เช้าวันใหม่ เมื่อเย่เทียนตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาสายแล้ว
เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ตัว เย่เทียนก็ตัดสินได้ ว่านี่คือที่พักของคนธรรมดา
เสื้อผ้าติดกลิ่นคาวเลือดของงูเมื่อวานนั้นถูกเปลี่ยนไปหมดแล้ว แม้แต่ชุดชั้นในก็ไม่เว้น สิ่งที่เปลี่ยนมากลับเป็นเสื้อผ้าโทรมๆ ชุดหนึ่ง
“ดีที่ปิดไอ้จ้อนไว้ได้”
เย่เทียนยิ้มมุมปากขึ้นอย่างมีนัย เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นการกระทำของลูกเด็กบรรจุศพ
เมื่อวานเขาเสียชี่ทิพย์ไปมากจนหมดสติ มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะเสียความทรงจำไป
เขาจำได้ดี ว่าคนของสำนักหวู่หันตกใจหนีไปเพราะเขา จี้เยียนหรันก็มาทำร้ายเขาจนหมดสติไป คนที่มีสติอยู่คนเดียวคือลูกเด็กบรรจุศพ
เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวเมื่อวานได้ ในใจของเย่เทียนก็เริ่มมีความกลัวขึ้นมา
เพื่อให้ลูกเด็กบรรจุศพตะลึงงัน ตอนที่ต่อกรกับงูพิษม่วงเขาเลยใช้ชี่ทิพย์จนหมด
แต่ใครจะไปคิดว่าหลิวจื่อหยังจะโผล่ออกมาอีก เขาใช้ชี่ทิพย์ที่ฟื้นขึ้นมาจนหมดไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็เสียแรงไปอย่างมาก เลยหมดสติอย่างต้านอะไรต่อไปไม่ไหว
ถ้าตอนนั้นทำให้คนของสำนักหวู่หันตกใจหนีไปไม่ได้ บางทีอาจจะไม่สามารถทำให้ลูกเด็กบรรจุศพตกใจกลัวได้ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“จะว่าอย่างไรก็ยังขาดความสามารถอยู่ดีจริงๆ !”
เมื่อคิดเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืนอย่างละเอียด ในที่สุดเย่เทียนก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนจะพลิกตัวลงจากเตียงไป
เมื่อได้พักเป็นเวลาหนึ่งคืนแล้ว ร่างกายของเย่เทียนนอกจากจะปวดเนื้อปวดตัวแล้ว ก็ไม่เป็นอะไรอีก
แกร็ก!
เย่เทียนเพิ่งจะลงจากเตียง ประตูห้องกลับมีคนผลักเข้ามา มีชายร่างผอมคนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือยังมีเสื้อผ้าของเย่เทียนในเมื่อวานอีกด้วย
แน่นอน ว่ากลิ่นคาวเลือดที่ติดเสื้อผ้าเมื่อวานนั้นถูกซักล้างไปหมดแล้ว เกรงว่าแม้จะห่างกันหลายก้าว ก็ได้กลิ่นหอมของสบู่
“ลูกเด็กบรรจุศพงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นผิวสีดำคล้ำ และบนจมูกยังมีไฝอีก แววตาของเย่เทียนก็เปลี่ยนไปเป็นแปลกตา
“ฉันเอง”
ชายแข็งแกร่งพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาเพื่อเอาเสื้อผ้าวางไว้ข้างเตียง “ลูกเด็กบรรจุศพเป็นเพียงฉายาของฉัน จริงๆ ฉันชื่อตี๋ต้าจื้อ”
“ตี๋ต้าจื้องั้นเหรอ?!”
เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะพูดซ้ำอีกครั้งเบาๆ เชื่อนี้ตั้งได้อย่างใส่ใจจริงๆ มีไฝใหญ่จริงๆ ด้วย!
แน่นอน ว่าเย่เทียนนั้นยังไม่ตกต่ำถึงขนาดจะเลือกคนที่ภายนอก เลยเปลี่ยนคำถามกลับไป “ผู้หญิงที่เป็นพวกเดียวกับฉันเมื่อวานไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เป็นลมไปเหมือนคุณเลย ไม่ได้รับอันตรายอะไรมาก”
“ก่อนหน้านี้สองชั่วโมงได้รับสายมา พูดไม่กี่ประโยคก็รีบไปแล้ว”
“เธอให้ฉันบอกคุณหน่อย ว่าทางเจียงหนันนั้นออกคำสั่ง บอกให้ฉันกลับไปตอนบ่าย ให้คุณไม่ต้องกังวล”
“อีกอย่าง เมื่อวานตอนกลางคืนมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาฆ่าทหารที่อยู่เวรด้านนอกซานกู่ วันนี้มีพนักงานมาคุมที่เหมืองหยกมากขึ้น”
ตี๋ต้าจื้อเหมือนกับได้รับคำสั่ง ก่อนจะรายงานเย่เทียนสักหน่อย เหมือนกับว่ายังไม่ค่อยจะคุ้นชินกับการเป็นคนรับใช้แบบนี้
“แล้วในศพของงูพิษม่วงล่ะ?คุณคงจะไม่ได้ทิ้งไว้ที่ไหนใช่ไหม?”
เมื่อรู้ว่าจี้เยียนหรันไม่เป็นอะไรแล้ว เย่เทียนเลยโล่งอกขึ้น แต่เมื่อได้ยินเสียงของตี๋ต้าจื้อแล้ว หัวใจก็เต้นแรงอีกครั้ง
“เวลามันเร่งมาก ฉันมาทันตอนที่งูพิษม่วงเป็นศพไปแล้วเท่านั้น แล้วก็ซ่อนเอาไว้ในถ้ำใกล้ๆ เหมืองหยก ไม่ควรให้ใครเห็นภายในเวลาสั้นๆ นี้”
ตี๋ต้าจื้อส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะอธิบายออกมา “ส่วนต้นวิสทีเรียนั้น ฉันหามาได้ทั้งหมดหกเส้น แล้วก็เอามันวางไว้ด้านนอกที่พักทั้งหมดแล้ว”
เมื่อเย่เทียนได้ฟังดังนั้น หัวใจที่เต้นแรงก็กลับไปอยู่ที่เดิม
เมื่อคืนเขาเหนื่อยเป็นอย่างมากไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้หรอกเหรอ ถ้าเกิดไม่ได้อะไรเลย มันก็เหมือนทำฟรีหรือเปล่า?!
“นี่เป็นของที่ทิ้งไว้ของคนที่คุณฆ่าเมื่อวาน”
ตี๋ต้าจื้อจับกระเป๋าของตัวเองสักหน่อย ก่อนจะเอาหินทิพย์ที่ไม่เล็กใหญ่หกก้อนออกมา ก้อนใหญ่ที่สุดใหญ่ราวๆ ไข่นกกระทาเท่านั้น ส่วนก้อนที่เล็กสุดก็ประมาณถั่ว
“หินทิพย์มากขนาดนี้เลยเหรอ?!”
เย่เทียนเปิดตาโพลง เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าคนของหลิวจื่อหยังที่ฆ่าเมื่อวานจะร่ำรวยมากขนาดนี้ นี่เป็นการได้อย่างไม่คาดฝันเลยนะเนี่ย!
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด พวกเขาเกรงว่าจะเป็นคนที่มาจากโลกยุทธภพ ด้วยทรัพยากรของโลกยุทธภพนี้ หินทิพย์นี้มันไม่ได้โดดเด่นและประหลาดตามากมายนัก”
ตี๋ต้าจื้อส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเอาหินทิพย์ในมือลง
เมื่อเย่เทียนเห็นสถานการณ์ดังนั้น มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างพอใจ
อันที่จริง ตี๋ต้าจื้อนั้นไม่ต้องซื่อตรงขนาดนั้นก็ได้ แล้วก็เก็บเรื่องของหินทิพย์เอาไว้เพียงคนเดียวก็ได้
แต่เขากลับยังเลือกที่จะให้อย่างซื่อตรง นี่เป็นการแสดงความซื่อสัตย์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
แน่นอน ว่าเย่เทียนเองก็สังเกตเห็นถึงใจความสำคัญในคำพูดของตี๋ต้าจื้อ ในใจก็คิดอยู่ว่าควรจะหาโอกาสไปที่โลกยุทธภพสักหน่อย ทรัพยากรนี้มันไม่ธรรมดาเลยนะ!
เมื่อคิดแบบนี้ เย่เทียนกลับไม่ได้เก็บหินทิพย์ทั้งหมด แต่เก็บไว้เพียงสี่อันที่ใหญ่สักหน่อย ก่อนจะเหลืองสองก้อนเอาไว้ให้ตี๋ต้าจื้อ
“ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังจะทะลุแดนแล้ว ครั้งนี้ให้คุณก่อนสองก้อน แล้วจากนี้ค่อยให้เพิ่มนะ”
เดินทางสายกลางเป็นตัวเลือกที่ดี!
แม้จะบอกว่าเพิ่งรับตี๋ต้าจื้อมาได้ไม่นาน แต่เขาก็ต้องแสดงความซื่อสัตย์ออกมา เย่เทียนเองก็ต้องทำท่าทีเหมือนผู้นำที่น่าเคารพเพียงพอ
ตี๋ต้าจื้อตกลึงงัน ก่อนจะมองเย่เทียนเป็นนัย แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา พลางเก็บหินทิพย์ทั้งสองเอาไว้
“ฉันน่าจะต้องอยู่ที่จ๊กกลางอีกหลายวัน ช่วงนี้คุณก็จัดการศพของงูพิษม่วงให้ดีก็พอ”
“เอาล่ะ คุณเองก็น่าจะต้องยุ่งทั้งคืนเหมือนกัน รีบไปพักเถอะ!”
เมื่อพูดถึงเรื่องที่เป็นลมล้มพับไปในเมื่อวานกับตี๋ต้าจื้อ เย่เทียนก็โบกไม้โบกมืออย่างพึงพอใจ
ตี๋ต้าจื้อได้ฟังดังนั้น กลับไม่ได้พูดอะไรมาก แต่รีบหันตัวเดินออกไป แล้วก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูด้วย
เมื่อเขาไป เย่เทียนจะทนไหวได้อย่างไร เลยเอาหินทิพย์อันหนึ่งมานั่งขัดสมาธิ พลางเข้าการฝึกวิชา
ตั้งแต่ที่เขาฟื้นขึ้นมา เขาก็พอจะรู้ได้ถึงการทะลุไปอีกแดนหนึ่ง ในตอนแรกคิดว่าจะรอให้ประมูลสิทธิ์ของเหมืองหยกมาให้ได้ก่อน แล้วได้หินทิพย์มาถึงจะทะลุแดนได้
ใครจะไปคิดว่าจะได้รับอะไรจากเมื่อวานมากขนาดนี้ นี่มันน่าชื่นใจจริงๆ เลย!
เวลาในการฝึกวิชานั้นผ่านไปเร็วมาก เย่เทียนรู้เพียงว่าได้รับชี่ทิพย์ไม่หยุด เลยลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เขาในตอนนี้ รู้เพียงว่าดูดชี่ทิพย์เสร็จแล้ว ก่อนจะบีบอัดให้แน่น จากนั้นก็เปลี่ยนหินทิพย์อีกก้อน ราวกับว่ารู้อยู่ภายในใจเขาเอง ว่ายังมีหินทิพย์ใหญ่อีก
หินทิพย์สามก้อนที่ดูดพลังจนหมด เย่เทียนก็สังเกตได้ว่าบีบอัดชี่ทิพย์ไม่ได้อีกแล้ว แล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าโอกาสของการพัฒนาเพื่อทะลุแดนมาถึงแล้ว ก่อนจะรีบเอาหินทิพย์สี่ก้อนไป
“ผ่างๆ !”
ในร่างกายของเย่เทียน ชี่ทิพย์มากมายวิ่งแล่นในเส้นเลือดไม่หยุด จนแทบจะทะลุได้แล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนที่ดูดหินทิพย์ก้อนที่สี่เสร็จ ชี่ทิพย์ในร่างกายเขาก็ไม่มีทางที่จะถูกมัดได้อีก เหมือนกับแม่น้ำ ที่ไม่มีทางจะหยุดยั้งการมัดของมันได้เลย
ร่างกายของเย่เทียนค่อยๆ มีกลิ่นคาวซึมออกมา ความเจ็บปวดนั้นก็เริ่มหายไป แต่มีความเบาสบายเข้ามาแทนที่ ทำให้เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเสียงยาวออกมา
เย่เทียนรู้ ว่าตั้งแต่ตอนนี้ไป เขาเข้าใกล้การฝึกเหมือนชาติก่อนอีกก้าวแล้ว และจะทะลุการฝึกพลังขั้นหก!