ตอนที่ 368 ของตอบแทน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 368

ของตอบแทน

“เทียนหมิง ไม่ได้เจอตั้งนาน”ทันทีที่พวกไป๋จูเหวินเดินทางมาถึงอาณาจักรชู ไป๋หลินก็พบว่าลุงอู๋หมิงของนางก็มาถึงแล้วเช่นกัน ทำให้ไป๋หลินไม่รอช้าวิ่งเข้าไปหาอู๋เทียนหมิงก่อนเป็นอย่างแรก

“คิดถึงจังเลย โตขึ้นเยอะเลยนี่นา”ไป๋หลินว่าพลางตรงเข้าไปกอดร่างของอู๋เทียนหมิงที่ยามนี้อายุเกือบสิบปีด้วยท่าททีสนิทสนมไม่ต่างจากสมัยก่อนเลย

วูบ…อยู่ๆร่างของอู๋เทียนหมิงที่กำลังพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของไป๋หลินก็เรืองแสงสีขาวออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถสะบัดหลุดออกจากแขนของไป๋หลินได้เลย

“ท่านพ่อ ไหนท่านบอกว่าพลังเทวะปราบมารสามารถไล่พวกมารไปได้ไงขอรับ”อู๋เทียนหมิงว่าพลางมองไปยังบิดาของมัน

“พี่ไป๋หลินเขาไม่ใช่มารเสียทีเดียวนี่นะ”อู๋หมิงยิ้มเจื่อนๆพลางหัวเราะเบาๆออกมา แม้ไป๋หลินจะได้พลังมารมาใช้และได้ผลของราคะมาบ้าง แต่ร่างกายของไป๋หลินก็ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นมารแต่อย่างไร ทำให้พลังเทวะปราบมารไม่มีผลอะไรกับไป๋หลิน แน่นอนว่ามันช่วยให้อู๋เทียนหมิงไม่ได้รับผลของราคะ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไป๋หลินที่พลังแข็งแกร่งกว่าหลายเท่าได้เลย

“พี่ไป๋หลิน สวัสดีเจ้าค่ะ”ที่ด้านหลังของอู๋หมิงปรากฏร่างของสาวน้อยอายุราวๆ 5 ขวบเดินตามมาด้วยท่าทางกล้สๆกลัวๆ หากไม่ใช่เพราะนางเคยเจอไป๋หลินมาแล้วคงไม่กล้าเข้ามาหาแน่ๆ นางนั้นมีใบหน้าที่น่ารักและงดงามมาก และหากมองดีๆก็จะเห็นได้ว่านางมีส่วนคล้ายไป๋หลินหลายส่วนเลยทีเดียว

“ซูซู่ก็โตขึ้นเยอะเลยนะ”ไป๋หลินว่าพลางปล่อยเทียนหมิงไปแต่โดยดี พลางหันไปหาเด็กสาวที่อยึ่ด้านหลังแทน เธอคืออู๋ซูซู่บุตรสาวของอู๋เทียนเหวินกับเหม่ยฮวานั่นเอง

“พี่ไป๋หลินก็เหมือนกันเจ้าค่ะ”ซูซู่ว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอายๆ

“วันนี้พาชินอี้มาด้วยงั้นเหรอ”อู๋หมิงถามพลางเดินเข้าไปหาไป๋จูเหวิน ยามนี้ไป๋ชินอี้กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดของเหม่ยหลินอู๋หมิงจึงลดเสียงลงพลางเดินเข้าไปมองใบหน้ายามหลับของไป๋ชินอี้ด้วยท่าทีอ่อนโยน

“มีเรื่องนิดหน่อยก็เลยต้องพามา”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันควรจะบอกคนอื่นดีหรือไม่ว่ามันต้องพาลูกออกมาเพราะมีอสูรพยายามบุกเข้าพบตัวชินอี้ให้ได้

“ท่าทางจะเหนื่อยน่าดู ให้คนของอาณาจักรชูหาที่พักให้ชินอี้ก่อนเถอะ”อู๋หมิงว่าพลางเดินเข้าไปในวังของอาณาจักรชูพร้อมๆกับไป๋จูเหวิน สำหรับอาณาจักรชูแล้วอาณาจักรอู๋และไป๋เป็นเหมือนเจ้านายเสียมากกว่าอาณาจักรข้างเคียง ทำให้คนของอาณาจักรชูเคารพและให้เกียรติคนของทั้งสองอาณาจักรมาก เพียงเอ่ยขอห้องพักให้องค์ชายคนของอาณาจักรชูก็รีบหาห้องพักให้ทันที

“แบบนี้นี่เอง ท่าทางจะลำบากน่าดู”หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากไป๋จูเหวินแล้ว อู๋หมิงก็ได้แต่ยกมือขอยอมแพ้ขขนาดไป๋จูเหวินเองยังทำอะไรมได้อู๋หมิงก็ไม่มีความสามารอะไรจะไปช่วยเหลือเรื่องพลังดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋ชินอี้ได้เลย

“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าจะหาทางทำอะไรสักอย่าง”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา ถึงจะมีปัญหาอยู่บ้างแต่พลังนี้ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย หลังจากงานฉลองครั้งนี้ไป๋จูเหวินจะไปที่อาณาจักรชินเพื่อกลับไปพบมารดาของมันเพื่อถามเรื่องนี้อีกที

“อืม…งั้นข้าขอจัดการธุระของข้าหน่อยก็แล้วกัน”อู๋หมิงว่าพลางมองไปทางชิงชิวที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋หลิน

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวสะดุ้งในทันทีเมื่ออู๋หมิงเริ่มเดินเข้ามาหาตนเอง

“เจ้าคือชิงชิวสินะ”อู๋หมิงพูดพลางมองใบหน้าของชิงชิวด้วยท่าทีสนใจ

“ใช่ขอรับ ข้าน้อยคือชิงชิวขอรับ”ชิงชิวมีท่าทีประหม่าอย่างมากเหมือนตอนได้เจอไป๋จูเหวินครั้งแรกเลย หากพูดถึงอู๋หมิงละก็ต้องนึกถึงฉายาเทพอัสนีขึ้นมาทันที ท่านคือชายเพียงคนเดียวที่มีความเร็วเทียบเท่าท่านพยัคฆ์อัสนีและยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอู๋อีกด้วย

“ข้าทราบมาจากหยงเวยว่าตำราเทวะปราบมารอยู่ที่เจ้า ข้าอยากจะขอยืมมันสักหน่อยได้หรือไม่”อู๋หมิงถามด้วยท่าทีเป็นมิตร ตอนนี้อู๋เทียนหมิงกำลังเริ่มฝึกฝนวิชาเทวะปราบมารแต่เพราะยังเข้าใจไม่มากพอเลยฝึกฝนได้ล่าช้า อู๋หมิงได้ข่าวว่าหยงเวยเขียนแก้วิชาเทวะปราบมารเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็เลยไปถามมันเกี่ยวกับส่วนที่แก้ไข แต่กลับกลายเป็นว่าหยงเวยเองก็จำได้ไม่หมดสุดท้ายเลยมายืมจากชิงชิวเพื่อนำไปคัดลอกนั่นเอง

“เอ๋..”ชิงชิวอึ้งไปเพราะไม่ทราบความสัมพันธ์ของอู๋หมิงกับหยงเวย แต่ตำราเทวะปราบมารเป็นสิ่งที่มันได้รับมาจากหยงเวย จะมอบให้คนอื่นก็ลำบากใจ แต่อีกฝ่ายก็ท่าทางจะรู้จักกัน แต่หยงเวยไม่มาพูดด้วยตนเองมันก็…

“ไม่ต้องห่วงข้าไม่ขอเจ้าฟรีๆหรอก เจ้าอยากได้อะไรตอบแทนก็บอกข้ามาได้เลย ถึงจะไม่รวยเท่าจักรพรรดิของเจ้าแต่ข้าก็มีเงินเยอะพอสมควรเลย”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มกว้างออกมา

“ไม่เป็นไร หยงเวยเป็นสหายของข้าและอู๋หมิง แถมแต่เดิมตำราเทวะปราบมารก็เป็นของอู๋หมิงมาก่อนจะมอบให้หยงเวยด้วยซ้ำ”ไป๋จูเหวินตอบเมื่อเห็นชิงชิวลังเล

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวว่าพลางนำตำราเทวะปราบมารออกมาให้อู๋หมิง ก่อนที่อู๋หมิงจะรับปากว่าจะเอามาคืนในวันพรุ่งนี้

“แล้ว ค่าตอบแทนเจ้าอยากได้เป็นอะไรล่ะ”อู๋หมิงถามหลังจากเก็บตำราเทวะปราบมารรลงไปในมิติของตนแล้ว

“ของตอบแทน? ไม่ใช่เมื่อกี้ท่านพูดเล่นหรือขอรับ”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวินเหมือนจะหาตัวช่วย

“ถือเป็นค่าเช่าไง เจ้าอยากได้อะไรก็บอกมันไปเถอะ อู๋หมิงไม่ได้ขี้งกนักหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางหัวเราะออกมากับท่าทีของชิงชิว

“เจ้าอยากได้อะไรล่ะ สมุนไพรหายาก แร่วิเศษหรือเงินทอง”อู๋หมิงถามด้วยท่าทีสนใจ อย่างชิงชิวจะอยากได้อะไรกัน

“ถ้าเป็นข้อมูลจะได้หรือเปล่าขอรับ”ชิงชิวถามพลางมองอู๋หมิงด้วยท่าทีประหม่า แม้มันจะมีสิ่งที่อยากได้มากมาย แต่ช่วงหลังนี้มันมีสิ่งหนึ่งที่ติดใจชิงชิวอยู่

“ได้ ถ้าข้ารู้ข้าจะบอกให้”อู๋หมิงตอบอย่างมั่นใจทีเดียว

“ข้ากำลังตามหาแร่อยู่ขอรับ แต่ข้าไม่ทราบว่ามันมีจริงหรือไม่ ข้าอยากได้แร่ที่มีความแข็งและโปร่งใสมากๆขอรับ”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางอู๋หมิง

“แร่ที่แข็งและโปร่งใส….”อู๋หมิงนิ่งไปเมื่อได้ยินคำถามของชิงชิว แร่ที่มีสีใสนั้นมีจำนวนไม่น้อย แต่หากต้องการความแข็งแกร่งแล้วละก็…

“เจ้าจะสร้างอาวุธงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินถามออกมาเมื่อทราบสิ่งที่ชิงชิวต้องการ แน่นอนว่าความสามารถล่องหนหายตัวของชิงชิวนั้นน่ากลัวมาก แต่เมื่อถืออาวุธในมือก็ไม่สามารถซ่อนตัวได้ ชิงชิวต้องเรียกอาวุธออกมาในเสี้ยววินาทีที่จะโจมตีเพื่อปิดบังตัวตนให้แนบเนียน แต่การทำแบบนั้นจะเสียเวลาไปเสี้ยววินาทีเช่นกัน หากถืออาวุธในมือได้เวลาเพียงพริบตานั้นก็อาจจะทำให้ชิงชิวโจมตีถึงตัวไป๋ไป่ก็ได้

“ถ้าจะสร้างอาวุธละก็…”อู๋หมิงทำท่าครุ่นคิดพลางนึกถึงแน่ที่สามารถนำมาใช่ได้

“น้ำตากิเลน”อยู่ๆทั้งไป๋จูเหวินทั้งอู๋หมิงก็ตอบออกมาพร้อมกัน ทำเอาชิงชิวงงไปทันที ไม่ใช่ว่ามันไม่รู้จักแร่ที่ชื่อน้ำตากิเลน เพียงแต่มันเป็นแร่ที่มีสีดำหม่นไม่ใช่ใสอย่างที่มันต้องการเสียหน่อย แล้วทำไมองค์จักรพรรดิทั้งสองถึงสรุปออกมาเหมือนกันเล่า

“ถ้าใช้ความร้อนสูงมากๆจะหลอมแร่น้ำตากิเลนให้เหลือเพียงเนื้อแท้ได้ มันจะมีสีใสเหมือนหยดน้ำ แถมยังแข็งเกือบเท่าแร่เหล็กดำเลย”อู๋หมิงอธิบายพลางทำท่าครุ่นคิดต่อ ปัญหาคือความร้อนมหาศาลที่จะใช้หลอมตัวมันคงทำไม่ได้ แต่มันก็รู้จักคนที่ทำได้อยู่

“น้าราชสีห์คงสามารถหลอมขึ้นมาได้ ช่วงนี้ท่านกำลังสนใจการสร้างอาวุธด้วย”ไป๋จูเหวินพยักหน้าช้าๆ เพราะช่วงหลังมานี่พวกอสูรเริ่มใช้อาวุธกันแล้ว แถมท่านน้ายังอยากสร้างกระบี่ให้ไป๋หลินใหม่ด้วยท่านก็เลยฝึกการสร้างอาวุธมาตลอด ถ้าเป็นท่านต่อนนี้น่าตะสร้างมีดและดาบสั้นที่มีความโปร่งใสจนเหมือนจะล่องหายให้ชิงชิวได้แน่ๆ

“ได้ เมื่อกลับไปข้าขอสั่งทำอาวุธให้น้องชิงชิวทันทีเลย แล้วค่อยมาเก็บเงินที่ข้า”อู๋หมิงว่าพลางตกลงงานกับไป๋จูเหวินจนเรียบร้อยโดยไม่ถามชิงชิวเลยแม้แต่คำเดียว

“เอ๊ะ คือ….ข้าขอแต่ข้อมูลนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางทำหน้าลำบากใจ ทั้งสองคนปรึกษากันอึดใจเดียวก็ตกลงซื้อขายกันเสร็จแล้ว ทำเอาชิงชิวไม่ทันได้ทักท้วงอะไรเลย

“นี่ก็ถือเป็นข้อมูลยังไงล่ะ ข้อมูลว่าสามารถสร้างได้จริงหรือไม่ยังไงล่ะ”อู๋หมิงตอบพลางยิ้มอย่างสบายใจ ทำเอาชิงชิวไม่ทราบจะตอบอย่างไรดี

“พี่ชิว ทำไมท่านไม่บอกข้าล่ะ”อยู่ๆที่ด้านหลังชิงชิวก็มีเสียงของไป๋หลินดังขึ้น ท่าทางนางจะไม่ค่อยพอใจที่ชิงชิวไม่ยอมบอกความต้องการของตนเองกับนาง

“ชิงชิวนี่เจ้าคิดเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้ว”ไป๋ไป่ถามพลางมองชิงชิวด้วยสายตาจับผิด

“เอ่อ…ราวๆเดือนกว่าๆแล้วขอรับ”ชิงชิวตอบพลางมองไปที่ไป๋ไป่และไป๋หลินด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ

“ทำไมไม่บอกพวกเราล่ะ หรือว่าเจ้าคิดว่าพวกเราไม่สามารถช่วยเจ้าได้”ไป๋ไป่ถามด้วยท่าทีไม่พอใจนิดหน่อย ความจริงชิงชิวอยู่ในตำแหน่งที่สามารถร้องขออาวุธจากไป๋จูเหวินได้ทันทีเสียด้วยซ้ำ แต่ชิงชิวก็ยังใช้แต่อาวุธวิเศษระดับต่ำจากคลังของอาณาจักรอย่างเดียวทั้งๆที่มันสามารถร้องขออาวุธระดับเดียวกับกระบี่ทัณฑ์สวรรค์หรือดาบราชันศาสตราได้เสียด้วยซ้ำ เพราะหน้าที่ของมันคือดูแลไป๋หลินหากทำไม่ได้เพราะอาวุธกระจอกเกินไปอาณาจักรไป๋คงเสียหน้าแย่

“ข้าแค่เกรงใจขอรับ”ชิงชิวตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย

“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย ข้ายังเอาแต่ใจกับท่านตั้งหลายเรื่อง ท่านจะเอาแต่ใจบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มอายๆออกมาเพราะตนเองก็ยอมรับว่าดื้อกับชิงชิวไปบ้าง

“ถึงข้าจะไม่เคยดื้อกับเจ้าแต่ข้าก็ไม่ถือหรอกนะถ้าเจ้าจะมาปรึกษาข้าบ้าง”ไป๋ไป่ว่าพลางเดินเข้ามาตบบ่าชิงชิวเบาๆ

“เอาจริงๆพวกเรายกกองทัพไปช่วยชิงชิวมาแล้วนะ แค่เรื่องอาวุธไม่เห็นต้องเกรงใจเลย”หลินหลินว่าพลางเอียงคอสงสัย สำหรับนางแล้วเรื่องอาวุธนั้นเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับตอนยกทัพไปชิงตัวชิงชิวคืนมา

“เอ่อ….ขอรับ ขอบพระคุณมากขอรับ”ชิงชิวยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่หยุด ก็เพราะองค์จักรพรรดิเคยยกทัพไปช่วยมันนี่ล่ะมันถึงได้เกรงใจขนาดนี้ แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวมันก็ตอบแทนไม่หมดแล้ว ท่าทางชาตินี้ทั้งชาติมันคงจะต้องรับใช้จักรพรรดิไป๋ไปตลอดเสียแล้วกระมัง