บทที่ 282 จะต้องทำให้ทุกคนได้ร

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“ช่างเถอะๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กลับ อพาร์ทเมนต์ฉันเถอะ” เอื้อมมือ เธอจับซาราง อีกมือหนึ่งลากกระเป๋า

เชอร์รีนเดินอยู่ข้างหลัง บนมุมถนนมืดๆ โคมไฟบนถนนสองเส้นส่องสว่าง แต่กลับไม่มีแสงใดสามารถส่องเข้ามาในใจของเธอได้

ทันใดนั้นก็นึกถึงอะไรบางอย่าง เธอดึงนาโนไว้ “อพาร์ทเมนต์เธอ ฉันไม่ไปแล้ว”

“เธอไม่ไป อพาร์ทเมนต์ฉัน แล้วเธอจะไปไหน?”

“มีหอพักโรงแรมเยอะแยะ” ไปไหนก็ได้สักที่ ที่หาให้เธอกับซารางอยู่ได้

“อพาร์ทเมนต์ของฉันว่างอยู่ เธอไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนฉันกับดนัยหรอก ถ้าเธอกล้าไปที่หอพักโรงแรมนะ ดูสิว่าฉันจะไม่ตัดความสัมพันธ์กับเธอ!”

พอได้ยินว่าไม่ได้รบกวนเธอกับดนัย เชอร์รีนก็สบายใจ ตลอดทั้งทาง เธอแทบจะไม่พูด นิ่งเงียบกริบ

สภาพแวดล้อมของ อพาร์ทเมนต์ดีมาก ข้อเสียหนึ่งเดียวเลยคือความสกปรก……

สกปรกมาก……

ฝุ่น ผ้าคลุมโซฟา ทำให้คนแทบไม่อยากมอง……

นาโนกระแอมเบาๆ สองที ชุดกระโปรงยาวที่สวมอยู่เอนกายลงบนโซฟา ใบหน้าสวยไร้ความเขินอาย แล้วพูดอย่างธรรมชาติ “ฉันคุ้นชินกับคำว่าข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรงมาตลอด อย่ามองฉันแค่ความงามจากข้างนอกของฉันเลย จริงๆ แล้วข้างในฉันก็เน่าเสียนะ เพราะฉะนั้นฉันเลยต้องรบกวนเธอสองคนมาจัดการที่นี่ให้ฉันหน่อยแล้วล่ะ”

ซารางหันร่างเล็กๆ ดูรอบๆ อพาร์ทเมนต์สองสามครั้ง “คุณน้านาโน คุณน้าอยู่เล้าหมูเหรอคะ?”

ผมดำสามเส้นร่วงมาบนหน้าผาก นาโนบีบเข้าที่ใบหน้าเล็กๆ “หนูรู้เหรอคะว่าเล้าหมูคืออะไร?ห้องคุณน้านาโนของหนูเนี่ยสะอาดกว่าอพาร์ทเมนต์คนอื่นเยอะแล้วนะคะ นี่เขาเรียกว่าศิลปะ!”

เชอร์รีนอยากเป็นอัมพาตจริงๆ ใช้ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทำให้ความเจ็บปวดทางจิตใจกลายเป็นอัมพาต ไม่พูดอะไร เธอหยิบกะละมังน้ำ เริ่มทำความสะอาด

“เร็วเข้า ช่วยคุณแม่ทำงานเร็ว” เธอตบเบาๆ เข้าที่ก้นของซาราง

ซารางลงมือจัดการอย่างเชื่อฟัง มองไปที่ท่าทางของสองแม่ลูก นาโนรู้สึกเศร้า

ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ก้มหน้าลง นาโนเห็นปลายสาย จึงออกไปจากทั้งคู่ เดินไปยังระเบียง แล้วรับสาย

“พาพวกเธอไปที่นั่นหรือยัง?” เสียงเข้ม แต่คุ้นชิน เสียงของออกัส

“พามาแล้ว แต่จะว่าไป ในเมื่อประธานออกัสซื้ออพาร์ทเมนต์หรูขนาดนี้แล้วทำไมไม่ให้คนมาทำความสะอาดสักหน่อยล่ะ สกปรกจนซารางขำว่าฉันอยู่เล้าหมู”

อีกฝั่งหายใจอย่างสบายใจ โล่งๆ สักพักออกัส พูด “ให้เธอยุ่งหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาคิดเรื่องไร้สาระ”

อพาร์ทเมนต์นั้น เขาตั้งใจหาที่สกปรกๆ บางครั้งการออกแรงก็เป็นวิธีระบายอารมณ์อย่างหนึ่ง แล้วยังเบี่ยงเบนความสนใจได้ จะได้ไม่คิดเรื่อยเปื่อย……

“บนใบรับรองอพาร์ทเมนต์ที่เขียนอยู่เป็นชื่อฉัน ประธานออกัสเต็มใจมอบอพาร์ทเมนต์ระดับไฮเอนด์ขนาดนี้ให้ฉันจริงๆ เหรอ?” นาโนมองที่ปลายนิ้ว

“อืม……” ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ เขาไม่เคยเต็มใจหรือไม่เต็มใจ

“เธอก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน ฉันจะไม่เอาผลประโยชน์จากความอันตรายของคนหรอกนะ วางล่ะ”

ในทันที ออกัสก็พูดขึ้นอีก “ฉันไม่ไว้ใจเธอ คืนนี้เธอนอนเป็นเพื่อนสักคืนหน่อยแล้วกัน รบกวนล่ะ”

นาโนไม่รู้เลยว่าประธานออกัสจะมีช่วงเวลาสุภาพอย่างนี้ด้วย เธอตอบตกลงทันที เธอเองก็วางใจเชอร์รีนที่อยู่ในสภาพแบบนี้

“ขอบคุณ” หลังจากขอบคุณ ออกัสก็วางสาย

ตลอดทั้งคืน เชอร์รีนไม่ได้นอนเลย เธอขัดอพาร์ทเมนต์ไปมา ราวกับไม่รู้สึกเหนื่อย

ซารางถูกนาโนกล่อมให้หลับไปเป็นที่เรียบร้อย เธอนั่งลงบนโซฟา มองไปที่เพื่อนรักที่ทำความสะอาดห้องอยู่ราวกับคนคลั่งความสะอาด

เธอไม่ส่งเสียง และก็ไม่พูดอะไร มีแต่เสียงหายใจ ที่ออกมาจากปากของเชอร์รีนที่ทรุดลงกับพื้นอย่างเหนื่อย จึงหยุดพัก

ออกแรงจนสุดแรง นาโนถึงจะพาเธอมาถึงเตียงได้ หลังจากห่มผ้าให้เธอเสร็จ ในที่สุดก็โล่งใจ ในที่สุดเธอก็หลับไป

เนื่องจากไม่สามารถไว้ใจเธอได้จริงๆ นาโนจึงโทรหาดนัย ว่าช่วงนี้จะอยู่เป็นเพื่อนเชอร์รีน

ดูเธอบ้าคลั่ง ดูเธอทรมานตัวเองอย่างกับไม่ใช่คน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเหยียบลงบนผ้าขี้ริ้วของเชอร์รีน “พอได้แล้ว!”

เชอร์รีนไม่พูดอะไร ซักผ้าปูที่นอนต่อ นาโนยกอ่างน้ำขึ้นแล้วสาดเข้าที่หน้าของเธอ

“เธอเองก็ควรมีสติหน่อยนะ สูญเสียคนที่รักไปใครก็เสียใจ ปวดร้าว เศร้ากันทั้งนั้นแหละ แต่เธอก็ต้องรู้จักที่พอในจุดที่สมควรที่จะหยุด เธอยังมีเหตุผลที่ต้องอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเสียใจตามเขาไป เศร้าแค่พอเหมาะพอควร แต่ถ้ามากไป เขาเรียกน่าสมเพช!”

หยดน้ำไหลผ่านแก้มลงมา มือของเธอกุมเข้าที่เสื้อตรงหน้าอก เสียงแหบพูด “แต่ฉันเป็นคนร้าย ฉันคือคนร้ายที่ฆ่าเขา!”

“ไม่มีใครจงใจฆ่าคนที่เรารักหรอกนะ โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อ แต่โลกนี้มันมีบางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอแน่ใจเหรอว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงแบบนี้ต่อไป?แล้วซารางล่ะ?เธอจะไม่สนใจเธอแล้วเหรอ?ถ้าเกิดว่ามันสร้างเงาในใจเธอขึ้นมาล่ะ?”

นาโนพูดตรงเข้าประเด็น “ดังนั้นพอเถอะ ชีวิตต้องเดินต่อ คิดซะว่าเพื่อซาราง เธอเองก็เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะ!”

“นาโน พ่อฉันตายแล้ว ลูกฉันก็ตายแล้ว……” เธอร้องไห้ บีบกุมเข้าที่คอแล้วร้องไห้ ร้องไห้เจียนขาดใจ ปวดร้าวใจสลาย ร้องไห้ด้วยความเสียใจ หมดหนทางทำอะไรไม่ถูก

“ฉันรู้ ฉันรู้ทุกอย่าง” เธอกอดเธอ เอื้อมมือตบเบาๆที่หลัง “แต่เธอยังมีซาราง ยังมีคุณป้านันท์ เธอยังต้องอยู่ต่อเพื่อพวกเขา”

เธอร้องไห้เป็นเวลานา จนแทบไม่เหลือน้ำตาให้ร้อง ก่อนจะหยุดลง

ถ้าทำได้ เธอจะยอมตายแทนพ่อ ขอเพียงแค่ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เธอจะยอมทำทุกอย่าง!

หลังปลดปล่อยอารมณ์ออกมาสองสามวัน เธอก็ร้องไห้ยกใหญ่อีกครั้ง อารมณ์ของเธอดีขึ้น และค่อยๆ นิ่งสงบลง

ตามอย่างที่นาโนพูด เธอเป็นแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ เธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป……

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว เธอกลับเถอะ อยู่เป็นเพื่อนฉันมาสองสามวันแล้ว ดนัยคงไม่พอใจแล้วนะ” เธอเช็ดดวงตาบวมแดง

นาโนตบเข้าที่หลังของเธออีกครั้ง พยักหน้า สองวันมานี้เธอเห็นรถเบนท์ลีย์จอดอยู่ชั้นล่างตึก เธอคิดว่า น่าจะเป็นของออกัส……

รถจอดอยู่ค้างคืน เธอสังเกตเห็น ว่าพอช่วงใกล้ฟ้าสว่าง รถก็จะขับออกไป……

หลังจากซารางไปโรงเรียน นาโนก็กลับไปแล้ว เชอร์รีนจึงไปที่ห้องน้ำ เธอล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟัน ทำความสะอาดตัวเองตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก

หลังจากนั้น ก็หยิบรูปของจักรกฤษขึ้นมาดู น้ำตาร่วงลงบนกรอบรูป ไหลลง กระจายตัวเป็นรัศมี

มือลูบคลำลงเบาๆ บนใบหน้าของจักรกฤษ เธอกอดเข้ากลางอก รู้สึกถึงความอบอุ่น เธอเย็นชาเกินไป อยากให้หัวใจอุ่นขึ้นมาหน่อย

เธอหวังอย่างมากว่าเขาจะตะโกนเรียกเธออีก แต่เธอก็รู้ ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว!

จากนั้นเธอก็ไปที่สถานีตำรวจ แจ้งความ ลงบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับสิงหา

แต่ตำรวจบอกกับเธอว่า ต้องรวบรวมหลักฐานเสียก่อน หลังจากนั้นจึงจะตรวจสอบยืนยันหลักฐาน จึงจะเร่งหาคำตอบให้เธอได้

รวบรวมหลักฐาน ตรวจสอบยืนยันหลักฐาน เธอนี่และพยาน แล้วก็เป็นผู้เสียหาย ตกลงพวกพูดแบบผ่านๆ หรือว่ากำลังพูดจริง?

ถึงยังไงด้วยสถานะและตำแหน่งของตระกูลสิริไพบูรณ์แขวนอยู่ เชอร์รีนไม่เชื่อในตำรวจ เธอจะต้องได้คำตอบโดยเร็วที่สุด จะต้องได้รับบทลงโทษให้เร็วที่สุด

ไม่สามารถพึ่งพาตำรวจได้ เธอมีทางของเธอเอง เธอจะโพสต์เรื่องราวนั้นลงบนอินเทอร์เน็ต พร้อมกับหาทนาย เอาสิงหาขึ้นศาล

เธอจะไม่ยอมให้พ่อ และลูกตายเปล่า ต้องมีคนชดใช้ให้สองชีวิตนี้!

ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตระกูลสิริไพบูรณ์ในเมือง S นั้นมีอยู่มาก ผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวก็จะส่งผลมากเช่นเดีวกัน โพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน จำนวนยอดชมก็ทะลุหลักแสน เรื่องราวของสิงหาไม่มีใครในเมือง S ที่ไม่รู้