ตอนที่ 58

Ranker’s Return

ตอนที่ 58

 

มีมอนสเตอร์หลายชนิดอยู่ในเขตหุบเขาน้ําแข็ง ตั้งแต่ยักษ์หิมะ โทรลล์แห่งธารน้ําแข็ง หรือแม้แต่โกเลมน้ําแข็ง มอนสเตอร์ทั้งสามชนิดมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกมันล้วนตัวใหญ่มาก โทรลล์แห่งธารน้ําแข็งตัวเล็กที่สุดก็ยังสูงกว่าสามเมตร ในขณะที่ยักษ์หิมะและโกเลมน้ําแข็งมีขนาดสูงเกินห้าเมตร แน่นอนว่าพลังป้องกันของพวกมันนั้นสูงมาก หากไม่มีนักเวทที่ใช้พลังไฟแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องยากที่จะล่าพวกมันได้

 

คุณได้ฆ่าโทรลล์แห่งธารน้ําแข็ง

 

ได้รับค่าประสบการณ์

 

“เฮ้! ทําไมเจ้าพวกนี้ถึงอ่อนแอไม่ต่างจากหุ่นไล่กาอย่างนี้? นี่มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?”

 

อย่างไรก็ตามสําหรับฮยอนนูผู้มีสกิลทะลวงพลังป้องกันแล้ว พวกมันก็เป็นเหมือนกับหุ่นไล่กาเคลื่อนที่ได้เท่านั้น ขนาดที่ใหญ่โตของมันทําให้ยากต่อการเคลื่อนที่หลบเลี่ยง ดังนั้นมันจึงถูกฮยอนนูโจมตีอย่างรุนแรงหลายครั้ง นอกจากโกเลมน้ําแข็งแล้ว ทั้งโทรลล์แห่งธารน้ําแข็งและยักษ์หิมะต่างก็มีชีวิตจิตใจ พวกมันรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกโจมตีและเลือดไหลได้เมื่อถูกแทง

 

“จะว่าไปแล้ว ฉันควรจะเปลี่ยนอาวุธได้แล้วหรือยังนะ? มันคงจะง่ายขึ้นเวลาล่าพวกมัน”

 

ฮยอนนูรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย ดาบยาวปลายมนของคนแคระนั้น แม้พลังโจมตีจะสูงแต่ว่ามันไม่มีคุณสมบัติในการทะลวงพลังป้องกันอะไรเลย

 

“มันคงจะสุดยอดมากๆ ถ้าฉันได้อาวุธระดับยูนิคที่มีคุณสมบัติในการทะลวงพลังป้องกันสัก 15% หรือ 20%” ฮยอนนูกลืนน้ําลายอย่างวาดหวัง อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจดีว่าอาวุธแบบนั้นจู่ๆคงจะไม่หล่นลงมาจากฟ้าแน่

 

“โลภเกินไปแล้วนะ ไอ้เจ้านายท่าน! เดี๋ยวก็ยิ่งสายฟ้าใส่ซะหรอก” ทังอีมองไปยังฮยอนนูพร้อมกับเอ่ยออกมา เจ้านายของเขาแข็งแกร่งพอ แต่ว่าเขาโลภเกินไป สําหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ความ โลกถือเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ แม้แต่เจ้านายของตนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

“ฉันสงสัยว่าบอสพวกนี้ที่นี่จะมีอาวุธที่มีสกิลทะลวงพลังป้องกันไหมนะ”

 

แต่ฮยอนนูก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขาสนใจแค่สองเรื่องเท่านั้น นั่นคือตามหาแคนคูนและเอาอาวุธใหม่มาครอบครอง

 

“ไปกันเถอะ ทังอี!”

 

***

 

เคท นักเขียนบทความที่ฮยอนนูอ่านนั้น ยังไม่ได้ออกจากหุบเขาน้ําแข็ง กิลด์ผู้บุกเบิกของเขานั้นเป็นกิลด์ที่สร้างขึ้นมาสําหรับผู้คนที่ชื่นชอบการสํารวจพื้นที่ในเกมอารีน่า ทั้งเคทและสมาชิกคนอื่นๆ อีกสี่คนต่างก็ร่ํารวยมากในชีวิตจริง พวกเขาเป็นคนประเภทที่ว่าแม้จะไม่ทําอะไรเลย นอกจากหายใจไปวันๆก็ตาม ความร่ํารวยของพวกเขาก็ยังมากขึ้นได้อยู่ดี

 

คนพวกนี้ไม่สนอะไรเท่าไหร่ในโลกความจริง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาถึงสามารถดื่มด่ำไปกับเกมอารีน่าได้อย่างแท้จริง ไอเทมของพวกเขาอยู่ในระดับสูงสุดเสมอ และพวกเขาก็ท่องเที่ยวไปรอบๆพื้นที่ในอารีน่า ตามหาสิ่งที่สนุกๆ และน่าสนใจ พวกเขาแบ่งปันสิ่งเหล่านี้กับคนอื่นๆ ที่น่าตลกคือ แม้พวกเขาจะไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับชื่อเสียงก็ตาม แต่พวกเขากลับกลายเป็นคนดังมากเสียอย่างนั้น กิลด์ผู้บุกเบิกเป็นกิลด์ที่มียอดจํานวนผู้ติดตามมากที่สุดใน “เอ-เวิลด์”

 

“เฮ้! หัวหน้าตี้ นายยังมองหายักษ์ตัวนั้นอยู่อีกเหรอ? เสียดาย 500 โกลด์ขนาดนั้นเลยหรือไง? จะให้ฉันเอาเงินให้นายเลยไหมล่ะ?” อะซุ จอมเวทผู้เคร่งขรึม พูดกับเคทด้วยความหงุดหงิด เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกรําคาญใจ นี่เราต้องมาอยู่ที่นี่เป็นสัปดาห์เพียงเพราะเจ้ายักษ์นั้นเอาเงินไปหรือไง?”

 

“รีบตัดสินใจเถอะ ถ้าพวกเราต้องการจะล่าละก็ พวกเราควรออกจากที่นี่ได้แล้ว” อะซุเร่งเร้า เขานั้นเคารพเคทที่เป็นผู้นําและกิลด์มาสเตอร์มาโดยตลอด ทว่าไม่ใช่ครั้งนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจะสนุกกับอารีน่าหรือไม่ เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นแค่การเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น

 

เคทเอ่ยปากพูดออกมาว่า “จะว่าไปแล้ว ดูคนที่อยู่ตรงนั้นสิ ดูคุ้นๆนะว่ามั้ย?”

 

“ใครกัน?”

 

เคทชี้ไปแทนที่จะตอบ ที่ที่เคทชี้ไปนั้นมีชายสวมหน้ากากคนหนึ่งที่อยู่พร้อมกับเจ้าหมีสีน้ําตาลตัวเล็กๆ กําลังล่าพวกมนุษย์หิมะยักษ์อยู่

 

“บอสใหญ่ประจําซอยเหรอ?!” เมื่ออะซุเห็นก็ตะโกนออกมาทันที “นั่นมันบอสใหญ่ประจําซอยนี่! หมีนั่น! ชัดเจนเลย!”

 

“น่าตื่นเต้นจริง ๆ!”

 

บอสใหญ่ประจําซอย ตัวป่วนประจําเกมอารีน่าและผู้เป็นดาวอันโด่งดังนั้นได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ไม่มีคนที่ไม่สนใจเกมอารีน่าคนไหนที่จะไม่รู้สึกตื่นเต้นไปกับการที่ได้เจอเขา

 

“รีบไปเร็ว”

 

เรื่องสนุกเรื่องใหม่ปรากฏขึ้นต่อหน้าอะซุผู้ที่คอยเอาแต่บ่น

 

***

 

ฮยอนนูระมัดระวังกลุ่มผู้เล่นที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น

 

“สมาพันธ์ผู้บุกเบิกงั้นเหรอ?”

 

นั่นคือตัวตนของผู้คนซึ่งกําลังปรากฏอยู่ตรงหน้าของฮยอนนู ไม่นานนักเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในหมู่กลุ่มคนเหล่านั้น เคทที่กําลังทําตัวแปลกๆ เป็นบุคคลที่ผู้เล่นเกมอารีน่ารู้จักกันดี การกระทําของเขาเพียงพอที่จะทําให้ผู้คนเรียกเขาว่าคนประหลาด

 

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

 

เป็นเรื่องปกติที่จะถามคําถามนี้ มีเพียงไม่กี่คนในเกมอารีน่าที่มีเจตนาดี ถ้าพูดอย่างเจาะจงแล้ว ยิ่งเลเวลพวกเขามากเท่าไหร่ การกระทําก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าอารีน่าทําเงินได้มากขนาดไหน อย่างไรก็ตามมันก็แตกต่างออกไปเมื่ออีกฝั่งเป็นสมาพันธ์ผู้บุกเบิก

 

“พวกคุณต้องการอะไรหรือเปล่าครับ?” ฮยอนนูถามอย่างสุภาพ พวกเขานั้นร่ํารวยมาก คนเหล่านี้ที่ใช้เงินสร้างเงินขึ้นมาซึ่งแตกต่างจากผู้คนที่ขายมโนธรรมเพื่อเงินอย่างสิ้นเชิง

 

“ขอถามหน่อยได้ไหมว่าทําไมคุณถึงมาที่หุบเขาน้ําแข็งกัน?” เคทถาม

 

อะซุเสริมว่า “พวกเรากําลังมองหายักษ์ตนนึงอยู่ เป็นตัวที่มีการโพสต์เรื่องราวของมัน ในชุมชนเอาไว้”

 

เขาเปลี่ยนท่าทีไป ตอนนี้อะซุกําลังยิ้มแย้ม สีหน้าไม่ทิ้งตึงเหมือนกับเมื่อสักครู่นี้เลยสักนิด

 

“โอ้มายก๊อด! บอสใหญ่ประจําซอยจริงๆด้วย!”

 

บอสใหญ่ประจําซอยอยู่ตรงหน้าพวกเขา การได้เจอเขาในเกมอารีน่านั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก และถ้าเช่นนั้นแล้ว ก็ควรมีการสานสัมพันธ์กันเอาไว้

 

“โอ้! ผมก็กําลังมองหายักษ์ตัวนั้นเหมือนกัน พอดีว่ามีเควสนะครับ”

 

คําตอบของฮยอนนูสร้างความปิติให้กับอะซุอย่างมาก นี่แหละ ใช่เลย!”

 

คําพูดที่เขาอยากได้ยินออกมาจากปากของฮยอนนู ดังนั้นอะซุจึงแนะนําว่า “ทําไมพวกเราไม่ตามหายักษ์ตนนั้นด้วยกันล่ะ?? พวกเราก็ตามหามาเป็นสัปดาห์แล้วเหมือนกัน”

 

“สัปดาห์นึงเลยเหรอ? ทําไมเป็นอย่างนั้นล่ะ?”

 

“พวกเขามีเควสหรือไงนะ?” ความคิดนี้เข้ามาในใจของฮยอนนู

 

พวกเขาคงไม่ได้ตามหาแคนคูนเป็นสัปดาห์โดยไม่มีจุดประสงค์อะไรแน่ อย่างน้อยถ้าหากว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนปกติก็คงเป็นแบบนั้น เคทเป็นคนประหลาด วิธีคิดของเขาเกินกว่าที่ฮยอนนูจะ คาดเดาได้

 

“ไม่นี่? ฉันแค่อยากจะเจอเขาอีกครั้งแค่นั้นเอง เขาดูน่าสนใจนะ” เคทยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ของเด็กที่เพิ่งเกิด

 

“แล้วฉันจะติดต่อกลับหากหาออร์คนั้นเจอ ฉันชื่อคังฮยอนนู”

 

เพื่อนใหม่ห้าคนได้ถูกเพิ่มเข้ามาในหน้าต่างเพื่อนของฮยอนนู

 

ฮยอนนูไม่ได้ออกไปทันทีหลังจากเพิ่มสมาชิกสมาพันธ์ผู้บุกเบิกทั้งหมดเป็นเพื่อน เขาต้องการ เห็นทักษะของสมาพันธ์ผู้บุกเบิก ซึ่งเป็นหนึ่งในกิลด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอารีน่า

 

“พวกเขาเข้ากันได้ดีนะ”

 

สมาชิกสมาพันธ์ผู้บุกเบิกไม่ได้พูดอะไรมาก พวกเขาทุกคนต่างทํางานกันอย่างเงียบๆ ในหมู่พวกเขา เคทเป็นผู้ดึงดูดการจู่โจมของยักษ์หิมะ ในขณะที่อะซุจะใช้เวทมนตร์โจมตีในเวลาที่เหมาะสม พวกเขาประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ทีมงานที่เป็นมืออาชีพน่าจะเข้ากันได้มากกว่านั้น” ฮยอนนูมีความคิดนี้และรู้สึกว่าจะต้องล่าให้ได้ มันทําให้เขานึกถึงชื่อที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้

 

“งั้นฉันไปละ หากนายเจอมันแล้ว ช่วยบอกฉันด้วยนะ”

 

กิลด์ผู้บุกเบิกพยายามชักชวนฮยอนนู แต่ฮยอนนูก็ปฏิเสธข้อเสนอ เขาแก้ตัวว่าเขากําลังยุ่ง แต่จริงๆ แล้วเขาหงุดหงิด ฮยอนนูรู้ว่าเขาไม่สามารถพักผ่อนได้ถ้าเขาต้องการแก้แค้นจุงฮันแบค ซึ่งมีเพื่อนร่วมทีมที่ดี ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล เขาไม่มีเวลาเล่นแบบนี้หรอก ชั่วขณะนั้นฮยอนนูก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่ดังสนั่นขึ้นมา

 

“เสียงอะไรกัน?

 

ฮยอนนูเริ่มค้นหาแหล่งที่มาของเสียงโดยสัญชาตญาณ

 

“มันไม่ใช่เวทมนตร์

 

มันไม่ได้มาจากยักษ์หิมะหรือโทรลล์แห่งธารน้ําแข็ง และเสียงนี้ก็ไม่ใช่เวทมนตร์ที่เขาเห็นจากอะซุเช่นกัน เรื่องพลังไม่ใช่ปัญหา ไม่มีนักเวทในอารีน่าคนไหนที่จะร่ายเวทมนตร์นี้ต่อหน้าตัวแทงค์ ถ้าเป็นเช่นนั้น มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่

 

เป็นบอสมอนสเตอร์นั่นเอง

 

“ทังอี! ออกมา” ไม่รอช้าเขารีบเรียกทังอีออกมาโดยทันที

 

ฮยอนนพบต้นตอของเสียงและเห็นยักษ์ตัวใหญ่ เมื่อมองแวบแรก มันสูงอย่างน้อยห้าหรือหกเมตร ข้างหน้ายักษ์นั้นมีออร์คตัวหนึ่งซึ่งตัวเล็กพอที่จะดูเหมือนเป็นแค่ออร์คซอมซ่อกําลังต่อสู้กับมันอยู่

 

“ทังอี นั่นแคนคูนหรือเปล่า” ฮยอนนูชี้ไปที่ออร์คตัวนั้นซึ่งกําลังต่อสู้กับยักษ์ที่ใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่า

 

“ถูกต้องแล้ว ไอ้ขี้เหร่คนนั้นคือแคนคูน” ทังอียอมรับ

 

ฮยอนนูได้ยินดังนั้นก็พร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ “ให้บัฟแก่ฉันสิ ฉันจะช่วยเพื่อนของนายเอง”

 

“ขอบใจนะ ไอ้เจ้านายท่าน นายต้องแน่ใจนะว่าจะช่วยคนขี้เหร่คนนั้นจากเจ้าคนขี้เหร่อีกคนได้”

 

คุณได้รับบัฟ “การเคลื่อนที่ของหมี”

 

[พลังโจมตีทางกายภาพเพิ่มขึ้น]

 

[พละกําลังเพิ่มขึ้น]

 

[คุณได้รับบัฟ “คําอวยพรแห่งป่า”]

 

[พลังป้องกันเพิ่มขึ้น]

 

[พลังชีวิตจะฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง]

 

[ทังอีเป็นหมีที่รู้จักความภักดี]