บทที่ 211 ข้ารับใช้ที่ไม่เป็นที่ต้องการ
หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์ หลิงตู้ฉิงมองลงไปยังเลือดที่เขาได้ต้มค้างทิ้งไว้และเมื่อเขาเห็นว่ามันได้ที่แล้ว เขาจึงนั่งลงที่ด้านหน้าของหม้อต้มโดยไม่ขยับไปไหน
ภายในพริบตา 8 คืนผ่านไปอย่างน่าฉงน
ส่วนหลิงตู้ฉิงก็ยังไม่ขยับไปไหนในช่วงเวลา 8 คืนที่ผ่านมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมที่จะออกไปยังศาลาศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงได้ตะโกนเรียกหลิงยู่ชาน “ยู่ชาน วันนี้เจ้าต้องอยู่ที่คฤหาสน์ไม่ต้องไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์”
“รับทราบ ท่านพ่อ” หลิงยู่ชานพยักหน้าและนั่งลงข้างหลิงตู้ฉิง
อันที่จริงหลิงยู่ชานก็พอที่จะเดาได้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าหลายวันมานี้หลิงตู้ฉิงกำลังต้มเลือดอยู่ ซึ่งมันคล้ายกับตอนครั้งแรกที่พ่อของเขาเปิดพรสวรรค์สายเลือดของเขาขึ้น ซึ่งมันก็เป็นการต้มเลือดคล้ายกับแบบนี้
และในเมื่อวันนี้หลิงตู้ฉิงเรียกให้เขารั้งอยู่ที่คฤหาสน์ นั่นก็น่าจะหมายความว่าวันนี้จะต้องเป็นวันที่เขาต้องทรมานอีกหน
เมื่อเห็นว่าหลิงยู่ชานไม่ได้ไปศาลาศักดิ์สิทธิ์ หมิงจู้จึงมองไปยังแม่ของนางด้วยสายตาลังเลอยู่หลายครั้ง
และเมื่อถังชี่หยุนเห็นเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าและพูดกับลูกสาวของนางว่า “วันนี้เจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้”
ถึงแม้ว่าหมิงจู้ไม่รู้ว่าจะอะไรจะเกิดขึ้นกับหลิงยู่ชาน แต่ด้วยฐานะที่นางเป็นคู่หมั้นของเขา มันจึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะขอรั้งอยู่กับเขาที่นี่
หลิงว่านถิงและบรรดาลูกคนอื่น ๆ ของหลิงตู้ฉิง เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้พวกเขาก็รู้ได้เช่นกันว่าวันนี้จะต้องเป็นอีกวันทรมานของหลิงยู่ชานเหมือนเมื่อคราวที่แล้วที่เขาได้รับการปลุกพรสวรรค์ของสายเลือด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกเป็นห่วง แต่พวกเขาก็ยังต้องไปเข้าชั้นเรียนที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ถึงต่อให้พวกเขาจะอยู่ที่นี่พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี แถมพวกเขาจะต้องยิ่งรู้สึกเศร้ามากกว่าเดิมจากการที่พวกเขาเห็นพี่ชายของพวกเขาต้องทนทรมาน
เมื่อเห็นสีหน้าอันเคร่งเครียดของหลิงยู่ชาน หมิงจู้จึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไร? ทำไมต้องเครียดขนาดนี้มันอันตรายมากงั้นเหรอ?”
หลิงยู่ชานส่ายหัวและตอบกลับ “ท่านพ่อกำลังจะช่วยข้าเปิดผนึกพรสวรรค์สายเลือดของข้าไปอีกขั้น มันไม่มีอันตรายอะไรหรอก แต่ขั้นตอนของมันทำมันทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายตัวสักเล็กน้อยน่ะ อันที่จริงท่านไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่หรอกนะ มันไม่มีอะไรน่าดูหรอก และยิ่งรอบนี้พรสวรรค์ในสายเลือดของข้าน่าจะถูกปลดผนึกขึ้นไปอีกเยอะเลยล่ะ ภาพที่ออกมามันอาจจะยิ่งทำให้ท่านไม่สบายใจได้”
หมิงจู้เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางตำหนิเขาทันที “ฮึ่ม! เดี๋ยวเถอะ! เจ้าเห็นข้าเป็นคนอื่นไปแล้วรึยังไง ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้านะ ต่อให้เจ้าจะต้องทรมานแค่ไหนข้าก็จะอยู่ข้างเจ้า และอีกอย่างข้าไม่เชื่อหรอกว่าภาพที่ข้าจะเห็นมันจะน่าอนาถจนข้าทนดูไม่ได้!”
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงในเวลานี้มองไปที่เลือดสีแดงฉานที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อ หลายครั้งที่เขาต้องพยายามปรับแต่งเลือดที่อยู่ภายในหม้อด้วยพลังวิญญาณของเขา เนื่องจากเลือดภายในหม้อนั้นมีส่วนผสมของทั้งเลือดกวางวิเศษ เลือดของอสูรทมิฬ และเลือดของสัตว์อสูรชนิดอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนแต่แข็งแกร่ง เขาต้องปรับแต่งมันอย่างละเอียดที่สุดเพื่อที่จะให้เลือดนี้ปลอดภัยกับหลิงยู่ชานมากที่สุด
ในขณะที่เขากำลังวุ่นอยู่นั้น หนึ่งในหุ่นเชิดที่อยู่หน้าประตูได้ส่งข้อความาหาเขา “นายท่าน คนจากสำนักบุปผาจันทรา หลี่จือหลิง รออยู่ที่หน้าประตูเพื่อรอขอเข้าพบกับท่าน”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังหม้อต้มและตะโกนกลับไปยังหุ่นเชิดว่า “บอกนางว่าข้ามีเวลาคุยกับนางแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น”
หลี่จือหลิงที่รออยู่หน้าประตู เมื่อนางได้รับคำตอบจากหุ่นเชิดว่าหลิงตู้ฉิงมีเวลาให้นางเพียงครึ่งชั่วยาม นางก็ตอบตกลงและยื่นวัสดุระดับสูงให้กับหุ่นเชิดเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมเข้าคฤหาสน์
นางที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงนั้นน่ากลัวขนาดไหน เมื่อมาถึงวันนี้ที่นางได้ทราบข่าวเกี่ยวกับเขา นางก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากที่ในตอนแรกนางไม่ยอมตกลงรับข้อตกลงของเขา
นางซึ่งตอนนี้คิดได้ว่าต่อให้นางกลับไปที่สำนักของนาง และใช้เวลาอีกหลายปีนางก็คงไม่สามารถบรรลุขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 ได้แน่นอน นางจึงไม่มีทางเลือกและจึงต้องมาหาหลิงตู้ฉิงอีกครั้งเพื่อขอให้เขาช่วยนาง
เมื่อนางเห็นหลิงตู้ฉิงที่กำลังนั่งอยู่หน้าหม้อต้มอะไรสักอย่าง นางก็โค้งคำนับและกล่าวทักทายเขาอย่างสุภาพ “ขออภัยที่มารบกวนในช่วงที่ท่านกำลังยุ่งท่านหลิง”
“ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็รีบ ๆ พูดมา ข้ามีเวลาไม่มาก!” หลิงตู้ฉิงพูดโดยไม่เงยหน้ามองนาง เขาเอาแต่จ้องมองเลือดที่กำลังเดือดอยู่ในหม้อ
หลี่จือหลิงที่พอจะรู้นิสัยของหลิงตู้ฉิงบ้างแล้ว นางจึงเริ่มพูดอย่างตรงไปตรงมา “ท่านหลิง ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าต้องการให้ท่านช่วยข้าบรรลุระดับการบ่มเพาะไปสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 ตอนนี้ข้าได้เตรียมวัสดุระดับราชวงศ์มาให้ท่านเรียบร้อยแล้ว”
หลังจากพูดจบนางจึงหยิบวัสดุระดับราชวงศ์ที่นางเตรียมไว้ขึ้นมาทันที
หลิงตู้ฉิงที่ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมามองเขาตอบกลับไปอีกว่า “นั่นมันราคาของรอบที่แล้ว ซึ่งข้ามอบให้เป็นวาสนาของเจ้าที่ได้มาเจอกับข้าครั้งแรก แต่ตอนนี้วาสนานั้นมันผ่านไปแล้ว หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าต้องใช้วัสดุระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุดเท่านั้นข้าถึงจะช่วยเจ้า”
หลี่จือหลิงเมื่อได้ยินเช่นนี้นางเผยรอยยิ้มอันขมขื่น นางครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดว่า “ถ้างั้นข้าขอใช้เป็นวัสดุระดับราชวงศ์ขั้นกลาง 2 ชิ้นให้ท่านแทนได้ไหม?”
อันที่จริงตอนนี้นางไม่สนใจแล้วว่านางจะต้องใช้อะไรเพื่อแลกให้หลิงตู้ฉิงช่วยนาง ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะให้นางเปลื้องผ้าต่อหน้าเขาตรงนี้นางก็คงต้องยอม นางเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าหากวันนี้นางไม่สามารถตกลงกับเขาได้ ในรอบหน้าที่นางมาหาเขา ราคาที่เขาเรียกจะต้องกลายเป็นวัสดุระดับสวรรค์แน่นอน
“ช่วงนี้ข้ายังไม่ว่าง และข้าจะไม่มีเวลาว่างไปอีกนานเลย” หลิงตู้ฉิงพูดพลางส่ายหัว
เขาไม่ได้โกหกนาง ตามแผนของเขาแล้ว หลังจากที่เขาเสร็จจากการปลดผนึกสายเลือดให้ยู่ชาน ขาก็จะต้องปลุกสายเลือดให้กับโจวจื่อซินอีก และจากนั้นเขาจะต้องทำการสร้างอาวุธให้กับโม่จู่อีก ซึ่งในขั้นตอนการสร้างอาวุธวิเศษที่ถูกสร้างมาเฉพาะสำหรับเผ่าอสูรทมิฬนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก เขาจะต้องใช้เวลากับมันเป็นอย่างมาก และถ้าหากเขาขอเลื่อนการสร้างอาวุธออกไปอีก เขาจะต้องเป็นกลายเป็นติดค้างโม่จู่มากขึ้น ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
แต่น่าเสียดายที่หลี่จือหลิงไม่ทราบถึงปัญหาเหล่านี้ของเขา นางจึงได้แต่คิดในใจว่าหลิงตู้ฉิงต้องการที่จะต่อรองขอเพิ่มราคาจากนาง
นางกัดริมฝีปากและครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นเอาแบบนี้เป็นไง ข้าจะมาคอยรับใช้ท่านที่นี่ ข้าไม่สนใจว่าท่านจะให้ข้ารับใช้ท่านในฐานะอะไรหรือแบบไหน ขอแค่ท่านช่วยเหลือข้านั่นก็เพียงพอแล้ว”
ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็เงยหน้ามองนางและพูดว่า “จิตของเจ้าตอนนี้ไม่บริสุทธิ์ ฉะนั้นข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาอยู่ข้างกายของข้า และอีกอย่าง ในอีกไม่ช้าสำนักของเจ้าจะต้องเผชิญกับหายนะใหญ่ แต่ถ้าหากเจ้าสามารถรอดตายมาได้หลังจากหายนะในอนาคตและกลับมาหาข้าอีกครั้ง ข้าจะพิจารณาคำขอของเจ้าอีกที เอาล่ะตอนนี้หมดเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว เจ้าออกไปซะ ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง”
“ท่านหมายความว่ายังไง” หลี่จือหลิงถามอย่างงุนงง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและตอบกลับ “นี่เจ้าไม่รู้เลยหรือไงว่าตอนนี้ตัวข้ากับราชวงศ์จันทรา นั้นเปรียบเสมือนน้ำกับไฟ? และในเมื่อสำนักขอบงเจ้าเองก็มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับราชวงศ์นี้อยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อในอนาคตที่ข้ากับราชวงศ์แตกหักกัน เจ้าเองที่เป็นคนของสำนักบุปผาจันทรานั้นต้องถูกส่งตัวเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้อยู่แล้ว”
หลี่จือหลิงเมื่อได้ยินเช่นนี้นางเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะโค้งคำนับให้หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ข้าเองเป็นเพียงแค่ศิษย์สำนักตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ข้าไม่คิดว่าด้วยฐานะของข้าจะมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาแทรกแซงเรื่องของท่านกับสำนักของข้าได้หรอก และข้าสามารถบอกความคิดของข้าให้ท่านทราบได้เลยว่าตัวข้านั้นไม่มีเจตนาที่เป็นศัตรูของท่านแน่นอน”
เมื่อพูดจบนางหันหลังและจากไปทันที
หลิงยู่ชานและหมิงจู้ที่นั่งอยู่ด้านข้าง พวกเขาสองคนต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงและหันไปมองแผ่นหลังของหลี่จือหลิงที่หายลับไป
ในขณะเดียวกันหลังจากหลี่จือหลิงจากไป หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าเลือดในหม้อได้ที่แล้ว เขาจึงยกหม้อขึ้นและเรียกหลิงยู่ชานกับหมิงจู้ให้เดินตามเขาไปยังเรือนของหลิงยู่ชาน
เมื่อถึงเรือนของหลิงยู่ชานแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงวางหม้อต้มเลือดลงบนกลางลาน และสั่งขึ้นทันที “อ้าปาก!”
หลิงยู่ชานพยักหน้าและอ้าปากทันทีอย่างรู้งาน จากนั้นหลิงตู้ฉิงสะบัดนิ้วส่งพลังวิญญาณของเขาแบ่งเลือดที่อยู่ในหม้อที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงสลับทองออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งยังคงคาอยู่ในหม้อส่วนอีกครึ่งหนึ่งเขาส่งให้ลอยเข้าไปในปากของหลิงยู่ชาน
ในตอนแรกหลิงยู่ชานเตรียมใจไว้แล้วว่าวันนี้เขาจะต้องทุกข์ทรมานแน่นอน แต่เมื่อเลือดครึ่งแรกที่ถูกส่งมาไหลเข้าไปในคอของเขา เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เลย
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทันที
เมื่อเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ร่างกายของหลิงยู่ชานกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาจู่ ๆ ก็ขยายขนาดขึ้นถึง 3-4 เท่า เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดจากการขยายของขนาดตัว และผิวหนังของเขาเองก็เริ่มฉีกขาดแล้วเช่นกัน ความเจ็บปวดของเขารอบนี้มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้อย่างสุดกู่ จนเขาไม่แม้กระทั่งจะสามารถร้องโหยหวนได้และหมดสติลงทันที
“ยู่ชาน!” หมิงจู้ตะโกนขึ้น พร้อมกับมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง นางไม่เข้าใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
หลิงตู้ฉิงมองมาที่นางและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ยังเหลือเลือดที่อยู่ในหม้ออีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งมันจะต้องราดไปบนร่างกายของเขา เจ้าจะทำให้เขาเองหรือจะให้ข้าทำต่อ?”
“ท่านลุงเกิดอะไรขึ้นกับยู่ชาน?” หมิงจู้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เฮ้อ งั้นข้าทำเอง”
พูดจบหลิงตู้ฉิงจึงค่อย ๆ ราดเลือดเดือด ๆ สีแดงสลับทองลงบนหลิงยู่ชานอย่างระมัดระวัง