ตอนที่ 631 ตัวปลอม
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฟางหลิงซู่ที่ช่วยจัดการให้
“อืม ข้าหลับไปนานถึงป่านนี้เชียวหรือ”
“วันนี้ทัวป๋าถิงฟางจัดงานเลี้ยงที่จวนอ๋องมู่ นางเชิญนายท่านและคุณชายซูโจวไปด้วยเจ้าค่ะ” เยว่หยารู้ว่าอันหลิงเกอมิอยากหมกมุ่นอยู่กับเรื่องแก่งแย่งของคนในจวนอ๋องมู่จึงมิได้ปลุกนางตั้งแต่เช้า
ตอนนี้เห็นว่าอันหลิงเกอพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้วจึงแจ้งให้ทราบซึ่งเยว่หยาถือว่าเป็นสาวใช้ที่อันหลิงเกอพอใจมิน้อย
“ทัวป๋าถิงฟางหรือ ? เฮอะ” อันหลิงเกอหัวเราะเยาะออกมา ทัวป๋าถิงฟางคงมีแผนการอีกแล้วกระมัง มองแล้วหากนางมิตาย ทัวป๋าถิงฟางก็คงมิยอมเลิกรา เช่นนี้ก็ไปพบหน่อยแล้วกัน
วันนี้ทัวป๋าถิงฟางได้จัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อนางโดยเฉพาะ หากนางมิไปก็อาจกลายเป็นที่ครหาได้ แต่หากนางไปย่อมมีกับดักรออยู่เป็นแน่
ทัวป๋าถิงฟางเอ๋ยทัวป๋าถิงฟาง หวังว่าครั้งนี้เจ้าคงไม่หาเรื่องใส่ตัวอีก
ทว่าการที่ทัวป๋าถิงฟางจะจัดการซูฉางเฟิงคงเพราะกังวลว่าเขาจักพูดเรื่องเกี่ยวกับ ‘อันหลิงเกอ’ เฮอะ คงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาก็คืออันหลิงเกอผู้นั้นเอง !
หลังเตรียมตัวมินาน อันหลิงเกอก็เดินทางไปที่เรือนของทัวป๋าถิงฟาง เมื่อไปถึงด้านในก็ได้พบผู้คนที่มาร่วมงานมากหน้าหลายตา ดูท่าแล้วทัวป๋าถิงฟางคงอยากสร้างเรื่องใหญ่แน่
“คารวะท่านที่ปรึกษาขอรับ” องครักษ์ที่หน้าประตูทำความเคารพ
“ท่านที่ปรึกษา มา มานั่งข้างท่านอ๋องตรงนี้สิเจ้าคะ” ทัวป๋าถิงฟางเห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามาก็ยิ้มกว้างพลางเรียกเข้าไปราวกับเป็นนายหญิงก็มิปาน
ทัวป๋าถิงฟางทำทีเหมือนว่าเป็นนายหญิงของจวนอ๋องมู่
“ซูฉางเฟิง วันนี้ท่านมาสาย” มู่จวินฮานมิได้มีท่าทีสงสัยนางแม้แต่น้อย เขาเพียงแสร้งทำเป็นขัดเคืองก่อนกล่าวออกมายิ้ม ๆ
“ขออภัยที่ทำให้ท่านอ๋องและเช่อเฟยต้องรอนาน” อันหลิงเกอก็แสร้งลุกขึ้นคำนับเพื่อเป็นการขออภัย
“เกรงใจเกินไปแล้ว”
“ท่านที่ปรึกษากล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ท่านมาเยือนเมืองจิง พวกเราต้องต้อนรับท่านเป็นอย่างดีอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางเอ่ยออกมา
มู่จวินฮานเผยสีหน้ามิพอใจที่นางพูดมากความทันที
“โชคดีที่ครั้งนี้ได้พี่ซูโจวคอยนำทางให้” ทันทีที่อันหลิงเกอเอ่ยออกมา คนอื่นต่างก็เงียบลงทันที
“จริงสิ ข้าลืมไปเลย ตอนนี้ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านอ๋องน้อยแล้ว ภายในจวนจักขาดคนได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ” กล่าวจบ ทัวป๋าถิงฟางก็ยกมือขึ้นเพื่อเรียกคนเข้ามา
เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน แต่ละคนล้วนงดงามอ่อนช้อย ใบหน้าพริ้มเพรามิน้อย กล่าวได้ว่ามีแต่สาวงามทั้งนั้น จุดนี้ทัวป๋าถิงฟางถือว่าทำได้ดี
“นี่คือ ? ” อันหลิงเกอแสร้งมิเข้าใจ
“ท่านอ๋องซู บัดนี้ฮ่องเต้พระราชทานจวนให้ท่านแล้วก็ควรมีสาวงามเพื่อเพิ่มความคึกคักให้แก่จวนบ้างเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางกล่าวไปพลางหัวเราะไปด้วย
ดูท่าแล้วคงอยากส่งสายสืบเข้ามาในจวนของนางกระมัง
“ขอบคุณเช่อเฟย เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้แล้วกัน” ทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าของทัวป๋าถิงฟางก็กว้างขึ้นอีก
หลังงานเลี้ยงวันนั้นจบลง อันหลิงเกอก็ได้อยู่ในเมืองหลวงต่อ
และยังคงอาศัยฐานะของซูฉางเฟิงเพื่ออยู่ข้างซูโจวต่อไป ส่วนซูโจวถูกมู่จวินฮานเรียกไปเพื่อรักษาดวงตาให้แก่เฝิงเยว่เอ๋อ
ทว่ามีหลายคนที่มิชอบหน้าซูฉางเฟิงเท่าไรนัก เพราะกลัวเขาจักเอ่ยถึงเรื่องของอันหลิงเกอขึ้นมา
สำหรับซูโจวนั้น ทุกคนเชื่อว่าเขาไม่มีทางเอ่ยอย่างแน่นอน หากซูโจวมิอยากให้มู่จวินฮานเป็นอันใดไปก็ห้ามขัดคำสั่งของมู่เหล่าหวางเฟย ส่วนอันหลิงเกอก็ปล่อยให้หายตัวไปที่ชายแดนก็ดีแล้ว
การปลอมตัวของอันหลิงเกอครั้งนี้โชคดีที่ได้ซูโจวช่วยไว้ หากมิใช่เพราะเขาก็คงไร้วิธีปลอมแปลงตัวตนได้แนบเนียนเพียงนี้
“ท่านอ๋องมู่มาเยือนขอรับ”
มู่จวินฮานหรือ ? อันหลิงเกอมิคิดว่ามู่จวินฮานจักมาหาตนถึงนี่
แต่ก็มิรู้ว่าเขามาหานางหรือว่ามาหาซูโจวกันแน่ ตอนนี้หากหลบก็คงมิทันเสียแล้ว ที่ผ่านมานางไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเพราะเขาจดจำนางมิได้และเป็นเพราะมู่เหล่าหวางเฟยด้วย
ในเมื่อมู่เหล่าหวางเฟยต้องการเอาชีวิตนาง ดังนั้นก่อนที่นางจักแข็งแกร่งมากพอจึงมิอาจเปิดเผยตัวตนให้ผู้ใดรู้โดยง่าย
“คารวะท่านอ๋องมู่”
อันหลิงเกอพยายามดัดเสียงให้แหบเล็กน้อย มู่จวินฮานจึงมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด อีกทั้งใบหน้าของคนผู้นี้เขาก็มิได้คุ้นเคยเลย
“มิต้องมากพิธี”
มู่จวินฮานนั่งลง อันหลิงเกอมองออกว่าครั้งนี้เขาคงตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะ ทว่าด้วยเหตุผลอันใดหรือ ?
ตอนนี้มิได้มีศึกสงครามจึงยังไม่ถึงเวลาใช้งานนาง
“ที่ข้ามาเพราะมีเรื่องต้องการให้ท่านช่วยเหลือ”
หืม ? อันหลิงเกอตกตะลึงเล็กน้อย ภายในสมองของนางมีความคิดผุดขึ้นมามากมาย
แต่มิได้มั่นใจสักเรื่องเดียว
ตอนนี้นางก็มิได้เข้าใจสถานการณ์ในวังหลวงจึงมิรู้ว่าตอนนี้มู่จวินฮานมาหาด้วยเรื่องใดแน่
“เชิญท่านอ๋องมู่กล่าวได้เลย”
อันหลิงเกอมิคุ้นชินกับการพูดอย่างเป็นทางการกับเขาแม้แต่น้อย ทว่าอย่างไรก็ต้องทำ
“หมอหญิงที่ชื่อว่าอันหลิงเกอ คิดว่าท่านคงเคยได้ยินชื่อมาบ้าง” อันหลิงเกอใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีแต่เมื่อเห็นท่าทางของมู่จวินฮานที่ดูไม่เหมือนว่ากำลังคิดถึงนางแล้วนั้นจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้
“เคยได้ยินมาบ้าง” อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นและพยายามมองมู่จวินฮานอย่างต้องการค้นหาแต่มิได้พบสิ่งใดเลย
“สตรีที่ช่วยชีวิตข้าคนนั้นได้ซูโจวช่วยเหลือจนสุดความสามารถแล้ว ทว่าก็มิอาจรักษาได้ ตอนนี้คงทำได้เพียงตามหาอันหลิงเกอเสียแล้ว”
อันหลิงเกอได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง อาการของเฝิงเยว่เอ๋อนั้นซูโจวเคยเล่าให้ฟังว่าถูกพิษของหอพิษกู่ แต่ได้ยินว่าคนที่มู่จวินฮานส่งไปหอพิษกู่ก็ถูกสกัดมิให้เข้าไปได้
ดูท่าแล้วฟางหลิงซู่คงมิอยากไว้หน้าเขาอีก
“มิทราบว่าอันหลิงเกอผู้นั้นทำผิดอันใดจึงได้หลบหนีท่านอ๋องไป ? ”
อันหลิงเกอเอ่ยถามขึ้นมา ก่อนจะรู้สึกตัวจึงรีบกล่าวเสริมว่า “ท่านอ๋องอย่าเข้าใจผิด ข้าอยู่เผ่าปิงชวนมานานและเคยได้ยินชื่อของอันหลิงเกอมาบ้าง แต่มิคิดว่านางจักขุ่นเคืองท่านอ๋องจนถึงขั้นพยายามหลบหนีไปเช่นนี้”
“เพราะศึกครั้งหนึ่งทำให้ความทรงจำบางส่วนของข้าหายไปจนลืมเรื่องบางอย่างไปด้วย”
เรื่องเหล่านี้อันหลิงเกอก็รู้ เช่นนี้นางก็คงไม่ไปช่วยเขาโดยการเอาตัวเข้าแลกหรอก
ดูเหมือนว่ามู่จวินฮานคงจำเรื่องนี้ได้น้อยกว่านางทีเดียว
เมื่อเห็นคนที่รักอยู่ตรงหน้า อันหลิงเกอก็รู้สึกสงสารเขานักแต่ก็พูดอันใดมากมิได้
“หากท่านสามารถตามหาอันหลิงเกอเพื่อมารักษาผู้มีพระคุณของข้าได้ ข้าจักให้อภัยแด่ทุกความผิดของนางอย่างแน่นอน”
อันหลิงเกอยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแต่ก็มิได้กล่าวอันใดเกี่ยวกับตัวนางขึ้นมาอีก
“ข้าจักพยายาม”
เฝิงเยว่เอ๋อผู้นั้นช่วยชีวิตมู่จวินฮานไว้ อันหลิงเกอย่อมต้องช่วยอยู่แล้ว ทว่าฐานะของนางในตอนนี้มิอาจเปิดเผยได้
ต่อให้มู่จวินฮานบอกว่ามิเอาผิดนาง แต่มู่เหล่าหวางเฟยจักปล่อยนางไปหรือ ?
ตอนนี้นางไม่มีฐานะพระชายาคอยคุ้มครองอีกแล้ว หากเปิดเผยตัวตนขึ้นมาก็คงต้องตายเท่านั้น
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ดังนั้นก่อนที่มู่จวินฮานจดจำนางได้จริง นางจักเผยตัวตนที่แท้จริงให้ผู้ใดรู้มิได้เด็ดขาด นางต้องปกป้องชีวิตให้ดีเพื่อสามารถแก้แค้นให้ตน ให้บุตรรวมถึงให้มารดา !
มู่เหล่าหวางเฟย ครั้งนี้ข้าจักมิให้อภัยเจ้า !