ตอนที่ 634 ไร้ยาถอนพิษ
เช่นเดียวกับที่มู่จวินฮานมิได้เป็นพวกเดียวกับมู่เหล่าหวางเฟย ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้เขาก็มิอาจทำร้ายหมู่เฟยได้เช่นกัน
“ช่างเถิด ท่านก็มีความคิดของตน ข้าแค่หวังว่าท่านจะผ่อนคลายบ้างเท่านั้น”
คำพูดของซูโจวนั้นอันหลิงเกอเข้าใจดี เหตุใดนางจะมิอยากผ่อนคลายเล่า ทว่าน่าเสียดายที่ตั้งแต่เกิดมานางก็มิเคยรู้สึกถึงการได้อยู่อย่างสงบสุขแม้แต่ครั้งเดียว
อันหลิงเกอทำได้เพียงหัวเราะเยาะใส่ตนเอง ก่อนเงยหน้ามองซูโจว
“เจ้าดูสิ คนเยี่ยงพวกเราสามารถช่วยผู้อื่นได้แต่ช่วยตนเองมิได้”
ซูโจวเข้าใจความคิดและความลำบากของนางจึงได้แต่พยักหน้าให้
“เอาล่ะ ท่านกลับไปพักผ่อนในห้องเถิด อย่าได้คิดอันใดเหลวไหลอีกเพราะตอนนี้พวกเราอยู่ในจวนอ๋อง แม้เหนื่อยใจบ้างแต่ก็ใช้ตัวตนของผู้อื่นอยู่ อย่างน้อยก็ยังสบายใจได้บ้างมิใช่หรือ ? ”
อันหลิงเกอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ที่ซูโจวกล่าวนั้นมีเหตุผลและนางรู้ว่าเขาหวังดี
“พรุ่งนี้ข้าจักออกไปข้างนอกเสียหน่อย…”
“ท่านจะไปที่ใด ? ”
อันหลิงเกอยังพูดมิทันจบประโยคดี ซูโจวก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
และที่เขาร้อนใจเช่นนี้ก็เพราะรู้ดีว่าอันหลิงเกอคิดทำอันใด
“ไปหอพิษกู่”
“ท่านจะช่วยเฝิงเยว่เอ๋อรักษาดวงตาหรือ ? ”
ตอนนี้แค่ออกไปข้างนอกก็ถือว่ามีอันตรายรอบด้านแล้ว แต่นี่คือการไปหอพิษกู่เพื่อช่วยเฝิงเยว่เอ๋อด้วยซ้ำ
“ใช่” อันหลิงเกอตอบซูโจวโดยมิอ้อมค้อม
“ทั้งที่ท่านรู้ว่า…”
“แต่นางช่วยมู่จวินฮานเอาไว้ บุญคุณนี้ไม่ว่าข้าหรือเขาก็ควรตอบแทน”
อันหลิงเกอหัวเราะออกมา ภายในใจคือมิว่าอย่างไรมู่จวินฮานก็ยังเป็นสามีของตน ดังนั้นเรื่องของเขาก็เป็นเรื่องของนางเช่นกัน
“ช่างเถิด ข้าจักไปเป็นเพื่อนท่านเอง”
“มิต้องหรอก ข้าคุ้นเคยกับฟางหลิงซู่ดี”
ผู้ที่อันหลิงเกอเชื่อใจได้มีน้อย ซูโจวก็เป็นหนึ่งในนั้น ฟางหลิงซู่เองก็เช่นกัน นางจึงมิอยากให้พวกเขามีเรื่องบาดหมางเมื่อได้พบกัน
เนื่องจากหอพิษกู่ ซูโจวและคนในเมืองหลวงมิได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน ซูโจวรู้ถึงความดื้อดึงของอันหลิงเกอจึงมิได้กล่าวอันใดอีก
ตอนนี้คนของเผ่าพิษหนอนกู่ที่กำลังตามหาอันหลิงเกอก็อยู่ในหอพิษกู่เช่นกัน
หนานกงหลิงเยว่รู้ว่าตัวตนของอันหลิงเกอคือซูฉางเฟิงจึงพาคนของเผ่าพิษหนอนกู่ทั้งสองคนนั้นมาด้วย นางถือคติว่าบุคคลอันตรายควรอยู่ในสายตาถึงจะปลอดภัยที่สุด นี่เป็นคำพูดของฟางหลิงซู่และหนานกงหลิงเยว่ก็เข้าใจได้
“วันนี้จักมีแขกมาเยือน พวกเจ้าอยู่ในนี้แล้วจำไว้ว่าอย่าออกไปเดินเพ่นพ่านเด็ดขาด”
คนของเผ่าพิษหนอนกู่เดิมทีก็เกรงกลัวคนของหอพิษกู่อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ต้องอาศัยอีกฝ่ายช่วยเหลือจึงมิกล้าทำอันใดโดยพลการ
“ได้ขอรับ ต้องรบกวนคุณหนูแล้ว” ซึ่งทั้งสองคนมิรู้ว่าผู้ที่จะมาเยือนหอพิษกู่วันนี้ก็คืออันหลิงเกอ
อันหลิงเกอส่งคนมาแจ้งล่วงหน้าแล้ว เมื่อฟางหลิงซู่รู้ว่านางจักมาก็ดีใจมาก
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบัดนี้องค์หญิงน้อยแห่งเผ่าพิษหนอนกู่อยู่ที่ใด ? ” ฟางหลิงซู่ตั้งใจเอ่ยหยอกเย้าขึ้นมา
“หืม ? ” อันหลิงเกอย่อมมิรู้อยู่แล้ว ผู้ใดจะไปคิดว่าคนที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้ากลับอยู่ใกล้เพียงตาเห็น
“อยู่ที่หอพิษกู่ของข้านี่เอง”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของฟางหลิงซู่แล้ว อันหลิงเกอก็รู้ว่าเขาพูดความจริง
“เจ้าจะทำกับนางเช่นไร ? ”
เมื่อเห็นอันหลิงเกอกังวลเช่นนี้ ฟางหลิงซู่ก็ยิ้มอย่างอ่อนใจ
“เจ้ามักใจอ่อนเสมอ พวกเขาพยายามหาทางจับตัวเจ้าเช่นนี้ แต่เจ้ายังเป็นห่วงนางอีก”
เห็นท่าทางของฟางหลิงซู่แล้ว อันหลิงเกอก็มองออกว่าเขามิทำร้ายสตรีนางนั้นแน่นอน
“ข้าได้รับการไหว้วานจากสหายเก่าที่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ข้าย่อมมิอาจทำร้ายนางในดวงใจของเขาได้” เมื่อได้ยินแล้วอันหลิงเกอก็วางใจ
“เพียงแต่นางมาเพื่อตามหาเจ้าจริง ๆ และนางยังมิรู้ตัวตนของเจ้าในตอนนี้” อันหลิงเกอพยักหน้า ตอนนี้นางมีตัวตนของซูฉางเฟิงคอยคุ้มครองอยู่จึงถือว่าปลอดภัยดี
“ใช่สิ ตอนนี้ซูฉางเฟิงอยู่ที่ใดหรือ ? ”
ฟางหลิงซู่ได้ยินคำถามของอันหลิงเกอก็อดขำมิได้ การแต่งกายของนางก็คือซูฉางเฟิงมิใช่หรือ ?
ใบหน้าหล่อเหลาดูสง่างามยิ่งนัก เมื่อก่อนเขามิเคยรู้เลยว่าพออันหลิงเกอแต่งกายเป็นบุรุษแล้วจักดูดีถึงเพียงนี้
“พอแล้ว ข้าจริงจังอยู่นะ ตอนนี้ข้ายืมตัวตนของเขามาอีกทั้งยังยึดตำแหน่งท่านอ๋องน้อยของเขาไว้อีก มิรู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเช่นไรบ้าง”
อันหลิงเกออดรู้สึกละอายใจมิได้ นางยึดตัวตนของซูฉางเฟิงมาใช้และทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย
“เขามิเป็นอันใดหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงถึงเพียงนั้น” ความสัมพันธ์ของฟางหลิงซู่และอันหลิงเกอนับว่าสนิทกันมิน้อยจึงสามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย
“หากพบเขาก็ฝากขอบคุณแทนข้าด้วย” ซูฉางเฟิงช่างดีกับนางมากจริง ๆ
“ที่เจ้ามาหาข้าคงมิใช่เพราะเรื่องนี้อย่างเดียวกระมัง”
แท้จริงแล้วฟางหลิงซู่รู้ดีว่าเหตุใดอันหลิงเกอจึงมาหาซึ่งเรื่องของเฝิงเยว่เอ๋อนั้นเขาย่อมมิช่วยอยู่แล้ว
“เจ้ารู้เรื่องสตรีที่ก่อนหน้านี้ช่วยมู่จวินฮานไว้หรือไม่ ? ”
ฟางหลิงซู่พยักหน้า เห็นดังนั้นอันหลิงเกอก็เหมือนมีความหวังขึ้นมา
“พิษในตัวนาง เจ้ารู้จักหรือไม่ ? ” ฟางหลิงซู่พยักหน้าอีกครา
“เยี่ยม! แล้วยาถอนพิษเล่า ? ”
ฟางหลิงซู่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า
“พิษที่นางโดนนั้นไร้ยาถอนพิษ เจ้าก็รู้ว่าพิษรุนแรงถึงเพียงนั้นย่อมไม่มีวิธีรักษาหรอก”
ฟางหลิงซู่มิได้โกหก เรื่องที่เขามิยอมช่วยก็เพราะไร้ยาถอนพิษนั่นเอง
อันหลิงเกอนิ่งเงียบ เมื่อไร้ยาถอนพิษเช่นนี้ อีกมินานมู่จวินฮานต้องพาคนมาถามเรื่องนี้กับหอพิษกู่อย่างแน่นอน หากได้คำตอบเช่นนี้ก็เกรงว่าคงทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างราชสำนักและหอพิษกู่ขึ้นอีกครั้ง
“อันหลิงเกอ ข้ารู้ว่าเจ้ารักมู่จวินฮาน แต่เรื่องของพวกเขาไม่เกี่ยวกับเจ้า หากสตรีผู้นั้นตายไป…”
“ไม่”
อันหลิงเกอส่ายหน้าอย่างแรง หากเฝิงเยว่เอ๋อตายแล้ว นางเองก็คงทำใจมิได้ มู่จวินฮานก็เช่นกัน
เรื่องก่อนหน้านี้มิเกี่ยวกับเฝิงเยว่เอ๋อ แต่เพราะช่วยเหลือมู่จวินฮานเอาไว้ถึงได้เป็นเช่นนี้
“เรื่องนี้พวกเราติดค้างนาง”
อันหลิงเกอใช้คำว่า ‘พวกเรา’ ทำให้ฟางหลิงซู่เข้าใจความหมายได้ดี
อันหลิงเกอกับมู่จวินฮาน มิว่าอย่างไรก็คือสามีภรรยาและย่อมเป็นคนเดียวกัน
“แต่พิษนี้ไร้วิธีรักษาแล้วจริง ๆ ” ฟางหลิงซู่มิถนัดโกหก ยามกล่าวออกมาจึงมีอาการพยายามหลบสายตาเล็กน้อย
“ฟางหลิงซู่ เจ้ามีบางอย่างที่มิได้บอกข้าใช่หรือไม่” อันหลิงเกอมองออกว่าเขากำลังหลบเลี่ยงอยู่
“ไม่มี” เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ฟางหลิงซู่ถือว่าข้าขอร้อง”
อันหลิงเกอมิเคยมีท่าทีนอบน้อมเช่นนี้มาก่อน ทว่าตอนนี้นางอยากรีบหาทางแก้ไข มีเพียงช่วยให้เฝิงเยว่เอ๋อแข็งแรงโดยเร็ว นางถึงจะมีจิตใจไปคิดหาวิธีฟื้นความทรงจำให้มู่จวินฮาน
หากตอนนี้เฝิงเยว่เอ๋อต้องสูญเสียมู่จวินฮานไปก็เท่ากับสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วย อันหลิงเกอทนทำเรื่องเช่นนี้กับสตรีผู้หนึ่งมิได้
ขณะเดียวกันอันหลิงเกอก็เข้าใจมู่จวินฮานดี นางเข้าใจทุกความคิดของเขา
สายตาที่มู่จวินฮานมองเฝิงเยว่เอ๋อในวันนั้นทำให้นางรู้ว่าเขารู้สึกผิดและละอายใจมากเพียงใด
สตรีคนหนึ่งต้องสูญเสียการมองเห็นเพียงเพราะช่วยเขาเอาไว้ ภายในใจของมู่จวินฮานย่อมรู้สึกผิดอย่างมาก
“ฟางหลิงซู่ เจ้ารู้เรื่องวิชาเปลี่ยนถ่ายโลหิตหรือไม่ ? ”
เปลี่ยนถ่ายโลหิตหรือ ? ฟางหลิงซู่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ หรือว่านางคิดที่จะ…
“รู้หรือไม่ว่าหากพิษนั้นเข้าสู่ร่างกายเจ้าเอง เจ้าก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ! ”
ฟางหลิงซู่โมโหอย่างมาก เหตุใดนางต้องทำเพียงนี้ด้วย เฝิงเยว่เอ๋อผู้นั้นก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งที่ตายไปได้ยิ่งดีมิใช่หรือ !