บทที่ 1383 เผชิญหน้าอย่างลับๆ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

วูหยงคิดว่าวังสวรรค์อาจส่งข้อมูลเท็จ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่มีหลักฐาน ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปแล้วขณะหลบหนีออกจากสนามรบ

 

อย่างไรก็ตามการหายตัวไปของวูอี้ไห่เป็นเรื่องฉับพลันและแปลกประหลาดเกินไป หากวูอี้ไห่เป็นฟางหยวน ทุกอย่างจะสามารถอธิบายได้

 

“ส่งป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของวูอี้ไห่ผ่านสวรรค์สีเหลืองมาให้ข้า นอกจากนี้นำวิญญาณอมตะบางดวงออกจากคลังสมบัติมาให้ข้าด้วย” วูหยงลอบออกคำสั่ง

 

ในเวลาเดียวกันเขากล่าวกับจื่อชิวหยูที่อยู่ไกลออกไป “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ โปรดสร้างค่ายกลวิญญาณป้องกันการหลบหนีด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งห้วงมิติไว้ที่นี่ด้วย”

 

“โอ้ ศัตรูมีวิธีการเช่นนั้นงั้นหรือ?” จื่อชิวหยูประหลาดใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “ข้าสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเพื่อรบกวนการเดินทางผ่านห้วงมิติแต่ข้าไม่มีวิญญาณอมตะที่จำเป็น”

 

“อย่ากังวล” วูหยงหัวเราะ “ตอนนี้เรามีพันธมิตรมากมาย ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีวิญญาณอมตะไม่เพียงพอ”

 

ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ ทุกคนปฏิบัติตามคำขอของจื่อชิวหยูและวิญญาณอมตะที่พวกเขามีอยู่สามารถใช้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณดังกล่าว

 

หากพวกเขาไม่มีวิญญาณที่จำเป็น พวกเขายังสามารถส่งพวกมันผ่านสวรรค์สีเหลืองแม้จะต้องใช้เงินมหาศาลก็ตาม

 

แต่หลังจากฟางหยวนเริ่มใช้วิธีนี้ ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็เริ่มเลียนแบบ

 

ในไม่ช้าฟางหยวนก็รู้เรื่องที่ตระกูลวูส่งวิญญาณอมตะมาให้วูหยง สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิด ทุกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณอมตะจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่

 

“วิญญาณอมตะเหล่านี้มาจากคลังสมบัติของตระกูลวู พวกเขาส่งพวกมันผ่านสวรรค์สีเหลือง”

 

“ยังมีกระทั่งป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของข้า! ฮืม!”

 

ฟางหยวนรู้สึกสังหรณ์ร้าย

 

น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถหยุดมัน

 

การทำธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองปลอดภัยมาก ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

 

ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากวูหยง

 

“วูอี้ไห่หรือข้าควรเรียกเจ้าว่าฟางหยวน? เราสามารถพูดคุยและทำธุรกรรม ใช้วิญญาณอมตะเพื่อซื้อชีวิตของเจ้า เป็นอย่างไร?”

 

รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง ‘ดูเหมือนวังสวรรค์จะเปิดเผยความลับนี้แล้ว วิญญาณเหล่านั้นต้องถูกส่งมาให้วูหยง เขาข่มขู่ข้าโดยตรง ดูเหมือนเขาจะมีวิธีการบางอย่าง…’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็หยุดการฝึกซ้อม

 

“พวกเจ้าฝึกซ้อมต่อไป ข้าต้องจัดการกับเรื่องน่ารำคาญเล็กน้อย” หลังกล่าวจบคำ เขาก็ก้าวออกไปและกระตุ้นใช้เกราะหวนคืนทันที

 

ในมิติช่องว่างของวูหยง วิญญาณจำนวนมากบินอยู่บนท้องฟ้า

 

‘นี่คือท่าไม้ตายเฉพาะตัวของตระกูลวู มันเคยสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อมตะของภาคใต้มาแล้ว หลังจากตระกูลวูของข้าได้รับมันมา เราเก็บมันเป็นความลับเพราะกังวลว่าจะถูกต่อต้านโดยกองกำลังอื่นๆ ตอนนี้ฟางหยวนจะได้ลิ้มรสมัน’

 

ดวงตาของวูหยงส่องประกายเย็นเยียบ

 

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน

 

อย่างไรก็ตามเขาสามารถปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณเหล่านั้น กระทั่งเฉียวจื่อไคที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยังไม่ตระหนักถึง

 

แต่ในเวลาต่อมาวูหยงกลับกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก

 

“ท่านวูหยง เกิดสิ่งใดขึ้น?” เฉียวจื่อไคตกใจและรีบวิ่งเข้าไปสนับสนุนวูหยง

 

‘เป็นไปได้อย่างไร? โชคดีที่ข้าเพียงต้องการเตือนและสอบสวนเท่านั้น ข้ายังไม่ได้ใช้งานมันอย่างเต็มที่’ วูหยงตกใจมาก เห็นได้ชัดว่าเขาโจมตีฟางหยวนแต่สุดท้ายเขากลับถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายของตนเอง

 

วูหยงสะบัดมือของเฉียวจื่อไคออกเบาๆ

 

เขาเร่งแก้ไขสถานการณ์ “ไม่จำเป็นต้องกังวล มันเป็นอาการบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับค่ายกลวิญญาณแม่น้ำโลหิตสีม่วงจากก่อนหน้านี้”

 

เฉียวจื่อไคเปลี่ยนท่าที “ท่านวูหยงรีบมาช่วยน้องชายโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตน ท่านเป็นแบบอย่างของฝ่ายธรรมะอย่างแท้จริง!”

 

วูหยง “…”

 

เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “ท่านน่าทึ่งมาก”

 

เฉียวจื่อไครู้ว่ามันเป็นถ้อยคำประชดประชันของวูหยง แต่เขายังรู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน

 

สำหรับอาการบาดเจ็บของวูหยง มันเกิดจากเกราะหวนคืนของฟางหยวน

 

‘แม่น้ำหวนคืนลดลงเล็กน้อย วูหยงมีวิธีการที่น่ากลัวบางอย่างที่สามารถโจมตีร่างกายของข้าโดยผ่านป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณ น่าเสียดายที่เขาต้องเผชิญหน้ากับเกราะหวนคืน ดังนั้นท่าไม้ตายของเขาจึงถูกสะท้อนกลับไปอย่างหมดจด’

 

ฟางหยวนสูดหายใจและคิดต่อ ‘นี่ค่อนข้างแปลก เมื่อวูหยงรู้ว่าข้าคือฟางหยวน เหตุใดเขาไม่พิจารณาถึงเกราะหวนคืนของข้า?’

 

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่า…เขาไม่รู้จักตัวตนอื่นข้า เขาไม่รู้ว่าข้าคือหลิวกวนซื่อ? วังสวรรค์ไม่ได้บอกเขางั้นหรือ? หรือบางทีกระทั่งวังสวรรค์ก็อาจไม่รู้?’

 

ฟางหยวนคิดถึงอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ครั้งนี้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเพราะอาณาจักรแห่งความฝันถูกแทรกแซงโดยเจตจำนงสวรรค์

 

เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันหลายครั้ง เมื่อดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน มันจะปราศจากการอำพรางโดยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ด้วยวิธีนี้เจตจำนงสวรรค์จึงเห็นร่างจริงของเขา

 

หากเป็นเช่นนี้ นั่นหมายความว่าตัวตนของหลิวกวนซื่อยังไม่ถูกเปิดเผย

 

‘ไม่ดีแล้ว’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง ‘ข้าเปิดเผยเกราะหวนคืนออกไป นี่ไม่ได้หมายความว่าข้ากำลังบอกเขาว่าตนเองคือหลิวกวนซื่องั้นหรือ? ไม่ว่าวังสวรรค์จะค้นพบตัวตนนี้มาก่อนหรือไม่ ตอนนี้ข้าก็เปิดเผยเกราะหวนคืนไปแล้ว พวกเขาต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน’

 

นี่เป็นการเผชิญหน้าอย่างลับๆ

 

มันเป็นการต่อสู้ของสามฝ่ายคือฟางหยวน วูหยง และวังสวรรค์

 

วูหยงพบกับความทุกข์ทรมานด้วยวิธีการของตนเองแต่อาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงขณะที่ฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อย่างไรก็ตามเขาได้เปิดเผยข้อมูลมากมาย ด้านวังสวรรค์ พวกเขาจัดการอยู่เบื้องหลังและทำให้วูหยงกับฟางหยวนต่อสู้กันโดยที่ตนเองไม่ต้องทำสิ่งใด

 

นี่เป็นแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย

 

วูหยงส่งจดหมายอีกฉบับถึงฟางหยวนแต่ฟางหยวนไม่สนใจมันอีกต่อไป

 

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศพร้อมใช้งานแล้วแต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกลายเป็นภาระ

 

เขาต้องรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้เพื่อป้องกันการโจมตีที่ไม่คาดคิดของวูหยง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะแบ่งความสนใจให้กับค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ

 

อย่างไรก็ตามในที่สุดพวกเขาก็สามารถกระตุ้นใช้งานมันได้สำเร็จ

 

รัศมีแสงส่องสว่างขึ้นรอบๆก่อนที่มันนำกลุ่มของฟางหยวนหายไปจากจุดนั้น

 

ความปั่นป่วนอย่างรุนแรงของห้วงมิติถูกค้นพบโดยผู้อมตะภาคใต้

 

“พวกเขาจากไปแล้ว บางทีหนึ่งหรือสองคนอาจถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง” วูหยงไม่แปลกใจ

 

“ค่ายกลวิญญาณของเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่พวกเขามีวิธีการเช่นนี้จริงๆ แล้วเหตุใดพวกเขาไม่ใช้มันก่อนหน้านี้? มันต้องมีข้อบกพร่องร้ายแรงอย่างแน่นอน” เฉียวจื่อไคคาดเดา

 

จื่อชิวหยูลูบเคราของเขา “อย่าห่วง แม้ค่ายกลวิญญาณของข้าจะไม่สมบูรณ์ แต่มันยังส่งผลกระทบบางอย่าง ข้าเชื่อว่าตอนนี้พวกเขาควรจะแยกย้ายกันไปแล้ว”

 

ผู้อมตะภาคใต้หลายคนไม่มีความรู้ความเข้าใจแต่ไม่ใช่กับวูหยง เขากล่าวชมเชย “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ ท่านช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”

 

วูหยงรู้ว่านิกายเงามีค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ เขาคาดเดาไว้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีนี้เพื่อหลบหนี ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบโต้

 

วูหยงลอบส่งข้อมูลให้กับจื่อชิวหยูและให้เขาเตรียมรับมือ

 

จื่อชิวหยูเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกันและยังเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล เมื่อมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เขาจึงสามารถคิดวิธีตอบโต้ที่เหมาะสม

 

“พรวด!”

 

ไป่หนิงปิงก้าวลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาขณะที่ใบหน้ากลายเป็นซีดขาว

 

“นี่ไม่ใช่จุดหมายที่เราตั้งใจไป!” รูม่านตาของนางหดเล็กลง

 

นางรีบติดต่อคนอื่นๆ

 

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศหยุดชะงักอย่างกะทันหัน สมาชิกนิกายเงาถูกแยกออกจากกัน

 

นอกจากฟางหยวน แต่ละคนได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง

 

“เราควรทำอย่างไร?” เทพธิดาเมี่ยวหยินรีบถามฟางหยวน

 

ฟางหยวนลังเลเล็กน้อย

 

เขาควรหลบหนีไปเพียงผู้เดียวโดยใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหรือไม่? หรือเขาควรช่วยสมาชิกนิกายเงา?

 

กายาแห่งความฝันที่อยู่ในรอยแยกปล้นเงาระเบิดตัวเองไปแล้ว

 

ตอนนี้เหลือกายาแห่งความฝันไม่มากที่อยู่ในมิติช่องว่างของไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆ รวมถึงอิงอู๋เซี่ยที่อยู่ในมิติช่องว่างของเทพธิดากระต่ายขาว

 

อาณาจักรแห่งความฝันถูกแทรกซึมโดยเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นกายาแห่งความฝันจึงถูกจับตามองตลอดเวลา การอนุญาตให้พวกมันอยู่ใกล้ๆก็เหมือนกับการบอกตำแหน่งที่อยู่ของตนเอง

 

นอกจากนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่บนร่างของเขาก็ยังไม่ถูกทำลาย ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของฟางหยวนยังอยู่ในมือของวูหยง สิ่งสำคัญที่สุดคือตระกูลวูมีวิธีโจมตีฟางหยวนผ่านวิญญาณทั้งสองดวง

 

สถานการณ์เรียกได้ว่าเลวร้ายและอันตรายมาก!

 

เป็นเรื่องยากสำหรับฟางหยวนที่จะต่อสู้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่น่าเชื่อถือ แม้มันจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด แต่มันจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อฟางหยวน

 

วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดถูกฉกชิงไป ตอนนี้เจตจำนงสวรรค์สามารถตรวจสอบและจัดการฟางหยวนได้ตลอดเวลา

 

‘ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาอาจถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบเช่นกัน’ ดวงตาของฟางหยวนกลายเป็นมืดมน

 

จุดหมายปลายทางต่อไปของเขาคือทะเลทรายตะวันตก

 

ในบรรดาห้าภูมิภาค ทะเลทรายตะวันตกมีทรัพยากรของนิกายเงาเหลืออยู่มากที่สุด เนื่องจากอิงอู๋เซี่ย ราชันภูเขาม่วง และคนอื่นๆยังไม่เคยไปที่นั่น

 

‘ข้าควรไปที่ทะเลทรายตะวันตกเพียงผู้เดียวหรือไม่?’

 

‘น่าเสียดายหากข้าต้องทิ้งพวกเขา นอกจากนี้ตราบใดที่ข้ายังไม่สามารถทำลายร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลเหล่านี้ คนอื่นๆก็จะตามหาข้าได้เสมอ’

 

‘นิกายหลางหยา…’