บทที่ 729 : ค่ายกลบ้านตระกูลหลิง!
แม้ว่าหลิงหยุนจะรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่ได้ผิดหวังมากนัก เพราะข้อมูลที่ยามาดะให้มานั้น ทำให้เขาได้ทราบว่านอกจากตระกูลโทคุงาวะแล้ว ก็ยังมีตระกูลอื่นๆอีกอย่างเช่นโตโยโทมิ ยากิอุ เอโดะ และมิตซุย..
หากต้องการรู้เรื่องความยิ่งใหญ่ของตระกูลโทคุงาวะเขาคงต้องถามจากมิตซุยซึ่งอยู่ในคุกถัดไปนี้ และน่าจะได้เรื่องมากกว่าถามยามาดะเสียอีก
หลิงหยุนจัดการเรียกยันต์เตโชออกมาเผาทำลายร่างของยามาดะแล้วจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องขังถัดไป
มิตซุยนั้นมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่นและไม่ว่าหลิงหยุนจะพยายามเกลี้ยกล่อมเช่นใด แต่มิตซุยก็ปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถาม
แต่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะหัวดื้อสักเพียงใดหลิงหยุนในฐานะที่เป็นถึงหมออมตะ ก็ย่อมมีวิธีการมากมายที่จะจัดการกับคนลักษณะนี้ได้ และเพียงไม่นานเขาก็สามารถบีบบังคับให้มิตซุยยอมอ้าปากพูด และตอบคำถามของเขาจนได้
ตลอดกระบวนการสอบสวนนั้นมิตซุยได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จนทำให้นินจาขั้นชุนนินอย่างเขาถึงกับรู้สึกราวกับตกอยู่ในขุมนรก
“มิตซุย..ขอบใจที่ตอบคำถามของข้า ใหนๆเจ้าก็จะตายแล้ว สมบัติล้ำค่าในตัวเจ้า ขอให้ข้าก็แล้วกัน!”
และเป็นอีกหนึ่งครั้งที่หลิงหยุนสามารถหมุนจุดตันเถียนกลับได้และจัดการดูดเอาลมปราณของมิตซุยเข้าไปในร่างกายของตนเองได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเจ็บปวดอย่างมากเลยสินะ..เอาล่ะข้าจะช่วยสงเคราะห์เจ้าเอง!”
หลิงหยุนหมุนตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับฟาดฝ่ามือที่รุนแรงราวพายุเฮอริเคนลงบนร่างของมิตซุยจนสิ้นใจตายในทันที จากนั้นหลิงหยุนจึงจัดการใช้ยันต์เตโชเผาร่างของมันทิ้งเสีย
และในเวลานั้นเองหลิงหยุนก็ได้ยินเสียงของหลิงหย่ง หลิงเฟิง และหลิงเลี่วยดังเอะอะอยู่ด้านนอกคุกใต้ดิน พวกเขาทั้งสามคนต่างก็ต้องการเข้ามาในคุกใต้ดินนี้ให้ได้ แต่เหล่ากุ่ยพยายามห้ามไว้!
“ดูท่าทุกคนจะอาบน้ำเสร็จกันแล้วสินะ!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกระโดดออกไปจากคุกใต้ดินตระกูลหลิงทันทีและไม่นานก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่ทางเข้าคุกใต้ดิน
เหล่ากุ่ยไม่สามารถห้ามหลิงหย่งและคนอื่นๆได้และทันทีที่เห็นหลิงหยุนเดินออกมา เขาจึงร้องบอกด้วยความดีใจสุดขีด
“นั่นไง..นายน้อยห้าออกมาแล้ว!”
“น้องห้า..”
“พี่ห้า..”
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็ร้องตะโกนเรียกหลิงหยุนทันที และไม่สนใจเหล่ากุ่ยอีก
“พวกเจ้ามีอะไร!”หลิงหยุนร้องถามทุกคน
“น้องห้า..เจ้าจะมาจัดการกับสามคนนั่น เหตุใดจึงไม่รอพวกเราสามคนด้วยเล่า!”
หลิงหยุนแสร้งทำท่าโมโหโทโสพร้อมตอบกลับไปว่า“สามคนนั้นปากแข็งนัก ข้าโมโหมากก็เลยจัดการส่งพวกมันไปลงนรกแล้ว!” หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นถูจมูกตนเอง
“ห๊ะ!”
“นี่เจ้า..”
“ทำไมถึงได้รวดเร็วนัก!”
หลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วย ต่างก็ร้องออกมาด้วยความงุนงง..
“ข้าจะลงไปสับร่างของพวกมันออกเป็นชิ้นๆเพื่อแก้แค้นให้กับนักรบตระกูลหลิงที่ตายไป!” หลิงหย่งร้องออกมา
“เสียใจด้วย..พวกมันได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเรียบร้อยแล้ว!”
พูดจบหลิงหยุนก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับใช้วิชาตัวเบากระโดดออกจากสวนชั้นที่แปดไปทันที
ทั้งสามพี่น้องได้แต่อึ้งและในที่สุดก็กระโดดตามหลิงหยุนไปด้วยความเสียดาย และทุกคนต่างก็บ่นพึมพำที่หลิงหยุนทำอะไรรวดเร็วเหลือเกิน!
“เหล่ากุ่ย..ระบบป้องกันความปลอดภัยของตระกูลหลิงหละหลวมเกินไป พวกเราคงต้องหาวิธีเพิ่มระบบป้องกันให้แข็งแกร่งมากขึ้น ข้าคงต้องทำอะไรสักอย่าง..”
“ไม่ทราบว่านายน้อยห้าคิดเห็นเช่นไรได้โปรดบอกให้ข้ารู้ด้วย!” เหล่ากุ่ยรู้ว่าหลิงหยุนจะต้องมีความคิดดีๆแน่ จึงรีบร้องถามออกไป
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“ข้าต้องการก้อนโลหะขนาดเท่าลูกฟุตบอลสักสองสามร้อยลูก หรือยิ่งมากก็ยิ่งดี!”
เหล่ากุ่ยพยักหน้ายิ้มๆ“นายน้อยห้า.. ก้อนเหล็กที่ท่านต้องการนั้นหาไม่ยาก ข้าจะไปหาซื้อจากโรงงานผลิตเหล็กเอง แต่ลูกใหญ่ขนาดนั้น คงต้องไปสั่งทำล่วงหน้า”
“รีบไปจัดการให้เสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!”
บ้านบรรพบุรุษตระกูลหลิงนั้นมีสวนล้อมรอบอยู่ทั้งหมดเก้าชั้น พื้นที่กว้างขวางใหญ่โตเช่นนี้ หลิงหยุนจำเป็นต้องวางค่ายกลลวงตา และค่ายกลสังหารไว้ และเวลานี้เขาเองก็มีเงินทองมากมาย จึงเลือกที่จะใช้ก้อนโลหะสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งกว่าแทน
หล่ากุ่ยพยักหน้าและหันไปมองหลิงหย่งที่ตามติดหลิงหยุนไม่ห่าง เขาจึงแอบร่ำลาหลิงหยุนเพื่อไปรายงานเรื่องนี้ให้กับหลิงลี่ทราบ
หลิงหยุนเดินนำพี่น้องทั้งสามคนไประหว่างนั้นก็เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูโดยรอบ เมื่อพบว่าไม่มีศัตรูเข้ามาเพิ่ม เขาก็ยิ้มพร้อมกับหันไปถามทุกคนว่า
“พวกเจ้าอยากดูอะไรสนุกๆหรือไม่”
เวลานี้ทั้งสามพี่น้องต่างก็ได้รู้จากเหล่ากุ่ยแล้วว่ายันต์บำบัดในมือของพวกเขานั้นล้วนเป็นฝีมือการปลุกเสกของหลิงหยุน และทันทีที่ได้ยินหลิงหยุนร้องถามเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น และแทบทนรอไม่ได้
“อยากสิ..พวกเราอยากดูมาก!” พี่น้องทั้งสามคนต่างก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจพร้อมกัน
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกระโดดออกไปนอกกำแพงสูงที่กั้นระหว่างสวนไว้..
“พวกเจ้าดูให้ดีล่ะ!”
หลิงหยุนเรียกยันต์เตโชออกมาและนำไปแปะไว้ที่ลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วจึงแอบร้องสั่งยันต์
หลังจากที่ลูกไฟซึ่งมีเปลวไฟสีฟ้าลุกโชนขึ้นเผาผลาญลำต้นของต้นไม้ขนาดใหญ่แล้วก็ตามมาด้วยเสียงต้นไม้ลมลงดังครืน! ลำต้นครึ่งท่อนของต้นไม้ใหญ่ล้มตึงลงไปกับพื้น และกิ่งก้านใบต่างก็หักระเนระนาด
“โอ้โห..ช่างรุนแรงมากจริงๆ!” หลิงหย่งร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“นี่มันอะไรกัน!ช่างน่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้! หากผาร่างของคนเข้า คงจะ..” หลิงเลี่วยพึมพำออกมาอย่างงุนงงง
ส่วนหลิงเฟิงนั้นได้แต่ยืนอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก!
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ยันต์ที่พวกเจ้าใช้เมื่อครู่เรียกว่ายันต์บำบัด คุณสมบัติของมันใช้รักษาอาการบาดเจ็บ ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ก็สามารถรักษาให้หายได้ในทันที!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เรียกยันต์เตโชออกมาอีกปึกหนึ่ง และแบ่งเป็นสามส่วนส่งให้พี่น้องทั้งสามคนของเขาพร้อมกับย้ำว่า
“ฟังนะ..ยันต์นี่มีอานุภาพที่น่ากลัวมากก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะหากคู่ต่อสู้ของเจ้าเป็นยอดฝีมือแล้วล่ะก็ หากถูกเขาซัดฝ่ามือส่งยันต์กลับใส่ตัวเองแล้วล่ะก็ คงไม่ต้องให้ข้าอธิบายนะ..”
หลังจากสาธิตการใช้ยันต์เตโชจบหลิงหยุนก็หยิบยันต์เพชร ยันต์เกราะออกมาส่งให้กับทุกคน และสอนวิธีการใช้ให้กับทั้งสามคน เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง
“ยันต์นี้ใช้สำหรับเป็นเกราะป้องกันตัวเองควรใช้ในวินาทีที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายเท่านั้น พวกเจ้าทั้งสามจำไว้ให้ดี!”
ทั้งหลิงหย่งหลิงเฟิง และหลิงเลี่วยที่กำลังงุนงง ได้แต่พยักหน้างหงึกๆไม่ต่างจากไก่ผงกหัว และสีหน้าก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
แต่แล้วหลิงหย่งก็พึมพำออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย“น้องห้า.. หากเจ้ามาเร็วกว่านี้ พวกเราคงไม่ต้องสูญเสียมากมายถึงเพียงนี้ ”
หลิงเฟิงเองก็ไม่ลืมที่จะถามหลิงหยุนว่า“น้องห้า.. ยันต์พวกนี้เจ้าได้มอบให้ท่านปู่กับลุงสองหรือไม่!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ข้าต้องมอบให้กับพวกท่านทั้งสองอยู่แล้ว และนับจากนี้ไปจะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นคืนนี้เกิดขึ้นกับตระกูลหลิงอีก!”
“กลับกันได้แล้วข้ายังมีเรื่องต้องไปรายงานท่านปู่อีก!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็ตรงเข้าไปยังสวนเล็กซึ่งเป็นที่พักของหลิงลี่
และเมื่อไปถึงชายร่างสูงใหญ่สองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ ก็ได้เดินเข้าไปรายงานให้หลิงลี่ทราบว่าหลิงหยุนมาขอพบ แต่กลับได้ยินเสียงของหลิงลี่ดังออกมาว่า
“หลานชายของข้ามาหาข้าเจ้ายังจะต้องมารายงานอะไรอีก จำไว้.. จากนี้ไปนายน้อยสี่ – หลิงหยุนสามารถเดินไปที่ใหนในบ้านหลังนี้ก็ได้!”
“เชิญนายน้อยสี่เข้าไปได้!”นักรบตระกูลหลิงทั้งสองคนร้องบอกหลิงหยุนด้วยความเคารพนบนอบ
หลิงหยุนหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินว่าท่านปู่เรียกเขาว่า ‘นายน้อยสี่’ และหากเป็นหลิงลี่เรียก หลิงซิ่วคงไม่กล้าโวยวายอะไรอีก!
ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไปในห้องของหลิงลี่ทั้งหลิงลี่ หลิงเจิ้น หลิงเย่ว และเหล่ากุ่ย ทั้งสี่คนต่างก็ยิ้มทักทายเขา
“ท่านปู่..ข้าลงมือหนักไปหน่อย พวกมันทั้งสามคนจึงสิ้นใจตายไปแล้ว!” หลิงหยุนรายงานด้วยท่าทางสบายๆ
หลิงลี่หัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่า “เจ้าเป็นคนจับพวกมันมา อีกอย่างช้าเร็วพวกมันก็ต้องถูกฆ่าอยู่ดี!”
หลิงเข้าเรื่องที่ต้องการรายงานทันที“ท่านปู่.. เฉินไห่คุนบอกกับข้าว่าท่านพ่อไม่ได้ถูกคนตระกูลเฉินจับตัวไป และการหายตัวไปของท่านพ่อไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน!”
หลิงลี่หลิงเจิ้น และหลิงเย่วต่างก็หันไปมองหน้ากัน จากนั้นหลิงเย่วจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า
“เฉินไห่คุนไม่น่าพูดโกหกพวกมันจับข้าไปขังไว้พร้อมกับเสนอเงื่อนไข แต่ก็ไม่เคยพูดถึงน้องสามเลยตั้งแต่ต้นตนถึงบัดนี้..”
หลิงลี่เงยหน้าขึ้นมองเหล่ากุ่ย จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลิงเจิ้นว่า “ผู้นำตระกูล.. เจ้าคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร”
หลิงเจิ้นครุ่นคิดอยู่นานจึงตอบกลับไปว่า“ท่านพ่อ.. ข้าว่าการหายตัวของน้องสามนั้นน่าจะซับซ้อนกว่ากรณีของน้องสอง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะต้องมีอำนาจยิ่งกว่าตระกูลเฉิน และต้องมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าตระกูลเฉินด้วย..”
หลิงลี่พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับพูดเสียงเบา“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่อยากรีบร้อนนัก และไม่ต้องการให้ข่าวคราวเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป ไว้ค่อยหารือกันใหม่อีกครั้ง!”
หลังจากนั้นหลิงลี่ก็มองหลิงหยุนด้วยความสนใจ พร้อมกับพูดยิ้มๆ “หลิงหยุน.. เจ้าสั่งเหล่ากุ่ยให้นำโลหะก้อนมาตั้งมากมาย เจ้าคิดจะทำอะไรงั้นรึ”
หลิงหยุนเกาศรีษะพร้อมกับตอบยิ้มๆ“ท่านปุ่.. ข้าเห็นว่าระบบป้องกันภายในบ้านตระกูลหลิงค่อนข้างหละหลวมอ่อนแอ ข้าจึงอยากจะคิดหาระบบป้องกันให้เท่านั้นเอง”
ค่ายกลของหลิงหยุนนั้นมีอานุภาพน่ากลัวเพียงใดทุกคนในตระกูลก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการจะวางงค่ายกลภายในบ้าน ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกันไปหมด
เพราะตระกูลใหญ่หลายๆตระกูลแม้กระทั่งองค์กรลับอย่างกลุ่มนภา ตระกูลหลง และตระกูลเย่ ต่างก็มีการวางค่ายกลเช่นกัน
และเวลานี้กำลังจะมีตระกูลหลิงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตระกูล!