ตอนที่ 633 รักษา
เฝิงเยว่เอ๋อเห็นซูโจวเดินจากไปก็เหมือนว่าคลายกังวลได้จึงเงยหน้าแล้วเดินเข้ามาหา ก่อนจะเริ่มพูดกับอันหลิงเกอ
เมื่อเฝิงเยว่เอ๋อเข้ามาใกล้เช่นนี้แล้ว อันหลิงเกอเพิ่งเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูย่ำแย่มากเพียงใด
มู่จวินฮานก็เหมือนดูแลและทะนุถนอมนางอย่างดี เหตุใดจึงปล่อยให้นางดูอ่อนแอถึงเพียงนี้ได้ ทำให้อันหลิงเกอสงสัยไปด้วย ส่วนเฝิงเยว่เอ๋อก็มีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมา
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ใด” ไม่คิดว่าประโยคแรกที่เฝิงเยว่เอ๋อกล่าวกับตนจักเป็นเรื่องนี้ได้ อันหลิงเกอรู้สึกแปลกใจมิน้อย
“หืม ? ”
“เจ้าคือคนที่เผ่าพิษหนอนกู่ตามหา เป็นคนที่ทำให้ท่านอ๋องต้องลำบากไปด้วย ดังนั้นเจ้ามิควรมาปรากฏตัวที่นี่”
อันหลิงเกอนึกขันต่อคำพูดที่แสนกล้าหาญของอีกฝ่ายเหลือเกิน เฝิงเยว่เอ๋อมีสิทธิ์อันใด หรือคิดว่ามีตำแหน่งพระชายาเอก ? การวางอำนาจเช่นนี้ต่อหน้านางช่างไร้สาระสิ้นดี
“มิว่าอดีตหรือในอนาคต เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของเราสองคน”
อันหลิงเกอที่ตอนนี้ปลอมตัวเป็นบุรุษจึงดูองอาจและสง่าผ่าเผยมิน้อย เวลาพูดจาจึงยิ่งดูมีพลัง
เฝิงเยว่เอ๋อจึงอดรู้สึกกลัวมิได้และมิกล้ากล่าวอันใดออกมาอีก
“เอาล่ะ หากเจ้ามาหาข้าเพราะต้องการรักษาดวงตา ข้าก็จะลองดู เพียงหวังว่าเจ้าคงไม่ไปบอกผู้ใดเรื่องตัวตนของข้า”
เฝิงเยว่เอ๋อมิรู้ว่าเหตุใดอันหลิงเกอจึงไม่อยากให้มู่จวินฮานจดจำได้ ทว่าสุดท้ายก็ตอบตกลง
นางต้องการรักษาดวงตาให้หายและก็รู้ว่าอันหลิงเกอเป็นคนพูดจริงทำจริง
อันหลิงเกอยังคงใช้ฐานะของซูฉางเฟิงขณะที่อยู่ในเมืองหลวง นางบังเอิญได้พบมู่จวินฮานมิกี่ครั้งและทุกครั้งก็ปรึกษากันแค่เรื่องศึกสงครามเท่านั้น
มู่จวินฮานดีต่อเฝิงเยว่เอ๋อมาก ดีเสียจนอันหลิงเกอเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
…
“เรียนท่านอ๋องซู พระชายามู่มาขอพบขอรับ”
จนถึงตอนนี้คำเรียกขานก็ยังทำให้อันหลิงเกอรู้สึกแปลกอยู่ดี แต่นางก็ต้องทำใจยอมรับเพราะเฝิงเยว่เอ๋อได้กลายเป็นพระชายาเอกของมู่จวินฮานไปแล้ว
“คารวะท่านอ๋องซู”
เฝิงเยว่เอ๋อเข้ามาถึงก็ย่อตัวคำนับเล็กน้อย อันหลิงเกอมิได้ใส่ใจสตรีผู้นี้มากนัก อย่างไรก็เป็นเพียงคนน่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น
ดวงตาของนางยังมิหายดีแต่ก็เริ่มมองเห็นได้บ้างแล้ว อย่างน้อยก็สามารถออกไปไหนมาไหนด้วยตนเองได้
“มิทราบว่าท่านอ๋องซูมีข่าวของอันหลิงเกอหรือไม่ ? ”
ที่เฝิงเยว่เอ๋อถามเช่นนี้เพราะอยากรู้ว่าเมื่อใดอันหลิงเกอจักยอมเปิดเผยตัวตนแท้จริงออกมา
ทุกครั้งที่เอ่ยถึง ‘อันหลิงเกอ’ เฝิงเยว่เอ๋อคล้ายกำลังหยั่งเชิงนางอยู่ตลอด มิรู้ว่าเพราะอาการของดวงตาหรือมู่จวินฮาน หรือมีเป้าหมายอื่นกันแน่
“ตอนนี้ยังไม่มี”
อันหลิงเกอก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง หนึ่งก็เพราะตอนนี้ตนปลอมตัวเป็นบุรุษอยู่ จักได้เป็นการหลบเลี่ยงคำครหาได้ อีกนัยหนึ่งก็เพราะมิได้อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฝิงเยว่เอ๋อ
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านอ๋องซูแล้ว”
อันหลิงเกอพยักหน้าแต่คาดมิถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นมาจักพบกับมู่จวินฮานพอดี
เขามาได้อย่างไร ?
มู่จวินฮานเดินเข้ามาแล้ววางผ้าคลุมไว้บนไหล่ของเฝิงเยว่เอ๋อ ด้านอันหลิงเกอเห็นดังนั้นก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ทำได้เพียงคำนับและยิ้มให้เขาเท่านั้น
“มิต้องมากพิธี เจ้ามารบกวนอ๋องซูอีกแล้วหรือ อันหลิงเกอผู้นั้นหาไม่พบก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้คนของหอพิษกู่ก็กลับมาแล้ว”
อันหลิงเกอมิได้ตั้งใจฟังที่เขาพูดแต่จำได้เพียงประโยคที่ว่า ‘อันหลิงเกอผู้นั้นหาไม่พบก็ไม่เป็นไร’
ประโยคธรรมดาแต่กระทบหัวใจของอันหลิงเกอเข้าอย่างจัง เหตุใดเขาจึงเอ่ยออกมาได้ง่ายดายเหลือเกิน ?
อันหลิงเกอรู้ว่าตอนนี้ในหัวใจของมู่จวินฮานไม่มีนางแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจักเอ่ยถึงชื่อนางได้โดยมิรู้สึกอันใด ราวกับว่านางเป็นเพียงหมอหญิงพเนจรผู้หนึ่งเท่านั้น
แต่มันก็จริงมิใช่หรือ ?
อันหลิงเกอเป็นแค่หมอหญิงที่พเนจรอยู่ในยุทธภพเท่านั้น
“หากคุณชายฟางหลิงซู่กลับมา ข้าจักไปหาเขาเอง”
อันหลิงเกอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม นางมิรู้ว่าจักฝืนยิ้มได้อีกนานแค่ไหน รู้เพียงว่าตอนนี้เจ็บปวดใจจนแทบทนมิไหวอีกแล้ว
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนท่านแล้ว”
ราวกับว่าการที่มู่จวินฮานมาที่นี่ก็เพื่อให้นางไปพบฟางหลิงซู่เท่านั้น
“ท่านอ๋องมู่กล่าวเกินไปแล้ว”
อันหลิงเกอเห็นท่าทีของเขาที่มีต่อเฝิงเยว่เอ๋อแล้วภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนมิไหว แต่ไม่สามารถกล่าวอันใดออกมาได้
“ข้าต้องขอขอบคุณท่านอ๋องซูด้วยเจ้าค่ะ”
เฝิงเยว่เอ๋อเหมือนมิได้สนใจเรื่องของฐานะ ทั้งที่เป็นถึงพระชายาเอกแต่ยังถ่อมตนถึงเพียงนี้
อันหลิงเกอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ทว่าในใจมิรู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป
ตอนนี้มู่จวินฮานจดจำนางมิได้ มู่เหล่าหวางเฟยก็ตามหานางไปทั่ว คนของเผ่าพิษหนอนกู่ก็ยังไม่รู้ว่าล้มเลิกการตามหานางหรือยัง หลายวันมานี้แม้ไร้ความเคลื่อนไหวแต่ดูท่าแล้วความวุ่นวายของนางยังมิจบลงเพียงเท่านี้หรอก
มีเรื่องราวมากมายเช่นนี้ นางและมู่จวินฮานจะยังมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกหรือไม่ ?
ยังมิต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้เพราะนางยังต้องแก้แค้นมู่เหล่าหวางเฟย เช่นนั้นมู่จวินฮานจักยอมให้นางทำอันใดมารดาของเขาหรือไร ?
“ดูเหมือนท่านอ๋องซูเหนื่อยแล้ว ข้าและพระชายาขอตัวก่อนแล้วกัน”
แม้ตอนนี้มู่จวินฮานเหมือนเกรงใจ ทั้งยังให้ความเคารพอย่างมากอีกด้วย แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่สิ่งที่อันหลิงเกอต้องการ
หลังพวกเขาสองคนจากไปแล้ว อันหลิงเกอก็นั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมา
“โอย”
ขณะเดียวกันซูโจวที่เพิ่งกลับเข้ามาก็เห็นท่าทางของนางแปลกไปจึงรีบตรวจชีพจรให้
“ตอนนี้ร่างกายของท่านยังมิฟื้นตัวดี ไม่ควรคิดมากเช่นนี้”
ดีที่ยังไม่เป็นอันใดมาก ทว่าก็ทำให้ซูโจวตกใจมิน้อย
“ข้ารู้แล้ว” อันหลิงเกอถอนหายใจออกมา นางก็มิได้อยากเป็นเช่นนี้หรอก เพียงแต่ความคิดมิใช่สิ่งที่จะควบคุมได้โดยง่าย
“ยาพวกนี้ท่านต้องทานอย่างต่อเนื่องเพราะพิษทำลายร่างกายของท่านไปมาก ท่านต้องจำไว้ว่าการรักษาภายในมิใช่วันสองวันจะ…”
“ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง แต่ซูโจวเอ๋ย ข้าจักทำอย่างไรดีเล่า ? ”
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้อันหลิงเกอก็รู้สึกมืดแปดด้าน นางจักทำเช่นไรได้ ?
“ช่างเถิด ท่านอย่าไปนึกถึงมัน คิดเสียว่ามันผ่านไปแล้ว”
ในสายตาของซูโจว มิว่าอันหลิงเกอโตมากแค่ไหนนางก็ยังเป็นเด็ก เป็นเหมือนน้องสาวของเขา ตั้งแต่รู้จักกันอันหลิงเกอก็เข้มแข็งมาโดยตลอด บัดนี้เขาได้เห็นมุมที่อ่อนแอของนางบ่อยครั้ง
“ซูโจว ข้ากับมู่จวินฮานยังเป็นไปได้หรือไม่ ? ”
คำถามนี้อันหลิงเกอได้ถามเขาวันละมิรู้กี่หน แต่ซูโจวก็มิได้ตอบนางแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้มู่เหล่าหวางเฟยมองว่าเฝิงเยว่เอ๋อเป็นคนที่ควบคุมได้ง่ายจึงมิได้กลั่นแกล้งอันใด
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ หากวันหนึ่งเฝิงเยว่เอ๋อมีบุตรขึ้นมา มู่จวินฮานก็จะตกเป็นของสตรีผู้นั้นอย่างแท้จริง ?
“อันหลิงเกอ ข้าคิดว่าหากท่านอยากอยู่กับมู่จวินฮานแล้ว การคิดไปคิดมาเช่นนี้มิใช่วิธีที่ดี ตอนนี้มู่เหล่าหวางเฟยและเผ่าพิษหนอนกู่กำลังตามหาท่าน ดังนั้นท่านควรรีบฟื้นความทรงจำของมู่จวินฮาน เพื่อท่านจะได้เผชิญหน้ากับเรื่องต่าง ๆ โดยมีเขาเคียงข้าง ! ” ซูโจวมิได้มีประสบการณ์ความรักมากนักจึงทำได้เพียงเอ่ยออกมาด้วยเหตุและผล
“ร่วมกันเผชิญหน้าหรือ ? ศัตรูของข้าคือมารดาของเขา พวกเราจักร่วมเผชิญหน้าได้อย่างไร ? ศัตรูของต้าโจวคือเผ่าพิษหนอนกู่ เราจักร่วมกันเผชิญหน้าได้อย่างไร ? ”
อันหลิงเกอรู้ดีว่าต่อให้นางและเผ่าพิษหนอนกู่ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน ทว่าในสายตาของทุกคนก็เห็นนางเป็นปิศาจร้ายจากเผ่าพิษหนอนกู่อยู่ดี นางจึงไม่สามารถทำอันใดได้เลย