ตอนที่ 632 รู้ตัวตน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 632 รู้ตัวตน

“เช่นนั้นก็ขอขอบคุณท่านมาก”

อันหลิงเกอส่ายหน้า แต่ก็มิได้มีความคิดจะรั้งมู่จวินฮานเอาไว้ หากเป็นเมื่อก่อนนางคงอยากอยู่กับเขาให้นานกว่านี้ ทว่าตอนนี้หลายอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“น้อมส่งท่านอ๋องมู่”

แท้จริงแล้วยามมองซูฉางเฟิงผู้นี้ก็ทำให้มู่จวินฮานอดรู้สึกประหลาดใจมิได้ ผู้ที่ไม่สนใจลาภยศสรรเสริญหรือคำดูถูกเช่นนี้หาได้น้อยมาก ตอนนี้พอได้อีกฝ่ายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจึงรู้สึกเสียดายความสามารถแทน

หลังมู่จวินฮานจากไปแล้ว อันหลิงเกอจึงทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง

เรื่องดวงตาของเฝิงเยว่เอ๋อนั้นซูโจวเคยเล่าให้ฟังแล้ว เกรงว่าคงมีเพียงฟางหลิงซู่เท่านั้นที่มีวิธีรักษา

นี่เป็นผลของพิษมิใช่อาการเจ็บป่วยธรรมดา ต่อให้นางตรวจชีพจรแล้วก็ต้องให้คนของหอพิษกู่มาถอนพิษให้อยู่ดี

พิษของหอพิษกู่มีมากมายหลายชนิด การถอนพิษก็อันตรายยิ่งนักเพราะต้องรู้สัดส่วนของยาถอนพิษเท่านั้นจึงจะสามารถรักษาได้

ใจของอันหลิงเกอก็อยากช่วยพวกเขา เพียงแต่ฐานะของตน…

อีกมิถึงเดือน ฟางหลิงซู่ก็จักมาเยือนเมืองหลวงแล้ว ถึงตอนนั้นอาจขอให้เขาช่วยเหลือได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็นึกถึงซูฉางเฟิงตัวจริงขึ้นมา บุรุษที่ดีกับนางทั้งยังให้ยืมตัวตนมาใช้ผู้นั้น

การที่นางใช้ตัวตนของเขาอยู่จึงทำให้เขาต้องคอยเร้นกายอยู่ในยุทธภพแทน อันหลิงเกอจึงรู้สึกละอายใจอยู่มิน้อย

บุญคุณครั้งนี้นางต้องทดแทนให้ได้

เพียงแต่ตอนนี้แม้สถานการณ์ดูสงบ ทว่าความจริงแล้วเผ่าพิษหนอนกู่ยังตามหาตัวนางมิเลิก

รุ่งขึ้น ซูฉางเฟิงตัวจริงก็เข้ามาหานาง

“พี่ซู” ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าซูฉางเฟิงตัวจริงหน้าตาเป็นเช่นไรจึงคิดว่าคนผู้นี้คือศิษย์พี่ร่วมสำนักของอันหลิงเกอนั่นเอง

“ฟางหลิงซู่ให้ข้านำสิ่งนี้มามอบแก่เจ้า”

อันหลิงเกอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่นางรู้ดีว่าหากมิใช่เรื่องใหญ่แล้วฟางหลิงซู่คงมิส่งจดหมายมาเช่นนี้ ดูท่าคงมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกระมัง

พอได้เปิดอ่านก็เป็นดั่งที่คาดคิดเอาไว้จริง

“เผ่าพิษหนอนกู่กำลังตามหาตัวข้าหรือ ? ”

ภายในใจของอันหลิงเกออดรู้สึกกลัวขึ้นมามิได้ เผ่าพิษหนอนกู่รู้จักตัวตนของนางดี

หากพวกเขามาที่เมืองหลวงและเปิดเผยตัวตนของนาง เช่นนั้น…

“ตอนนี้ข้าได้ส่งตัวปลอมไปหลอกล่อพวกมันอยู่ หากพวกมันยังจับตัวมิได้ในเร็ววันนี้ก็ยังพอยืดเวลาให้เจ้าได้บ้าง” อันหลิงเกอได้ฟังก็พยักหน้าและรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่เขาทำให้ยิ่งนัก

“เอาล่ะ ข้าคงต้องไปแล้ว เจ้าอยู่ในจวนนี้ก็ต้องระวังให้มาก จงจำเอาไว้ว่าทำเท่าที่ตนทำไหว”

อันหลิงเกอพยักหน้าเป็นการตอบรับ

เมื่อเห็นซูฉางเฟิงจากไปแล้ว อันหลิงเกอก็กลับมาจมอยู่กับความคิดอีกครั้ง

หากเผ่าพิษหนอนกู่กำลังตามหาตัวนาง และนางไปอยู่ในจวนอ๋องมู่ก็ยังนับว่าปลอดภัย เพียงแต่มู่เหล่าหวางเฟยจักทำเช่นไรกับผู้ที่ออกตามหานางบ้าง ?

หากมู่เหล่าหวางเฟยพบเบาะแสแล้วล่ะก็…

“ซูโจว”

เห็นซูโจวกลับมาแล้วอันหลิงเกอก็อดร้อนใจมิได้ เมื่อครู่ซูโจวก็ได้พบกับซูฉางเฟิงจึงพลอยทราบเรื่องนี้เช่นกัน

“อืม ข้าน้อยรู้เรื่องแล้ว”

“ตอนนี้ยังมิเป็นอันใดหรอก ซูฉางเฟิงและฟางหลิงซู่ย่อมจัดการให้เอง ในเมื่อเผ่าพิษหนอนกู่ตามหาข้าผ่านทางหอพิษกู่ ฟางหลิงซู่ย่อมช่วยข้าอยู่แล้ว”

เมื่อกล่าวถึงฟางหลิงซู่แล้วดวงตาของอันหลิงเกอก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

“ท่านเชื่อเขาหรือ ? ” น้ำเสียงของซูโจวแปลกใจมิน้อย

“เขาดีกับข้า ข้อนี้ข้ารู้ดี” คำพูดของอันหลิงเกอแสดงถึงจุดยืนได้เป็นอย่างดี ซูโจวจึงได้แต่พยักหน้าให้

เขารู้ดีว่าอันหลิงเกอเป็นคนรอบคอบโดยเฉพาะเรื่องของมนุษย์และความรู้สึก

ทว่าหลายวันมานี้มู่จวินฮานแต่งตั้งเฝิงเยว่เอ๋อเป็นพระชายาเอกตามคำบงการของมู่เหล่าหวางเฟย นั่นก็นับว่าเป็นการตอบแทนที่นางได้ช่วยมู่จวินฮานเอาไว้แล้ว

การที่มู่เหล่าหวางเฟยทำเช่นนี้ก็เพราะกังวลว่าอันหลิงเกอจะกลับมาจึงหวังให้มู่จวินฮานรีบแต่งตั้งพระชายาเอกคนใหม่และไม่มีที่ยืนสำหรับอันหลิงเกออีก

วันนี้ในห้องโถง ตอนที่อันหลิงเกอเห็นมู่จวินฮานจับมือของเฝิงเยว่เอ๋อ นางก็รู้ดีว่าแท้จริงตนน่าขันเพียงใด เช่นนี้จะมีกะจิตกะใจไปยุ่งเรื่องของคนอื่นที่ไหนกันเล่า

ทัวป๋าถิงฟางแม้ไม่ดีอย่างไรก็ยังมีฐานะเป็นถึงพระชายารอง

หากวันหนึ่งความจริงของเรื่องนี้ปรากฏ อันหลิงเกอก็ไม่มั่นใจว่าจักมีสักกี่คนที่ยอมเชื่อตนอีก

เมื่อเห็นอันหลิงเกอจมอยู่กับความคิด ซูโจวก็รู้ว่านางกำลังนึกถึงเรื่องของมู่จวินฮานอยู่

ช่วงที่ผ่านมามู่จวินฮานมิได้มาวุ่นวายกับพวกเขาอีก ซูโจวจึงวางใจได้บ้าง

แต่ที่ซูโจวกลัวก็คือความรู้สึกที่มู่จวินฮานมีต่ออันหลิงเกอจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“เรียนนายท่าน พระชายาเอกคนใหม่มาขอพบขอรับ” ขณะที่ทั้งสองกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็มีองครักษ์เดินเข้ามารายงาน อันหลิงเกอนิ่วหน้าทันที เวลานี้เฝิงเยว่เอ๋อมาทำอันใด?

ซูโจวก็ขมวดคิ้วเช่นเดียวกัน เขาโยนเรื่องเมื่อครู่ทิ้งไปเพราะการมาในครั้งนี้ของเฝิงเยว่เอ๋อมิว่าอย่างไรก็ไม่เป็นผลดีต่ออันหลิงเกอ

“เชิญนางเข้ามา” ซูโจวมิคิดว่าอันหลิงเกอจักยอมพบเฝิงเยว่เอ๋อ แต่นางหันมายิ้มให้แก่ซูโจวเพื่อสื่อความหมายให้เขาวางใจ

ตอนนี้นางมิได้หุนหันพลันแล่นเหมือนอดีต นางไม่มีทางหาเรื่องเฝิงเยว่เอ๋อแน่นอน

ทันทีที่เฝิงเยว่เอ๋อเดินเข้ามา อันหลิงเกอและซูโจวก็ทำทีว่ากำลังนั่งอยู่หน้ากระดานหมากล้อมราวกับมิได้สนใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด เฝิงเยว่เอ๋อก็รู้ตัวดีว่าเป็นแขกจึงรออยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยม

อันหลิงเกอตั้งใจทำให้เฝิงเยว่เอ๋อรู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังตั้งใจเมินอีกฝ่ายด้วย เดิมทีนางคิดว่าเฝิงเยว่เอ๋อจักไม่สามารถข่มอารมณ์ได้ แต่คาดมิถึงว่าเฝิงเยว่เอ๋อจักยืนรอได้อย่างสงบนิ่งเพียงนี้จนทำให้อันหลิงเกอชื่นชมมิน้อย

ซูโจวก็เข้าใจการกระทำของอันหลิงเกอดี เขาจึงเลือกไม่สนใจเฝิงเยว่เอ๋อไปด้วย นางจึงได้แต่ยืนรออยู่ด้านข้างจนอันหลิงเกอกับซูโจวเดินหมากกระดานนั้นจบ

ทว่าทั้งสองก็เหมือนมิได้สังเกตเห็นนางอีกแล้ว ยังตั้งหน้าตั้งตารินชาดื่มกันเพียงสองคน มิได้ปรายตามองเฝิงเยว่เอ๋อเลย

ตอนนั้นเองที่เฝิงเยว่เอ๋อเริ่มรู้สึกอดทนรอมิไหวจึงส่งเสียงกระแอมออกมา ทว่าอันหลิงเกอกับซูโจวก็ยังทำเหมือนมิได้ยินเสียงและยังเมินเฉยต่อนางเช่นเดิม

เฝิงเยว่เอ๋อไม่รู้ว่าควรเดินออกไปหรือต้องยืนรออีกนานแค่ไหน

อันหลิงเกอเห็นท่าทางของเฝิงเยว่เอ๋อแล้วอดขำขึ้นมามิได้ นางไม่อยากกลั่นแกล้งเฝิงเยว่เอ๋ออีกจึงลุกขึ้นยืนก่อนหาวออกมาแล้วแสร้งทำเป็นว่าเพิ่งมองเห็นอีกฝ่าย

แต่ที่อันหลิงเกอแปลกใจก็คือเฝิงเยว่เอ๋อไม่มีท่าทีโกรธเคืองเลย นางแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและก้มหน้าลงพลางกัดริมฝีปากเอาไว้ สีหน้าดูอึดอัดเล็กน้อยเท่านั้น

ดวงตาของนางได้รับการรักษาจากซูโจวจนสามารถมองเห็นได้บ้างแล้ว

อันหลิงเกอสังเกตว่าครั้งนี้คนที่เฝิงเยว่เอ๋อมองอยู่คือซูโจวที่ยืนอยู่ด้านข้างของนาง ซึ่งซูโจวก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเฝิงเยว่เอ๋อที่มองมาและรู้ว่าที่อีกฝ่ายมองก็เพื่อต้องการให้เขาออกไปก่อนนั่นเอง

ซูโจวมองไปทางอันหลิงเกอครู่หนึ่ง เมื่อเห็นอันหลิงเกอพยักหน้าให้เล็กน้อย เขาจึงยิ้มให้และเดินออกไป ทิ้งพวกนางเอาไว้เพียงสองคน