาอยู่แล้ว แม้จะดีใจที่จะได้เจออู๋เทียนหมิงก็เถอะ แต่ไป๋หลินไม่ชอบเวลาองค์ชายอาณาจักรอื่นเข้ามาล้อมเลย

“องค์ชายชูซูกับองค์ชายอู๋เทียนหมิงพึ่งจะอายุไม่มาก อาจจะได้เป็นเพื่อนกับองค์ชายไป๋ชินอี้ก็ได้นะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มออกมา มันทราบดีว่าทำไมไป๋หลินไม่ชอบไปงานเลี้ยง แต่องค์หญิงอาณาจักรไป๋จะไม่ออกงานเลยก็คงไม่ได้

“อืม”ไป๋หลินก้มมองน้องชายของตนพลางหยัดหน้าน้อยๆ ถ้าชินอี้ได้เพื่อนเพิ่มก็เป็นเรื่องดีนี่นา เอาเป็นว่านางจะพยายามทนเพื่อน้องชายก็แล้วกัน

“ไม่ต้องห่วงหรอก งานนี้เป็นงานในแถบตะวันออก ไม่มีพวกเสียมารยาทกับลูกหรอกจ่ะ”เหม่ยหลินว่าพลางลูบเส้นผมของบุตรสาวเบาๆ อาณาจักรชูอยู่ท่ามกลางอาณาจักรอู๋ ชิน และไป๋ ทำให้แขกที่เชิญมางานส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนรู้จักของไป๋หลินอยู่แล้ว แถมพักหลังนี้ชื่อเสียงของอาณาจักรไป๋ยังแผ่กระจายออกไปจนไม่มีอาณาจักรไหนกล้าทำตัวหยิ่งยโสหรือเสียมารยาทกับไป๋หลินผู้เป็นองค์หญิงของอาณาจักรไป๋อยู่แล้ว

“หวังว่าองค์ชายอินสิงจะไม่มานะ”ไป๋หลินถอนหายใจออกมาพลางทำแก้มป่องออกมา แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเสียมารยาทกับไป๋หลินอีกแล้ว ทุกคนกลัวจะเป็นอย่างองค์ชายกู่กันหมด แต่คนที่ทำให้ไป๋หลินรำคาญก็มีมาเรื่อยๆจริงๆ โดยเฉพาะองค์ชายอินสิง

หากถามว่ามันเป็นคนอย่างไรหรือ มันเป็นหนุ่มรูปงามอายุ 18 ปี มันเป็นที่หมายปองขององค์หญิงอาณาจักรอื่นๆไม่น้อยเลย นอกจากหล่อแล้วยังมีความสามารถ ได้ข่าวว่าอายุเพียง 18 ปีก็เลื่อนระดับพลังวิญญาณขึ้นมาเป็นขั้นก่อกำเนิดพลังเซียนแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ของยอดฝีมือรุ่นใหม่ของอาณาจักรกู่เลยทีเดียว แถมระดับพลังยังมากกว่ายอดฝีมือรุ่นใหม่อันดับ 1 ของอาณาจักรไป๋เสียอีก

เพียงแต่ไป๋หลินไม่ได้กรีดกราดองค์ชายอินสิงอย่างองค์หญิงคนอื่นๆ อย่างน้อยจะให้นางหลงใหลก็ต้องเก่งให้ได้สั้กครึ่งของบิดานางเสียก่อน ทำให้ไป๋หลินไม่ได้สนใจองค์ชายอินสิงเลย แต่ตรงกันข้ามองค์ชายอินสิงดูจะถูกอกถูกใจไป๋หลินเป็นอย่างมาก ทำให้มันพยายามตามจีบไป๋หลินมาสักพักใหญ่แล้ว และที่น่าคำคาญที่สุดก็คือมันไม่ได้ทำตัวหยิ่งยโสอะไรเลย แถมยังตามจีบไป๋หลินด้วยท่าทีสุภาพอีกต่างหาก แม้จะพูดได้ว่าดีแล้วที่มันไม่ทำตัวหาเรื่อง แต่เพราะมันทำแบบนั้นทำให้ไป๋หลินไม่สามารถหาเรื่องไล่มันไปห่างๆได้เลย แถมเพื่อนๆในกลุ่มองค์หญิงของไป๋หลินยังเริ่มจับคู่ไป๋หลินกับองค์ชายอินสิงอีกต่างหาก ทำเอานางขยาดไม่อยากเจอหน้าองค์ชายอินสิงเสียเท่าไหร่

“เรื่องนั้นคงยากขอรับ”ชิงชิวว่าพลางหัวเราะแห้งๆออกมา ราวกับองค์ชายอินสิงพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของไป๋หลินอยู่ตลอดก็ไม่ปาณ ไม่ว่าจะไปงานไหนมันก็ตามไป๋หลินไปตลอด แม้แต่งานในอาณาจักรอู๋หรือชินที่ห่างจากอาณาจักรอินมากมันยังดั้นด้นไปโผล่ในงานจนได้ แถมคราวนี้ไป๋จูเหวินประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าจะไปร่วมงานที่อาณาจักรชูทั้งครอบครัว มีหรืออินสิงจะไม่มี

“โชคดีจังเลยที่ท่านพ่อไม่เหมือนจักรพรรดิหัวโบราณพวกนั้น”ไป๋หลินพูดพลางเอนตัวไปพิงตัวไป๋จูเหวินที่อยู่ข้างๆ เพราะอำนาจและหน้าตาของไป๋หลินไม่ได้เป็นรององค์หญิงที่ไหนเลย ทำให้มีคำขอหมั้นหมายมาจากอาณาจักรต่างๆที่มีองค์ชายรุ่นราวคราวเดียวกันกับไป๋หลินส่งมาให้เรื่อยๆ แม้แต่อาณาจักรกู่ที่พึ่งโดนโจมตีไปยังหน้าด้านส่งคำขอหมั้นมาเลย