บทที่ 491 เรื่องราวชวนฝัน ชวนให้คิดไกลไปจนถึงเรื่องลูก

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 491 เรื่องราวชวนฝัน ชวนให้คิดไกลไปจนถึงเรื่องลูก
ฟ้าเริ่มสางแล้ว เฟิ่งชิงเฉินต้องเริ่มต้นวันใหม่ ในเวลานั้นไม่มีผู้ใดจะมาสนใจว่านางเป็นผู้หญิงที่บอบบาง และไม่มีใครที่จะมาใส่ใจสถานภาพของนางด้วย

เช้าวันใหม่แล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เป็นคนๆหนึ่ง แม้นางกับเขาจะใกล้ชิดสนิทกันเพียงใด ในภายภาคหน้าเขาอาจไม่สามารถอยู่เคียงข้างนางได้

เขาเองก็อยากสร้างรากฐานที่ดีพร้อมให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ให้นางต้องฟันฝ่าความลำบากในชีวิต แต่ชะตาชีวิตเขาไม่อาจราบรื่นไปตราบชั่วชีวิต

ฝ่ายหญิงคอยอยู่เหย้าเฝ้าเรือน ฝ่ายชายไปทำงานนอกบ้าน นี่เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตที่เขาและนางใฝ่ฝันยิ่งนัก วินาทีที่เขาตัดสินใจเลือกเฟิ่งชิงเฉิน ชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินก็ถูกกำหนดแล้วว่าจะไม่สงบสุข เขารู้ว่ามันต้องเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

ช่วงแรกๆเขาก็ได้แต่มองว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นคนที่ใช่ แต่ตอนนี้เขากลับทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้นางมาเผชิญพายุฝน ชีวิตคนเราช่างขัดแย้งยิ่งนัก

เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้ว เสด็จอาเก้าก็ยิ่งละอายใจ เขาได้รับสิ่งต่างๆจากเฟิ่งชิงเฉินมามากมาย แต่สิ่งที่เขาได้มอบให้กับนางมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน

เสด็จอาเก้าถอนหายใจเบาๆ เขามองสีท้องฟ้าที่ด้านนอกแล้วไม่รีรออีกต่อไป เฟิ่งชิงเฉินคงจะนอนต่อไม่ถึง 1 ชั่วยามเดี๋ยวก็คงจะตื่นแล้ว ระหว่างนี้เขาจะต้องช่วยนางทำความสะอาดเรือนร่าง มิฉะนั้นแล้วหากสาวใช้เข้ามาในตอนเช้า เฟิ่งชิงเฉินอาจจะต้องพบเจอเรื่องปวดหัว

ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเงาดำกำลังหิ้วถังน้ำ เงาดำนั้นแอบเข้าไปในห้องน้ำข้างๆ รูปร่างของเงาดำสูงโปร่งและมีส่วนเว้าส่วนโค้ง แม้ร่างกายจะห่อหุ้มด้วยชุดดำ แต่เห็นแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของเงาดำเป็นสตรี

มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วล่ะ เสด็จอาเก้าจะปล่อยให้ผู้ชายมาดูแลเฟิ่งชิงเฉินอย่างใกล้ชิดได้อย่างไร

“เฝ้าไว้ให้ดีๆล่ะ ใครหน้าไหนก็ห้ามให้เข้ามา” เสด็จอาเก้าออกคำสั่งแก่ผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอก

อันที่จริง ตอนที่เขาเข้ามาเมื่อคืนนี้ก็ได้ขับไล่คนอื่นๆไปหมดแล้ว การออกคำสั่งซ้ำอีกครั้งเป็นเพียงการย้ำว่าคำสั่งนี้มีความสำคัญมาก

เงาดำไม่มีเสียงโต้ตอบ เมื่อเสด็จอาเก้าอุ้มเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในห้องน้ำแล้ว เงาดำนั้นก็อันตรธานหายไป

ถึงแม้ว่าเสด็จอาเก้าจะเป็นท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะถูกเลี้ยงดูฟูมฟักเป็นอย่างดีจนทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น ถึงแม้จะไม่มีบ่าวไพร่ แต่เขาก็สามารถดูแลจัดการชีวิตตัวเองได้ และแน่นอนว่าการดูแลเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เขาอุ้มเฟิ่งชิงเฉินไปวางในอ่างน้ำ แสงเทียนที่ส่องสว่างทั่วห้องเผยให้เห็นร่องรอยบนเรือนร่างเฟิ่งชิงเฉินอย่างชัดเจน ความเขียวช้ำบนร่างกายเฟิ่งชิงเฉินเป็นฝีมือของเขาเอง น่าเสียดายที่รอยประทับบนแผ่นหลังนางได้จางหายไปแล้ว แผ่นหลังที่เนียนเรียบไม่ปรากฏรอยกรีดแต่อย่างใด

“ไม่รู้ว่าเมื่อไรจึงจะได้เห็นรอยประทับหงส์ฟ้าของเจ้าปรากฏขึ้นมาอีก” เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างเศร้าใจ

เรื่องรอยประทับหงส์ฟ้าของบุตรสาวภรรยาเอกแห่งตระกูลเฟิ่งหลีเขาพอจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นสักที จนกระทั่งเมื่อคืนนี้……เขาได้มีโอกาสเห็นมันแล้ว เพียงแต่เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไป เพราะตอนที่รอยประทับหงส์ฟ้าปรากฏขึ้น เขามัวแต่ปิดตาของเฟิ่งชิงเฉินอยู่ เมื่อเขามองดูมันอีกครั้งก็ไม่มีอะไรแล้ว

มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ความแพรวพราวของสตรีทำให้บุรุษหน้ามืดตามัว

เสด็จอาเก้าสะบัดหน้าเพื่อกำจัดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกจากหัว แต่เมื่อเห็นความเขียวช้ำบนร่างกายเฟิ่งชิงเฉินแล้ว สีหน้าที่แน่นิ่งมานานของเสด็จอาเก้าก็พลันอมยิ้มในทันที

รอยยิ้มของเขาในวันนี้ดูแช่มชื่นยิ่งกว่าผลรวมรอยยิ้มจากหลายๆปีที่ผ่านมาเสียอีก ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ใครอยากดลบันดาลให้เขาได้มาพบกับค่ำคืนอันภิรมย์สมสุขล่ะ

เขาค่อยๆลูบไล้เรือนร่างของเฟิ่งชิงเฉินอย่างนุ่มนวล รวมถึงของสวยของงามที่อยู่ตรงหว่างขา เมื่อนึกถึงความสุขอันดุเดือดของเมื่อคืนนี้แล้ว เสด็จอาเก้าก็หูแดงในทันที จากการที่เขาออดอ้อนร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อคืนนี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้ในท้องของเฟิ่งชิงเฉินอาจจะมีทายาทของเขาแล้วก็เป็นได้

ฮ่าๆ……

ขนาดยังไม่ทันได้เห็นวี่แววลูกเสด็จอาเก้าก็ยังยิ้มหน้าบาน และเมื่อเขาเห็นว่าน้ำเริ่มจะเย็นแล้วก็รีบอุ้มเฟิ่งชิงเฉินออกมาจากอ่างน้ำ เขาวางนางไว้บนเบาะแล้วช่วยนางเช็ดตัว

จากนั้นก็หยิบขวดยาที่วางอยู่ใกล้ๆมาทาให้เฟิ่งชิงเฉินอย่างเบามือ เขามองริมฝีปากที่บวมแดงของนางพลันนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ เขาคงร้องขอจากนางมากเกินไป ไม่รู้ว่าร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินจะทนไหวหรือเปล่า

แล้วความคิดเรื่องการยกเลิกการแข่งขันในวันนี้ก็ได้ผ่านพ้นไป

เฮ่อ……

เสด็จอาเก้าทำได้เพียงแอบคิด เรื่องเมื่อวานยังไม่แล้วเรื่องเลย ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมาคิดบัญชีย้อนหลังหรือเปล่า เขายอมแพ้แทนเฟิ่งชิงเฉินไปครั้งหนึ่งแล้ว หากยังมีครั้งที่สองเกิดขึ้นอีก เฟิ่งชิงเฉินคงต้องถีบเขาตกจากเตียงเป็นแน่

คนอย่างเฟิ่งชิงเฉินดูเผินๆก็เหมือนจะพูดคุยกันง่าย แต่เมื่อทำให้นางหมดความอดทนแล้วล่ะก็ นางก็จะเอาเรื่องอย่างถึงไหนถึงกัน นางเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ

เขาเคยหยั่งเชิงมาหลายครั้ง เพราะกลัวว่าจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินหมดความอดทน ทุกครั้งที่เขาหยั่งเชิงนาง มันทำให้เขาได้รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินใจกว้างกับเขามาก

เมื่อสวมเสื้อผ้าให้เฟิ่งชิงเฉินแล้ว เสด็จอาเก้าก็ค่อยๆเปลื้องผ้าของตัวเอง จากนั้นจึงใช้น้ำที่เฟิ่งชิงเฉินอาบเสร็จมาลูบไล้ตามเนื้อตัวของตัวเอง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่เข้มงวดเรื่องการรักษาอนามัย แต่ไหนแต่ไรมา เสด็จอาเก้าไม่เคยอาบน้ำที่คนอื่นอาบแล้วมาก่อนเลย

เมื่อชำระล้างเนื้อตัวเรียบร้อยแล้ว เสด็จอาเก้าก็อุ้มเฟิ่งชิงเฉินกลับเข้าห้อง ภายในห้องถูกทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย แถมอากาศในห้องก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย

เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินไปนอนลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้นาง เขานั่งลงข้างๆเตียง จากนั้นจึงลูบไล้แก้มของนาง แล้วช่วยนางเอาผมไปทัดหู

“ลำบากเจ้าจริงๆเลยนะ” นางช่างลำบากเหลือเกิน บุตรสาวภรรยาเอกแห่งตระกูลเฟิ่งหลีนอกจากจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสมฐานะแล้ว ยังต้องมาอยู่อย่างยากลำบาก แถมวันรุ่งขึ้นนางยังจะต้องต่อสู้กับอะไรอีกหลายอย่าง

เสด็จอาเก้ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดกับเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อคืนนี้เขาบุ่มบ่ามไปหน่อย เขาน่าจะอดกลั้นไว้สักนิด อย่างน้อยๆก็จะได้ให้เฟิ่งชิงเฉินมีความทรงจำอันแสนดีในคืนแรก

ช่วยไม่ได้นี่นา ยามที่อารมณ์เอาชนะทุกอย่างได้ ร่างกายคนเราก็ยากเกินจะควบคุม แม้จะรู้ดีว่าไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาของตนเองได้เลย

ไหนๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว เขาไม่นึกเสียใจแม้แต่น้อย หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงจะยังทำเช่นเดิม ก็เฟิ่งชิงเฉินดีแสนดีปานนั้น เขาปรารถนานางมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว มีหญิงงามอยู่ภายในอ้อมอกแล้วจะให้เขาอดใจได้อย่างไร

สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ การทำให้เฟิ่งชิงเฉินสบายตัวมากกว่านี้ เสด็จอาเก้าวางมือลงบนเอวของเฟิ่งชิงเฉิน แล้วค่อยๆนวดให้นางเบาๆ ได้ยินนางบ่นว่าปวดเอวหลายครั้งแล้ว

เขานวดให้นางไม่ยอมหยุดจนมือเขาเริ่มล้า แต่เสด็จอาเก้าก็ยังคงนวดต่อไปเรื่อยๆ จนเมื่อฟ้าแจ้งและมีเสียงไก่ขัน เสด็จอาเก้าจึงหยุดนวดให้นาง เขาจุมพิตที่หน้าผากของนางด้วยความอาลัยอาวรณ์ไม่อยากอยู่ห่างนาง ตอนที่เขาลุกขึ้นยืน ที่ช่องท้องของเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมา

เสด็จอาเก้าหยุดชะงักไปสักพัก เมื่อไม่เป็นอะไรแล้วจึงค่อยๆเดินต่อ

ดูท่า “อาการป่วย” ของเขาจะกำเริบขึ้นอีกแล้ว เห็นทีคงจะออกไปข้างนอกไม่ได้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือน แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ได้อยู่ติดผู้หญิงเช่นนี้คงทำให้คนบางคนสบายใจ และอาจทำให้คนบางคนหัวร้อน แต่สิ่งที่แย่ในตอนนี้ก็คือ การแข่งขันที่กำลังจะตามมา เขาจะไม่สามารถช่วยเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างเต็มที่แล้ว

โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ การแข่งขันที่กำลังจะตามมา เฟิ่งชิงเฉินนางถือว่าได้เปรียบ หากซูหว่านคิดจะอยู่เหนือนางคงไม่ใช่เรื่องง่าย

……

“คุณหนูเจ้าคะ”

เฟิ่งชิงเฉินค่อยๆลืมตาตื่นเพราะเสียงเรียกจากทงจือและทงเหยา นางยังคงสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อย นางสัมผัสได้ว่าตัวของนางนอนอยู่บนเตียงตามปกติ และอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว

ลวดลายบนผ้าห่มนางคุ้นเคยเป็นอย่างดี นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผ้าห่มผืนนี้มีกลิ่นแดดอ่อนๆ หาใช่กลิ่นร่องรอยการเริงรักเมื่อคืนนี้

“เอ๋ หรือว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องเมื่อคืนนี้ข้าฝันไปหรือนี่? มันเป็นเพียงความฝันอย่างนั้นหรือ?”

คงไม่หรอก? เราจะไปฝันแบบนั้นได้อย่างไร จะหมกมุ่นทั้งกลางวันกลางคืนเลยหรือนี่?

เฟิ่งชิงเฉินตกอยู่ในภวังค์ความคิดอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งทงจือทงเหยาเรียกนางอีกครั้ง นางจึงได้สติคืนมา ระหว่างที่นางเลิกผ้าห่มออกและกำลังเตรียมลงจากเตียงนั้น พลันนางก็รู้สึกปวดเอว ปวดจนเหมือนเอวจะหักเป็น 2 ท่อน โดยเฉพาะท่อนล่าง แค่เพียงขยับตัวเล็กน้อยก็เจ็บแปลบยิ่งนัก

“อูย……” เฟิ่งชิงเฉินโอดโอย พวงแก้มทั้งสองข้างค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆ

ก็บอกแล้วอย่างไรล่ะ นางจะไปฝันบ้าๆเช่นนั้นได้อย่างไร ที่แท้……ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ หมายความว่านางกับเสด็จอาเก้าได้เป็นสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว