แม้จะบอกว่าผ่านเวลามาสักพักแล้ว มันทำให้เย่เทียนมีชี่ทิพย์กลับขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถ้าอยากจะขวางคนมากมายขนาดนั้น มันจะต้องกินแรงมากแน่นอน
แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ เย่เทียนนั้นไม่ได้ต้องการจะต่อกรกับคนมากมายขนาดนั้น!
ถ้าดูจากท่าทีของลูกน้องของสำนักหวู่หันเหล่านั้น เขาก็สามารถมั่นใจได้ว่ามีคนไม่น้อยที่ถูกบังคับให้ยอมอ่อนข้อเคารพต่อหลิวจื่อหยัง
คนแบบนี้ ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงงัน พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรโง่ๆ แล้ว
เพราะแบบนั้นเอง เย่เทียนเลยไม่ลังเลเลย ถ้าเข้าโจมตีด้วยท่ามังกรเก้า มันจะต้องทำให้พวกเขาตะลึงงันแน่ๆ
การต่อสู้นั้นเป็นการใช้เทคนิค ถ้าเกิดไม่มีสมองแล้วเข้าสู้อย่างโง่ๆ คงจะจบไม่สวยแน่ๆ !
มันเหมือนกับที่เย่เทียนคิดเอาไว้ ด้วยการป้องปรามของเงาลวงตี้จวินใหญ่ยักษ์นั้น คนมากมายของสำนักหวู่หันต่างมองพลางอ้าปากค้าง มีคนมากมายที่ขาสั่นด้วยความขี้ขลาด จนเกือบจะต้องคุกเข่าลงแล้ว
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?หรือว่าคุณเป็นนักบู๊ระดับดินจริงๆ งั้นเหรอ?”
หลิวจื่อหยังนั้นไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย จึงไม่มีทางยอมรับความจริงนี้ได้
ก่อนหน้านี้เขายังลังเลว่าเย่เทียนนั้นหลุดออกมาจากวิชาดูดพลังได้อย่างไร เงาลวงตี้จวินใหญ่ในวันนี้ น่าจะเป็นสิ่งยืนยันอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
ยอดฝีมือระดับดำธรรมดา แม้ว่าจะเป็นการปล่อยพลังภายใน แต่ก็สร้างเงาราวๆ ห้าเมตรขึ้นมาได้ แม้ว่าจะเป็นคนที่โดดเด่นอย่างมากก็แค่เจ็บเมตร
แต่ในวันนี้เงาลวงตี้จวินที่เย่เทียนสรรค์สร้างออกมา อาจจะสูงกว่าราวๆ เจ็ดเมตร ท่าทีนั้นดูจริงแท้เป็นอย่างมาก เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เหมือนสิ่งมีชีวิตเลยล่ะ!
“ท่ามังกรเก้า ท่าแรก จุนหลินเทียนเชี่ย!”
เย่เทียนนั้นไม่สนใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไร ก่อนจะมองหลิวจื่อหยางอย่างไร้อารมณ์ พลางพ่นคำออกมาจากปาก
ซวา!
จากนั้นเงาลวงตี้จวินก็ยกกระบี่มายาในมือขึ้นสูง ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลิวจื่อหยังโหดร้ายไร้เทียมทาน
“ยังยืนอึ้งอะไรอยู่อีก?เอาชี่ทิพย์ของพวกคุณมาให้ฉัน!”
หลิวจื่อหยังจพไปกล้ารับกระบวนท่าของเย่เทียนเอาไว้คนเดียวได้อย่างไร ก่อนจะส่งเสียงดังใส่คนด้านหลัง ชี่ทิพย์ภายในก็เริ่มวิ่งแล่นอีกครั้ง
ซวาๆ !
ท่ามกลางคำสั่งของหลิวจื่อหยัง คนมากมายต่างกระโดดเหยงไปอยู่ด้านหลังเขา มือทั้งสองข้างก็กดอยู่ที่หลังของคนด้านหน้า พลังงานหนักแน่นก็ส่งไปหาหลิวจื่อหยังไม่หยุด
แต่นี่ ตอนแรกผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสามของสำนักหวู่หันเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียนก็ได้แสดงวิชารวมพลัง!
ใครๆ ก็รู้ ว่าวิชารวมพลังนั้นมีเพียงกระบวนยุทธเหมือนกับฝึกวิชาเท่านั้น ที่เมื่อรวมกับปราณเดียวแหล่งเดียวได้อย่างลงตัวแล้วจึงจะสามารถใช้ได้
แต่สิ่งที่ทนการฝึกวิชาของหลิวจื่อหยังไม่ได้ก็คือวิชาอย่างวิชาดูดพลัง มันสามารถเปลี่ยนเป็นปราณเดียวแหล่งเดียวได้เลยล่ะ!
ทันใดนั้น ท่ามกลางกำลังภายในของหลายๆ คน ในมือของหลิวจื่อหยังค่อยๆ มีรอยหมัดขนาดยักษ์ขึ้นมา!
แต่ทว่า แม้จะบอกว่ามีคนเข้ามาช่วย แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นคนมากมายที่ถอยไปพร้อมๆ กัน ไม่มีใครอยากจะเข้ามาวัดฝีมือด้วยเลย
อย่างแรกพวกเขานั้นได้รับแรงกดดันถึงได้มาอยู่กับหลิวจื่อหยัง แล้วจะมาทำงานให้อย่างจริงใจได้อย่างไร?
อย่างที่สอง อีกฝ่ายนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดิน โดยเฉพาะยอดฝีมือระดับดำที่จะสามารถฟาดฟันกันได้?!
“คนล่ะอยู่ไหน?หรือว่าพวกคุณอยากจะเป็นกบฏ ?!”
หลิวจื่อหยังนั้นกวาดตาไปเห็นคนสิบกว่าคน ก่อนจะตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ
“จางฉวน!แกอยากจะหักหลังอาจารย์งั้นเหรอ?ยังไม่รีบมาอีก!”
“พวกโง่ ถ้าเกิดพวกเราตาย เขาจะปล่อยพวกแกไว้งั้นเหรอ?!”
“ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก รอฆ่าพวกกระจอกนั่นก่อน เดี๋ยวฉันจะจัดการกับพวกแกให้หมด!”
ไม่เพียงหลิวจื่อหยัง แต่คนที่กระโดดหนีไปก่อนหน้าเองก็โกรธเป็นอย่างมาก เลยตะโกนด่าพวกศิษย์ของสำนักหวู่หันที่ยืนอยู่กับที่
แต่ทว่าคนสิบกว่าคนเหล่านั้นก็ไม่มีท่าทีจะขยับ ก่อนจะรักษาระยะห่างอยู่อย่างปลอดภัย
เหมือนที่กล่าวไว้ว่ากฎหมายไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน
ถ้าเย่เทียนไม่สามารถสู้คนเหล่านี้ได้ ก็หมายความว่าเขาไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับดินเลย พวกเขาเลยเข้าไปทำตัวให้ดูดีอย่างไม่ลังเล
เดี๋ยวถึงเวลา หลิวจื่อหยังคงจะด่าไม่กี่ประโยคเท่านั้น คงจะไม่มีทางจัดการอะไรพวกเขาขนาดนั้นจริงๆ
ถึงอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นยอดฝีมือระดับดำ เป็นความสามารถระดับยอดของสำนักหวู่หันในวันนี้ สำนักหวู่หันอยากจะเก็บทรัพยากรของโลกยุทธภพเอาไว้ต่อ ซึ่งจะขาดพวกเขาไปไม่ได้
แต่ถ้าเกิดเย่เทียนสามารถต่อสู้กับการร่วมมือของคนเหล่านั้นได้ พวกเขาคงจะวิ่งหนีไปอย่างไม่พูดอะไรเลย เพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง
ไม่แน่ว่ากลับไปที่สำนักหวู่หัน อาจจะได้ขึ้นตำแหน่งสูงสุดของที่นั่นก็ได้!
ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นภายในพริบตาเดียว มุมปากของเย่เทียนก็ยิ้มขึ้นอย่างเหยียดหยาม
เป็นไปตามที่เขาคาด แม้หลิวจื่อหยังจะขึ้นเป็นเจ้าตำแหน่งสูงสุด แต่ก็ไม่สามารถนับคนเหล่านี้เอาไว้ได้นี่!
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร กระบี่มายาก็ลงไปทางโล่สกินอย่างหนักหน่วง ก่อนจะมีเสียงจี๊ดๆ เสียดหูดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หลิวจื่อหยังที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดนั้นหูคอแดง ก่อนจะเอาแรงมาใช้แล้วล่ะ
ศิษย์ของสำนักหวู่หันที่อยู่ด้านหลังนั้นก็ไม่ได้ไปไหน ต่างคนต่างเส้นเลือดปูดบนหน้าผาก ก่อนจะกัดฟันแน่น
“คนตัวเล็กก็สามารถโค่นล้มคนใหญ้ได้งั้นเหรอ?!”
แววตาดำขลับของเย่เทียนนั้นมีความแปลกไป แต่แววตาบนใบหน้ากลับไม่เปลี่ยนไป มันไม่มีชี่ทิพย์เหลืออยู่แล้ว ทั้งหมดนั้นต่างเก็บใส่เข้าไปในกระบี่มายาทั้งหมด
บูม!
ภาพลวงตาทั้งหมดนั้นมันเหมือนจะแตกสลายออก การฝ่าฟันของมีดดาบนั้นระเบิดออกอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะเกิดฝุ่นขึ้นเต็มไปหมด จนปกคลุมสายตา
มันทำให้คนสิบกว่าคนของลูกเด็กบรรจุศพต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบถอยห่างออกไปเป็นสิบเมตร เพราะกลัวว่าจะซวยไปด้วย
จากนั้นผ่านไปราวๆ หนึ่งนาที ฝุ่นก็ค่อยๆ ลงกระทบพื้น พื้นหนานั้นเกิดรอยดาบลึกจนไม่อาจหยั่งถึงเป็นรอยยาวกว่าห้าเมตร ก่อนจะเริ่มเห็นว่าในสนามนั้นมีเงาของคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลาง!
“ไป!”
ฉากนี้มันทำให้สีหน้าของคนสิบกว่าคนของสำนักหวู่หันเปลี่ยนไป แล้วก็ไม่รู้ว่าใครตะโกนเรียก กลุ่มคนวิ่งหนีโดยไม่พูดอะไร เหมือนกระต่ายตื่นตูมที่หนีเลยล่ะ
แม้ว่าฝุ่นจะยังคงมีอยู่ จึงมองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นมันเดาออกได้ยากมากเลยล่ะ
เมื่อครู่อีกฝ่ายมีเพียงเย่เทียนคนเดียว อีกฝ่ายนั้นรวมไปถึงทีมเจ็ดคนด้านในของหลิวจื่อหยัง แต่ในตอนนี้กลับมีคนหนึ่งที่ยังยืนอยู่
บวกกับดินโคลนที่ถูกดาบกระแทกทะลุ ขนาดคนโง่ยังมองออกเลยว่าฝ่ายไหนจะชนะ
แต่หายใจอยู่ไม่นาน เงาของคนสิบกว่าคนนั้นเข้ากับสีของท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม ก่อนจะหายไปจนไม่เห็นอีก
ตุ้บ!
เย่เทียนตัวตรงนั้นสุดท้ายก็ยันเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะล้มแผ่ลงในทันที สติเองก็ค่อยๆ หมดลง
เขาไม่ได้รับบาดเจ็บในด้านสะสาร แต่ภายในเวลาสั้นๆ นี้ที่ปล่อยชี่ทิพย์ไปสองครั้งจนหมด เกรงว่าเขาเองก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน
ขนาดหลิวจื่อหยังและอีกเจ็ดคน โดนแทงตั้งแต่ตอนที่เกราะแตะสลายไป จนต้องกลายมาเป็นปุ๋ย!
“ถ้าไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก็จะเกิดขึ้นอีก!”
เย่เทียนพึมพำ เพราะทนอะไรไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เลยค่อยๆ หลับตาลง ก่อนจะหลับลึกเป็นอย่างมาก……