ตอนที่ 318 ฝันแล้ว / ตอนที่ 319 เริ่มปฏิบัติการ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 318 ฝันแล้ว

 

 

           เขาหยิบยาที่วางอยู่ข้างๆ มาทาอีกครั้ง

 

 

           บาดแผลเริ่มจะสมานกันแล้ว คงจะไม่ค่อยกระทบปฏิบัติการของเขาได้

 

 

           ตอนนี้แค่รอให้ไข้ลดลง

 

 

           เจียงมู่เฉินขดตัวอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง พยายามทำให้ตัวเองรีบนอนหลับลงได้ เขาหลับตาลงไม่ไหวติง

 

 

           ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินที่มุมผนังจู่ๆ ก็ขยับตัวขึ้นมา

 

 

           ราวกับเขาฝันร้ายอยู่อย่างไรอย่างนั้น เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

 

 

           เจียงมู่เฉินกำมือแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เอ่ยพึมพำเสียงต่ำ “อย่า…อย่า…”

 

 

           เสียงหายใจหอบอย่างรุนแรงในห้องมืดมิดค่อยๆ ดังขึ้นทีละนิดๆ

 

 

           ห้องสีดำเล็กๆ เต็มไปด้วยเสียงหวาดกลัวราวกับไม่เคยมีมาก่อน

 

 

           เจียงมู่เฉินพึมพำกับตัวเอง “ไม่ช้าก็เร็วสักวัน ฉันรับรอง…จะฆ่านาย…”

 

 

           เจียงมู่เฉินกำลังฝันถึงเรื่องๆ หนึ่ง ในฝันเขาถูกกักตัวอยู่ในห้องนอน มือเท้าถูกล่ามโซ่เอาไว้ทั้งหมด

 

 

           เขาอยู่ได้เพียงในบ้านหลังนี้ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น

 

 

           เขาสิ้นหวัง เขาหมดกำลังใจ

 

 

           ราวกับมีคนมาทำลายความเข้มแข็งทรหดของเขาลงทีละนิดๆ

 

 

           ประตูถูกเปิดออกกะทันหัน มีคนเดินเข้ามา คนคนนั้นยืนอยู่หน้าประตูเชิดสายตามองเขา

 

 

           “เจียงมู่เฉิน นายอย่าฝืนต่อไปเลย นายกล้าเข้ามาได้ตั้งแต่ตอนแรก ก็ควรจะคาดเดาถึงวันนี้ด้วย”

 

 

           เจียงมู่เฉินที่มุมผนังหลับตากำมือแน่นอย่างทำอะไรไม่ได้ แพรขนตาสั่นไหวอย่างไม่เป็นสุข

 

 

           “คนที่ตกอยู่ในกำมือของฉัน ไม่ตายก็ยอมมอบตัวให้ฉัน นายถูกกับรสนิยมของฉันขนาดนี้ ฉันไม่อยากให้นายตาย” คนคนนั้นหัวเราะเบาๆ “นายยอมมอบตัวให้ฉันดีกว่าไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินผู้หลับใหลอยู่ในห้วงความฝันได้ยินเสียงของตัวเอง เขากึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่หน้าหน้าต่าง เอ่ยอย่างไม่จองหองไม่เจียมตัว “นายไม่ต้องเสียแรงคิด ฉันไม่มีทางมอบตัวให้นาย”

 

 

           คนคนนั้นโอดครวญสองเสียงด้วยความรู้สึกเสียดาย “น่าเสียดายจริงๆ ฉันชอบนายมากมายจริงๆ”

 

 

           “นายอย่าตกอยู่ในกำมือของฉันจะดีที่สุด ถ้ามีสักวันนายตกอยู่ในกำมือของฉัน ฉันจะฆ่านายแน่”

 

 

           คนคนนั้นหัวเราะเบาๆ “ฉันกลับอยากเห็นถึงวันนี้ เพียงแต่น่าเสีย เกรงว่าฉันจะรอไม่ถึงวันนี้แล้ว”

 

 

           “ไม่ช้าก็เร็วสักวัน ฉันรับรองจะฆ่านายแน่”

 

 

           จู่ๆ คนคนนั้นก็เดินจากประตูเข้ามา เขาไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป เจียงมู่เฉินเห็นเพียงแค่ตัวเองที่กลางห้องร่วงหล่นลงสู่อ้อมอกของคนคนนั้นในทันใด

 

 

           ต่อมาก็สูญเสียการรับรู้ไป

 

 

           เจียงมู่เฉินตกใจจนลืมตาขึ้นมา ความมืดมิดในห้องสีดำเล็กๆ เจียงมู่เฉินมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง

 

 

           เหงื่อเขาท่วมเต็มหัว ในใจเหมือนว่างเปล่า มีความรู้สึกหวาดกลัวบางอย่างอย่างพูดไม่ออก

 

 

           เจียงมู่เฉินกดเข้าที่ดวงตา เมื่อครู่เหมือนว่าเขาจะฝันไป

 

 

           ในฝันมีตัวเขาเอง ยังมีอีกคนหนึ่ง แต่คนคนนั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร ก็มองได้ไม่ชัดสักที

 

 

           เจียงมู่เฉินเคลือบแคลงใจ อดจะหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในฝันเมื่อครู่นี้ไม่ได้

 

 

           เขารู้สึกว่าทุกอย่างนั้นไม่เหมือนความฝัน แต่เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           แต่ในความทรงจำของเขา ไม่มีความทรงจำพวกนี้อยู่

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว หรือว่านี่มันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาสูญเสียความทรงจำเมื่อห้าปีก่อน

 

 

           ‘ความทรงจำส่วนนั้นที่เขาขาดหายไปตกลงแล้วมีอะไรกันแน่ ก่อนที่เขาจะสูญเสียความทรงจำไปตกลงแล้วเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกันแน่’

 

 

           ‘ทำไมตัวเองถึงฝันแบบนี้ได้อีก’

 

 

           ‘แล้วยังมีสองครั้งก่อนที่เกิดอุบัติเหตุกะทันหัน…’

 

 

           เจียงมู่เฉินอาการเปลี่ยนไป เขาปวดหัวมาก ราวกับมีคนถือของแหลมคมทิ่มแทงอยู่ข้างในไม่มีผิด

 

 

           เขากุมหัว พยายามคิดนึกย้อนกลับไป

 

 

           แต่เขาก็คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง นอกจากเจ็บปวดแล้วก็ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

 

 

           เจียงมู่เฉินหลับตาพยายามปรับลมหายใจ อยากให้ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานบรรเทาลงได้เล็กน้อยบ้าง ดีขึ้นสักหน่อยบ้าง

 

 

           บางทีการปลอบโยนตัวเองก็มีผลที่ดีบ้างแล้ว ความเจ็บปวดในหัวค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ

 

 

 

 

ตอนที่ 319 เริ่มปฏิบัติการ

 

 

           หลังจากที่ตกใจตื่นจากความฝัน เจียงมู่เฉินก็นอนไม่หลับอีกครั้งแล้ว เขาเบิกตานั่งพิงอยู่ตรงนั้นมองดูหน้าต่างบานแคบๆ

 

 

           ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สีท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นอย่างช้าๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมือขึ้นมาลูบหน้าผาก อุณหภูมิร้อนผ่าวบนหัวค่อยๆ สลายลงไปในที่สุด

 

 

           เขาผ่อนลมหายใจเล็กน้อย ในที่สุดไข้ก็ลดลงไปประมาณหนึ่งแล้ว

 

 

           ……

 

 

           ซังจิ่ง ท่านเชน และซือเหยี่ยนเริ่มเข้าสู่สภาวะตึงเครียดกันตั้งแต่เช้า ตรวจสอบแผนกำหนดการเดิมอีกครั้งหนึ่ง

 

 

           มั่นใจรับประกันว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเป็นที่เรียบร้อย

 

 

           ซูเตอร์ไม่รู้ว่าซือเหยี่ยนได้เตรียมการทุกอย่างนี้ไว้ เขาไปหาซือเหยี่ยนเหมือนปกติ

 

 

           ซือเหยี่ยนเพิ่งจะออกมาจากห้องหนังสือ พอเห็นซูเตอร์ก็เอ่ยขึ้นทันที “คุณมาพอดีเลย ไปชิ่งหลงกับผมที”

 

 

           “ทำไมจู่ๆ ต้องไปชิ่งหลง ทางนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

           ซูเตอร์ยังจำได้ สถานที่จัดการประชุมของพวกเจียงมู่เฉินอยู่ที่ชิ่งหลง ถ้าซือเหยี่ยนเข้าไปแล้วรู้อะไรมา แบบนั้นก็จัดการยากแล้ว

 

 

           “มีเรื่องเกิดขึ้นด่วน ต้องไปจัดการ” ซือเหยี่ยนเห็นใบหน้าคัดค้านของเขา ก็เอ่ยเสียงต่ำ “ถ้าคุณไม่สะดวก ผมจะไปเองแล้วกัน”

 

 

           เมื่อซูเตอร์ได้ยินก็รีบเดินนำหน้าไปสองก้าว “ไม่เป็นไรๆ ฉันจะไปด้วยกันกับนายนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “งั้นก็ไปตอนนี้กันเถอะ”

 

 

           ทั้งสองคนเตรียมตัวสักพัก ซือเหยี่ยนเองก็ไปรายงานกับเรย์มอนด้วย เวลานี้ถึงได้ออกไปด้วยกัน

 

 

           ระหว่างทางซูเตอร์มองซือเหยี่ยนด้วยความตื่นตระหนก

 

 

           ซือเหยี่ยนเก็บความกระวนกระวายในใจของเขาไว้ในแววตา ในใจเขารู้ถึงสาเหตุที่ซูเตอร์ตื่นตระหนกอย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลัวเขาจะจับได้ถึงเรื่องที่ซูเตอร์จับเจียงมู่เฉินมา

 

 

           และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเวลานี้เขาถึงเสนอให้ต้องไปที่ชิ่งหลง

 

 

           ถือโอกาสยามที่ซูเตอร์กระวนกระวายใจ และไม่มีอารมณ์จะไปคิดถึงเจียงมู่เฉิน

 

 

           พาซูเตอร์ให้พ้นทางก่อน จะได้ให้ซังจิ่งและทีมของท่านเชนปฏิบัติการได้ แล้วเขาจะพาซูเตอร์กลับไปในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

 

 

           ถึงตอนนั้นเขาจะออกหน้าใช้กำลังยับยั้ง จากนั้นให้ท่านเชนใช้โอกาสนี้ก่อจลาจลทำร้ายเขา

 

 

           พาเจียงมู่เฉินออกไป

 

 

           แผนการของเขาไร้ช่องโหว่ ทั้งยังปกป้องเจียงมู่เฉินไว้รอบด้านได้ ทั้งยังไม่สงสัยมาถึงตัวเขาได้

 

 

           ขณะที่ซูเตอร์มองมาอีกครั้ง ซือเหยี่ยนก็เอียงหน้ามองเขา “อะไรเหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

 

 

           ซูเตอร์ลนลาน รีบส่ายหัวทันที “ไม่มีอะไรๆ ฉันก็แค่มองดูนายสักหน่อย”

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่สนใจ “ผมยังคิดว่าคุณกังวลว่าผมไปชิ่งหลงแล้วจะเจอเจียงมู่เฉินซะอีก”

 

 

           ซูเตอร์ตื่นตกใจ บังเอิญโดนเขาถามด้วยประโยคนี้ ทำเอาหัวใจบีบคั้น เขากำมือแน่นแกล้งทำเป็นไม่มีอะไร แล้วตอบกลับไป “จะเป็นไปได้ยังไง ฉันใจแคบขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ไม่เป็นแบบนั้นจะดีที่สุด”

 

 

           เขาพูดจบก็เก็บสายตาแล้วขับรถต่อไป

 

 

           ซูเตอร์ใจแป้ว ไม่กล้ามองซือเหยี่ยนอีก ทำได้เพียงนั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งข้างคนขับ ไม่กล้าพูดอะไร

 

 

           ……

 

 

           เวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง ซังจิ่งพาคนมาถึงที่หน้าประตูแก๊งมังกรคราม

 

 

           เขาให้คนรออยู่ระแวกใกล้ๆ เตรียมการรอจนถึงเวลาเที่ยงตรงค่อยปฏิบัติการ ไม่ไกลนักทีมของท่านเชนก็มาถึงแล้วเช่นกัน

 

 

           เขามองดูที่หน้าประตู ตามแผนแล้ว รอจนกว่าทีมของซังจิ่งปฏิบัติการ หลังจากนั้นก็ลงมือตามสถานการณ์

 

 

           ซังจิ่งรอนานอย่างร้อนใจมาก เขาไม่เคยรู้สึกว่าครึ่งชั่วโมงช่างยาวนานขนาดนี้มาก่อน

 

 

           ในที่สุดเมื่อใกล้จะถึงเวลาเที่ยงตรง เป็นอย่างที่คิดมีคนอยู่บางส่วนแยกตัวออกไป

 

 

           ซังจิ่งรออีกไม่กี่นาที หลังจากรอพวกเขาพากันออกไปแล้ว เขาถึงได้เดินอย่างทะนงองอาจเข้าไป

 

 

           คนที่ประตูเมื่อเห็นซังจิ่งพาคนจำนวนหนึ่งเข้ามา ก็รีบรวมตัวกันประตูเอาไว้ “พวกนายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”

 

 

           “ฉันมาหาซูเตอร์” ซังจิ่งเอ่ยตรงประเด็น ไม่อ้อมคอม

 

 

           ไม่กี่คนสบตากันแวบหนึ่ง “คุณชายน้อยไม่อยู่”